หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 394 ผู้ร้ายหลังม่าน (3)
ตอนที่ 394 ผู้ร้ายหลังม่าน (3)
สุดท้ายองครักษ์ที่มาค้นก็ได้เข้าไปในห้องบรรทมของพระสนมอานเฟย ทุกห้อง ทุกซอกมุม ทุกหีบ แม้แต่ทุกชั้นระหว่างอาภรณ์ต่างถูกตรวจค้นอย่างละเอียด
ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งนอกกำแพง ยิ่นอ๋องเดินออกมาอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ระหว่างทางเขาหลบเลี่ยงองครักษ์ที่ลาดตระเวนจนมาถึงประตูวังหลวง
สถานการณ์แย่กว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก คนที่ออกจากวังหลวงทุกคน ไม่ว่าฐานะสูงต่ำ ไม่ว่าตำแหน่งใหญ่เล็ก ทุกคนล้วนต้องถูกองครักษ์ตรวจค้นร่างกาย แม้แต่รถม้าก็ไม่เว้น
การตรวจค้นเข้มงวดเช่นนี้ ชุดแต่งงานชุดนั้นบนตัวยิ่นอ๋องย่อมซ่อนไว้ไม่ได้แน่
ยิ่นอ๋องขมวดคิ้วสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่กำลังคิดว่าจะลอบปะปนกับผู้คนออกจากวังไปอย่างไร องครักษ์ที่เฝ้าประตูตรงนั้นก็สังเกตเห็นเขาเข้า
“ท่านอ๋อง!” องครักษ์คนหนึ่งประสานมือคำนับ
คนที่เหลือต่างมองตามมาแล้วคำนับอย่างนอบน้อม
ในหมู่องค์ชายยิ่นอ๋องไม่นับว่าเป็นที่โปรดปรานนัก แต่ต่อให้ไม่ได้รับความโปรดปรานอีกเท่าใดก็เป็นโอรสของฮ่องเต้ ยามนี้เขาเข้าไปอยู่ในกรมกลาโหมแล้ว ยิ่งกลายเป็นองค์ชายหนึ่งในจำนวนไม่มากที่กุมอำนาจจริงๆ เอาไว้ อีกฝ่ายย่อมไม่ใช่คนที่พวกเขาองครักษ์เหล่านี้ล่วงเกินได้
ทุกคนคำนับ องครักษ์ที่เป็นหัวหน้าวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา “ท่านอ๋อง ทูลถามท่าน จะออกจากวังหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ยิ่นอ๋องตอบอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด “ไม่ใช่ ข้าได้ยินว่าของของเสด็จพ่อถูกขโมยไปจึงกำลังช่วยเสด็จพ่อค้นหาอยู่ พวกเจ้าฝั่งนี้ค้นพบอะไรบ้าง”
องครักษ์ชะงักไปครู่หนึ่ง เห็นชัดว่าเขาถูกคำพูดของยิ่นอ๋องทำให้มึนงง พวกเขาไม่ได้ยินว่าฝ่าบาทส่งคนอื่นมาค้นหานะ แต่ยิ่นอ๋องไม่มีความจำเป็นต้องโกหกสักหน่อย หลังจากพวกเขาออกมาฝ่าบาทอาจจะออกคำสั่งกับยิ่นอ๋องอีกก็เป็นได้
องครักษ์ประสานมือตอบว่า “ตอบท่านอ๋อง ยังไม่พบพ่ะย่ะค่ะ”
ยิ่นอ๋องกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปค้นหาที่อื่น พวกเจ้าเฝ้าให้ดี อย่าให้มือสังหารหนีออกไปได้”
องครักษ์สีหน้าเคร่งขรึม “พ่ะย่ะค่ะ! ข้าน้อยรับบัญชา!”
