หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 395-1 ดักจับ ถูกเปิดโปง
ตอนที่ 395-1 ดักจับ ถูกเปิดโปง
หญิงรับใช้ผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่น นางก็คือเฉี่ยวหลิงนางกำนัลคนสนิทข้างกายฮองเฮาเยี่ยหลัวนั่นเอง
เพราะทราบว่าท่านน้าต้องการรับแม่นางผู้นี้มาอยู่ข้างกายและอ้างเรื่องนี้สร้างโอกาสเข้าออกตำหนักฉางฮวน เฉียวเวยจึงถือโอกาสพาคนออกมาด้วยเสียเลย
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อวันก่อน เรื่องนี้เกรงว่าคงจะไม่ง่ายดายเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นเหตุใดฮองเฮาจะต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ลักลอบเข้ามาเล่า ก็ไม่ใช่เพราะกลัวราชครูจับได้ แล้วกักตัวเฉี่ยวหลิงไว้ไม่ยอมให้นางพาไปด้วยหรอกหรือ
แต่ตอนนี้ราชครูเจ็บหนักไม่ได้สติ ศิษย์เอกตัดสินใจได้ทุกสิ่ง เฉียวเวยจึงใช้เรื่องส่วนรวมเพื่อประโยชน์ส่วนตน เอาคนมาไว้ในมือเสีย
เฉี่ยวหลิงทราบว่าตนเองกำลังจะได้ไปปรนนิบัติฮองเฮาก็ดีใจอย่างยิ่ง นางเก็บข้าวของของตนเองกับฮองเฮามาพร้อมกันอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิด
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเดินอยู่ด้านหน้า นางจึงไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าด้านหลังมีคนคุ้นเคยสองคนเดินมา ในเวลานี้เฉียเวยกำลังฟังเฉี่ยวหลิงเล่าเรื่องน่าขบขันระหว่างฮองเฮาเยี่ยหลัวกับองค์ชายสามไม่หยุดปาก ชั่วขณะนั้นพวกนางจึงไม่ได้สนใจว่าด้านหน้ามีคนอยู่เช่นกัน
แน่นอนว่าหากรอพวกนางสังเกตเห็น ทุกสิ่งก็คงจะสายไปแล้ว
ยิ่นอ๋องที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมองดูความเคลื่อนไหวด้านนี้อยู่ตลอด เขาตระหนักดีว่าตนเองจะเสี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้
เมื่อในใจครุ่นคิดจบ เขาก็ตีหน้าจริงจังสาวเท้าก้าวไปหาเฉียวเวย
“เฉียวซื่อ”
เฉียวเวยได้ยินคนเรียกตนเองก็หยุดเท้า แล้วหันกลับไปช้าๆ อย่างประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าพอครุ่นคิดอีกครั้ง ก็คิดได้ว่าที่แห่งนี้คือวังหลวง เขาเป็นท่านอ๋องจะพบเขาเข้าก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกเท่าใดนัก จึงทักทายเรียบๆ “ท่านอ๋อง”
เฉี่ยวหลิงคำนับตามธรรมเนียมเยี่ยหลัว
ยิ่นอ๋องจำเฉี่ยวหลิงไม่ค่อยได้ แต่เห็นเสื้อผ้าของนางก็พอจะทราบว่าเป็นคนเยี่ยหลัว จึงอดไม่ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยถามว่า “นางเป็นผู้ใด เหตุใดจึงอยู่กับเจ้า”
คำพูดนี้กำลังถามเฉียวเวย
เฉียวเวยยิ้มเรียบๆ ตอบว่า “นางเป็นหญิงรับใช้ของฮองเฮา ข้าจะให้นางไปรับใช้ฮองเฮา มีอะไร ท่านอ๋องจะคัดค้านหรือ”
ก็เพียงหญิงรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น ยิ่นอ๋องจะคัดค้านอะไรเล่า แต่เป้าหมายของเขาคือการถ่วงเวลา มีอะไรให้ลากไปถึงได้เขาย่อมลากไปเรื่องนั้น “เรื่องนี้ราชครูทราบแล้วหรือยัง”
ราชครูอาการร่อแร่ปางตายเช่นนั้นยังจะทราบอะไรอีกหรือ เฉียวเวยคร้านจะอ้อมค้อม นางกล่าวตรงไปตรงมาอย่างไม่กลัวเกรง “ฮองเฮารับตัวหญิงรับใช้ของนางไป ต้องให้ราชครูยินยอมด้วยหรือ”
ยิ่นอ๋องยิ้มเย็นชา “ข้าเพียงแต่สงสัยใคร่รู้ก็เท่านั้น ในเมื่อนางเป็นหญิงรับใช้คนสนิทข้างกายฮองเฮา เหตุไฉนวันนั้นจึงไม่ไปด้วยกันกับฮองเฮา แต่ต้องให้พวกเจ้าเข้าวังมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยปิดบังราชครูเพื่อพานางไป”
เฉียวเวยหรี่ตาลงอย่างแปลกใจ “ครั้งแล้วครั้งเล่าหมายความว่าอย่างไร”
ยิ่นอ๋องหัวใจกระตุก
เฉียวเวยเพิ่งมารับเฉี่ยวหลิงเป็นครั้งแรก อีกครั้งหนึ่งคือตอนฮองเฮาเยี่ยหลัวปลอมตัวเป็นปี้เอ๋อร์ เมื่อนับรวมกับครั้งก่อนหน้านั้นอีกก็สามครั้งพอดี แต่เฉียวเวยไม่ทราบว่าวันนี้ฮองเฮาเยี่ยหลัวเข้าวังมาด้วย ดังนั้นในความทรงจำของนางจึงมีทั้งหมดสองครั้งเท่านั้น และในสองครั้งนี้ ครั้งที่ถูกยิ่นอ๋องบังเอิญพบเข้าก็มีเพียงวันนี้เท่านั้น ยิ่นอ๋องไยจึงพูดว่าครั้งแล้วครั้งเล่า
ยิ่งแถต่อไปมีแต่จะยิ่งสีข้างถลอก โชคยังดีที่ฮองเฮาเยี่ยหลัวออกไปพ้นวังหลวงแล้ว ยิ่นอ๋องมองประตูวังที่ว่างเปล่า จากนั้นจึงหมุนเท้าเปลี่ยนทิศทาง พลางเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน!”