ยิ่นอ๋องผละออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับสีหน้าไร้อารมณ์
พอเดินมาถึงด้านหลังภูเขาจำลองไม่ไกล เขาก็ลอบสอดส่องสถานการณ์ฝั่งนี้อยู่เงียบๆ แล้วก็เห็นว่าการตรวจค้นเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ ขุนนางที่ออกจากวังเหล่านั้นต้องถอดแม้กระทั่งรองเท้ากับถุงเท้ามาให้องครักษ์ตรวจค้น ส่วนนางกำนัลและภริยาของเหล่าขุนนางก็มีแม่นมตำแหน่งพิเศษต่อคอกกั้นทำการตรวจค้นร่างกายโดยเฉพาะ
ไม่ต้องพูดถึงชุดแต่งงานชุดหนึ่ง น่ากลัวว่าแม้แต่เข็มหนึ่งเล่มหรือด้ายหนึ่งเส้นก็คงนำออกไม่ได้
หากปล่อยให้ผู้อื่นค้นพบว่าพระสนมอานเฟยซ่อนชุดแต่งงานในอดีตเอาไว้ พระสนมอานเฟยคงเลี่ยงการต้องโทษลักลอบคบชู้สู่ชายไม่ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจะเห็น
อีกฝั่งหนึ่งกำลังมีองครักษ์เดินลาดตระเวนมา คนกลุ่มนั้นพบผู้ตรวจการเฒ่าหลายคนระหว่างทาง ก็ขวางผู้ตรวจการเฒ่าเหล่านั้นเอาไว้แล้วเริ่มตรวจค้น
ยิ่นอ๋องเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงหมุนตัวผลุบเข้าไปในทางเดินเส้นน้อยด้านข้าง จากนั้นเดินเลาะกำแพงวังไปยังทะเลสาบด้านในตามเส้นทางที่คนสัญจรผ่านไปมาน้อย
เพิ่งเดินได้ครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงอุทานตกใจเบาๆ “โอ๊ะ!”
เสียงนี้…คุ้นหูอยู่นิดๆ
“ช่วย…ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยยย”
ยิ่นอ๋องไม่อยากมีเรื่องเพิ่มอีก หลังจากชะงักเท้าวูบหนึ่งก็สาวเท้าเดินจากไปทันที
“ช่วยข้าที…ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วยยยย”
แววตาของยิ่นอ๋องวูบไหว เขาลังเลครู่หนึ่งก็หมุนตัวเดินไปทางบ่อน้ำแห้งแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล เสียงดังออกมาจากตรงนี้
เขายืนอยู่ริมปากบ่อ ก้มลงมองคนที่อยู่ก้นบ่อจากด้านบน จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทุ้มต่ำ “มิน่าเสียงจึงคุ้นหูถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็ฮองเฮานี่เอง ฮองเฮาเหตุใดจึงพลัดตกลงไปในบ่อได้เล่า”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้น นางเกาะขอบบ่อพลางข่มกลั้นความเจ็บปวดที่ขา แล้วบอกอย่างน่าสงสาร “ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าร่วงลงมาได้อย่างไร เมื่อครู๋ข้า….ข้าเดินอยู่บนทางเดิน…จู่ๆ ก็หน้ามืด พอข้าตื่นขึ้นมาก็อยู่ในนี้แล้ว…ขาของข้าเหมือนจะหักตอนร่วงลงมา…เจ็บมาก…”
หรือว่านางจะพบกับมือสังหารเข้า
ใบหน้าของยิ่นอ๋องปรากฏสีหน้าบางอย่าง พอได้ยินเสียงครางด้วยความเจ็บปวดของนาง หัวใจของยิ่นอ๋องก็ว้าวุ่นเล็กน้อย เขาตั้งสติแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าช่วยฮองเฮาขึ้นมาได้ เพียงแต่ฮองเฮาต้องรับปากจะช่วยข้าเรื่องหนึ่ง”
แต่เดิมยิ่นอ๋องคิดว่านางจะถามว่าช่วยเรื่องอะไร คิดไม่ถึงนางกลับพยักหน้าอย่างไม่พูดพร่ำสักนิด
ยิ่นอ๋องเอ่ยเตือนเสียงเย็นชา “ท่านไม่กลัวว่าเรื่องที่ข้าวานให้ท่านทำจะเป็นเรื่องไม่ดีหรือไร”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวแหงนหน้ายิ้มหวานตอบว่า “ต่อให้เป็นเรื่องชั่วร้าย ข้าก็จะช่วยเจ้า!”
ขมับของยิ่นอ๋องฉับพลันเต้นตุ้บๆ
“เจ้ารีบช่วยข้าขึ้นไปเร็ว ข้างล่างหนาวเหลือเกิน” ฮองเฮาเยี่ยหลัวตอบ
ยิ่นอ๋องหาเชือกม้วนหนึ่งมาจากเรือนชมบุปผาใกล้ๆ จากนั้นจึงดึงฮองเฮาเยี่ยหลัวขึ้นมา
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเพิ่งจะยืนบนพื้นได้ก็สูดปากเสียงดังด้วยความเจ็บปวด “ขาของข้า…”
ยิ่นอ๋องขมวดคิ้ว “ล่วงเกินแล้ว”
กล่าวจบก็ก้มตัวลงไปจับขาซ้ายของนาง “ขาของฮองเฮาไม่เป็นอะไร น่าจะบาดเจ็บภายนอกเท่านั้น”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวตอบว่า “อืม”
ยิ่นอ๋องหยิบชุดแต่งงานอกมาจากแขนเสื้อกว้าง จากนั้นหันมาส่งให้ฮองเฮาเยี่ยหลัวแล้วบอกว่า “ขอร้องฮองเฮาโปรดสวมอาภรณ์ชุดนี้ไว้ใต้อาภรณ์ชั้นนอกด้วย”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวมองอาภรณ์สีแดงสดในมือ แล้วอุทานอย่างตกใจ “นี่ไม่ใช่ชุดแต่งงานของจงหยวนของพวกเจ้าหรือ สวยงามนักเชียว! เหตุไฉนเจ้าจึงมีชุดแต่งงาน เจ้าจะนำไปมอบให้ผู้ใดหรือ”
“ข้าคงไม่อาจบอกได้” ยิ่นอ๋องตอบเสียงเย็นชา
ฮองเฮาเยี่ยหลัว “อ้อ”
ยิ่นอ๋องหันหลังให้แล้วรออยู่นาน ด้านหลังไม่มีเสียงสักนิด เขาฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้จู่ๆ จึงหันหลังกลับมา แล้วก็เห็นฮองเฮาเยี่ยหลัวกำลังตั้งอกตั้งใจกลัดกระดุ้มเม็ดสุดท้ายอยู่
“เสร็จแล้ว!” ฮองเฮาเยี่ยหลัวปรบมือพลางเลิกคิ้วยิ้มให้ยิ่นอ๋อง นางเหล่มองสีหน้าที่เขาไม่ทันเก็บซ่อนแล้วตีหน้าเคร่งขรึม “อะไรกัน เจ้ากลัวข้าหนีไปหรือ”
ยิ่นอ๋องยืนกรานปฏิเสธ “ไม่ใช่ ไปกันเถิด”
เดินไปได้สองสามก้าวก็พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตามมาด้วย เขาหันหลังกลับมาถาม “เป็นอันใดอีกเล่า”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเหลือบมองเขา แล้วเอ่ยอย่างอ่อนแรง “ข้าเดินไม่ไหว”
ยิ่นอ๋องมุมปากกระตุก “ฮองเฮาเข้าวังมาทำสิ่งใดกันแน่”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวตอบว่า “ข้าเข้าวังมารับเฉี่ยวหลิง แต่จู่ๆ ก็หมดสติไป”
ยิ่นอ๋องมององครักษ์ที่มีมากกว่าเดิม แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “วันนี้อย่าเพิ่งไปรับเลย หากชักช้าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน รีบออกจากวังเถิด”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวขยับนิ้ววนเป็นวง “แต่ข้าเดินไม่ไหว”
ยิ่นอ๋องยื่นมือส่งให้ฮองเฮาเยี่ยหลัว
ฮองเฮาเยี่ยหลัวมองมือที่เขาส่งมาให้ ดวงตาพลันเป็นประกาย เดินกะเผลกเข้าไปหาจากนั้นกระโดดหมับขึ้นไปบนหลังของเขา!