กล่าวจบก็เดินตรงดิ่งไปที่ประตูใหญ่ ให้องครักษ์ค้นตัวอย่างให้ความร่วมมือ แล้วเชิดหน้าก้าวอาดๆ เดินออกจากประตูวังไป
หลังออกมาจากประตูวังแล้ว เขาก็เลี้ยวขวามาถึงจุดที่นัดกับฮองเฮาเยี่ยหลัวเอาไว้ ทว่าชั่วพริบตานั้นเขาก็ตาค้าง!
คนเล่า!
…
กล่าวถึงฮองเฮาเยี่ยหลัว หลังจากนางออกจากวังหลวงมาแล้วก็มารอด้านหลังต้นไหวต้นใหญ่ริมทางเส้นน้อยทางฝั่งขวาทันที ที่แห่งนี้เร้นซ่อนและอับแสง เดิมทีเป็นสถานที่ซ่อนตัวที่หาได้ยากแห่งหนึ่ง แต่วันนี้วังหลวงมีการขโมยเกิดขึ้น แม้แต่ตรงจุดนี้จึงมีองครักษ์ลาดตระเวนมาไม่น้อย
องครักษ์ขบวนใหญ่เดินมาทางด้านนี้ องครักษ์ขบวนนี้รับผิดชอบสอดส่องมองหาคนน่าสงสัยด้านนอกวังหลวงเป็นหลักเพื่อป้องกันไม่ให้หัวขโมยร่วมมือกันจากด้านในและด้านนอก
พวกเขาย่อมไม่สงสัย ‘องค์หญิงเจาหมิง’ แต่ฮองเฮาเยี่ยหลัวเอาชนะความหวั่นกลัวในใจไม่ได้ นางรุ้สึกว่าตัวเองจะถูกจับได้แล้ว คนกลุ่มนั้นจะมาจับตนเอง
ในชั่วขณะที่อยู่ในวิกฤตนั้นฮองเฮาก็หันไปเห็นรถม้าของเฉียวเวย ม่านรถเปิดอยู่ ด้านในว่างเปล่า เฉียวเวยไม่อยู่!
ความเปรมปรีดิ์ในหัวใจแทบจะเอ่อล้นออกมาจากแววตาของฮองเฮาเยี่ยหลัว นางก้าวขึ้นไปบนรถม้า
สารถีเห็นนางก็ไม่พูดอะไร
องครักษ์เดินผ่านข้างรถม้าไปแล้ว
ฮองเฮาเยี่ยหลัวผ่อนลมหายใจ นางเลิกม่านรถกำลังจะเดินลงมา แต่ก็พบกับเฉียวเวยเข้าพอดี
“ท่านน้าหรือ” เฉียวเวยมองคนที่อยู่บนรถม้าอย่างประหลาดใจ “ท่านมาได้อย่างไร ท่านออกมาข้างนอกคนเดียวหรือ”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวตกตะลึง นางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เสี่ยวเวย เจ้ามาแล้วหรือ” เหตุใดจึงเร็วปานนี้เล่า!
เฉียวเวยขึ้นมานั่งบนรถม้า แล้วหันมามองนาง “ท่านน้าเข้าวังมารับเฉี่ยวหลิงใช่หรือไม่ ข้ารับคนมาแล้ว อยู่บนรถม้าคันโน้น ท่านน้าจะเรียกนางมาหาหรือไม่”
“ไม่ต้องๆ!” ฮองเฮาเยี่ยหลัวรีบโบกมือ แล้วจับเส้นผมเงางามทัดหลังหู ไม่กล้ามองสบตาของเฉียวเวย เพียงบอกเสียงเบาว่า “ข้า…ข้าจิบน้ำคำเดียวก็จะไปแล้ว”
“ไปที่ใดเล่า” เฉียวเวยถาม
ฮองเฮาเยี่ยหลัวแววตาวูบไหว ขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น เหลือบตาขึ้นมองอย่างหลุกหลิก