ยิ่นอ๋อง “…”
ไหนว่าเดินไม่ไหวอย่างไรเล่า
ท่านกระโดดได้อยู่ไม่ใช่หรือ!
ฮองเฮาเยี่ยหลัวกอดคอยิ่นอ๋องอย่างอิ่มเอมใจ จากนั้นจึงเอียงหน้ามองเขาดวงตาหยีโค้ง “ก่อนหน้านี้ข้าเคยพบเจ้าใช่หรือไม่”
ยิ่นอ๋องตอบเสียงเย็นชา “ต้องเคยพบสิพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวถาม “ที่ใด”
ยิ่นอ๋องตอบ “ในงานเลี้ยงของราชวงศ์”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวผิดหวัง “คนที่เจ้าพูดถึงคือเจาหมิง”
“ท่านคือเจาหมิงไม่ใช่หรือ” ยิ่นอ๋องถามอย่างแปลกใจ
ฮองเฮาเยี่ยหลัวไม่ตอบแล้ว นางกอดคอเขา ฟุบหน้าเกาะไหล่เขาอย่างหม่นหมอง
ท่าทางเช่นนี้ออกจะใกล้ชิดเกินไปอยู่บ้าง ยิ่นอ๋องไม่คุ้นชินนัก “ฮองเฮา…องค์หญิง ท่านทำเช่นนี้จะ…”
“จะอะไร” ฮองเฮาเยี่ยหลัวถามเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงแฝงความเศร้าสลดที่กดข่มไว้ออกมาด้วย
ยิ่นอ๋องอยากพูดแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เขาพรูลมหายใจแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวกอดเขาแน่นกว่าเดิม
ยิ่นอ๋อง “…”
เดินมาได้อีกระยะหนึ่ง ยิ่นอ๋องก็หยุดหลังภูเขาจำลองที่อยู่ใกล้กับประตูวัง สตรีบนแผ่นหลังแทบจะไร้น้ำหนัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่านางเป็นฮองเฮาของเยี่ยหลัว เป็นมารดาบังเกิดเกล้าของจีหมิงซิว ในใจเขาพลันมีความไม่พอใจที่บรรยายไม่ถูกทะลักออกมา “ถึงแล้ว ออกไปข้างหน้าอีกหน่อยก็คงถูกคนเห็นแล้ว”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวกระโดดลงจากแผ่นหลังของเขาอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะเดินไปทางประตูวังโดยที่คอยหันกลับมามองข้างหลังเป็นระยะ
“ฮองเฮา” ยิ่นอ๋องเรียกนางไว้
ฮองเฮาเยี่ยหลัวหันกลับมาอย่างดีใจ “อะไรหรือ”
ยิ่นอ๋องบอกพร้อมกับสีหน้าเฉยชา “อย่าให้ผู้ใดค้นตัวท่าน”
“อ้อ”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเบ้ปากอย่างผิดหวัง แล้วเดินเงียบๆ ไปทางองครักษ์ที่ค้นตัวผู้คนอยู่
องครักษ์ทั้งหมดทราบฐานะ ‘ทั้งสอง’ ฐานะของนางดี พวกเขาจึงคำนับอย่างนอบน้อมอย่างยิ่ง “ฮองเฮา!”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวโบกมือ แล้วบอกอย่างไม่เกรงใจสักนิด “หลีกไป ข้าจะออกจากวัง”
องครักษ์ที่เป็นหัวหน้าตอบว่า “ทูลฮองเฮา ของของฝ่าบาทถูกขโมยไป หากท่านต้องการออกจากวังต้องตรวจค้นตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
แม่นมตาแหลมคนหนึ่งคลี่ยิ้มเดินเข้ามาหา “บ่าวถวายบังคมฮองเฮาเพคะ ฮองเฮาเชิญตามบ่าวมาด้านนี้เพคะ”
“ตามไปไหนของเจ้า” ฮองเฮาเยี่ยหลัวถามเรียบๆ
แม่นมยิ้มตอบว่า “ค้นตัวเพคะ ฮองเฮา”
แววตาของฮองเฮาเยี่ยหลัววูบไหว แต่แล้วนางก็ขุดมาดฮองเฮาออกมาเบ่ง “พวกเจ้าสงสัยว่าข้าขโมยของของฝ่าบาทหรือ”
แม่นมตกใจจนหัวใจเต้นตุ้บๆ นางหันไปมององครักษ์ด้านข้างอย่างไม่สบายใจ องครักษ์รีบตอบว่า “พวกบ่าวไม่ได้คิดเช่นนั้น เพียงแต่ฝ่าบาทมีพระบัญชา ผู้ใดก็ต้องตรวจค้นทั้งสิ้น แม้แต่ห้องบรรทมของฝ่าบาทเองก็ยังถูกตรวจค้นมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวว่าอย่างเย็นชา “ข้าไม่ชอบให้ผู้อื่นมาแตะต้องตัวข้า! อย่าได้เอามือสกปรกของพวกเจ้ามาแตะข้า!”
“นี่…” แม่นมกับหัวหน้าองครักษ์มองหน้ากัน
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเดินไปหาองครักษ์อีกแถวหนึ่งที่ตั้งแถวอยู่อย่างขึงขัง จากนั้นจึงชี้นิ้วใส่คนหนึ่งในนั้น แล้วบอกว่า “เจ้า ใช่แล้ว เจ้านั่นแหละ! เจ้าไปกราบทูลฮ่องเต้ บอกว่าสองคนนั้นต้องการจะค้นตัวข้า! ข้าโกรธมาก ข้าอยากจะตัดศีรษะพวกเขา!”
องครักษ์ที่เป็นหัวหน้ากับแม่นมตกใจจนลงไปคุกเข่าดังตุ้บบนพื้น
ฮ่องเต้จะยืนกรานให้ตรวจค้นตัวองค์หญิงเจาหมิงหรือไม่ พวกเขาไม่ทราบ แต่เพื่อประจบเอาใจองค์หญิง ศีรษะบนบ่าของพวกเขาคงรักษาเอาไว้ไม่ได้แน่แล้ว
ผู้ใดให้ฝ่าบาทรักองค์หญิงผู้นี้เข้าไปถึงในกระดูกกันเล่า!
ทั้งสองคนโขกศีรษะกับพื้น “ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว! ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว! ขอองค์หญิงโปรดอภัยด้วย!”
แม้แต่คำเรียกขานก็เปลี่ยนไปแล้ว เห็นชัดว่าพวกเขากลัวจนเสียขวัญจริงๆ
“ยังจะค้นอีกหรือไม่” ฮองเฮาเยี่ยหลัวถามย้ำทีละคำ
ทั้งสองคนรีบส่ายศีรษะไม่หยุด!
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเอ่ยต่อ “ยังไม่รีบหลีกไปอีก!”
ทั้งสองคนหลบไปอย่างว่องไว!
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเดินอาดๆ ออกจากประตูวัง คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเหยียบเท้าออกมา เฉียวเวยก็พาหญิงรับใช้คนหนึ่งเดินมาทางด้านนี้