หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 45 ไพ่จักรพรรดิ
ตอนที่ 45 ไพ่จักรพรรดิ
เฉียวเวยจั่วไพ่สองตัวออกมาจากสำรับไพ่ทั้งหมดสามสิบสองตัว ได้คู่ดอกเหมย
ลำดับสูงต่ำในเกมไพ่เก้า ได้แก่ คู่ฟ้า คู่ดิน คู่คน คู่ประสาน คู่ดอกเหมย คู่ยาว คู่ม้านั่ง คู่ขวาน คู่หัวแดง คู่ต่อขา คู่หนึ่งห้า จากนั้นคือแต้มรวม เก้าแต้ม แปดแต้ม เจ็ดแต้ม ห้าแต้ม ตามลำดับ
คู่ดอกเหมยอยู่ลำดับที่ห้า ถือว่านางไม่ใด้โชคร้ายนัก
พี่จ้าวมองอู๋ต้าจิน “ต้าจิน ตาเจ้าแล้ว”
อู๋ต้าจินมองเฉียวเวยด้วยสายตาเยาะเย้ย “พี่ต้าจินให้โอกาสเจ้าแล้วนะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็จั่วไพ่กระดูกสองตัวจากหัวกับท้ายของกองไพ่สามสิบตัวที่เหลือ แล้วโยนไพ่เปิดบนโต๊ะโดยไม่แม้แต่จะมอง!
คู่ดิน!
ม่านตาของเฉียวเวยหดเล็กลงทันใด!
พี่จ้าวเห็นเฉียวเวยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันก็พอเดาได้ว่าไพ่ของนางน่าจะไม่ดีนัก ไพ่ของอู๋ต้าจินคือไพ่คู่ดิน หากนางจับไม่ได้คู่จักรพรรดิ[1]หรือคู่ฟ้าย่อมไม่สามารถเอาชนะต้าจินได้
“เจ้าเลือกล้มกระดานได้” พี่จ้าวแนะ
ริ้วความกังวลปรากฏบนใบหน้าของเฉียวเวย เหงื่อเม็ดน้อยผุดพรายบนหน้าผาก นางลูบเพียงพอนหิมะอย่างลังเล สุดท้ายก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่จำเป็น ตานี้ ข้ายอมแพ้”
ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึง
ขนาดบุรุษยังเอาชนะต้าจินไม่ได้ แล้วสตรีเช่นนางจะมีโอกาสชนะได้อย่างไร ไม่เข้าใจจริงๆ ว่านางเอาความกล้ามาจากไหนไปร่วมโต๊ะพนันกับต้าจิน ช่างไม่ประมาณตน!
อู๋ต้าจินกระหยิ่มยิ้มย่อง รับเพียงพอนหิมะซึ่งเป็นของเดิมพันจากชัยชนะเอามากอดไว้ในอ้อมแขน
เพียงพอนตัวนี้ไม่เสียทีเป็นของชั้นเลิศ ขนนุ่มละเอียด ตัวไม่มีกลิ่นสาบแล้วยังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาด้วย
ถูกใจจริงๆ
อู๋ต้าจินหันไปมองเฉียวเวยแล้วขยับยิ้มชั่วร้าย “ยังมีสมบัติอันใดอีกหรือไม่ หากไม่มีก็ถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกมาวางเดิมพัน”
เวลานี้ฝูงชนที่มามุงดูมีมากยิ่งกว่านักพนัน แม้แต่ชาวบ้านทั้งหลายยังเข้ามาถามไถ่ พอได้ยินคำพูดของอู๋ต้าจิน พวกเขาทั้งหมดก็มองเฉียวเวยเป็นตาเดียว
เฉียวเวยหยิบตำราแพทย์ตั้งหนึ่งออกมาจากห่อผ้า
อู๋ต้าจินหัวเราะจนเจ็บซี่โครง “…เจ้าว่ามาซิ หากเสียตำราเน่าๆ ตั้งนี้หมดแล้ว เจ้ายังจะเอาอะไรมาเดิมพัน”
เฉียวเวยตอบนิ่งๆ “มีสิ่งใดก็เดิมพันสิ่งนั้น”
คำพูดนี้ตีความได้หลายความหมาย อู๋ต้าจินมองเฉียวเวยด้วยแววตามีเลศนัย เขามิใช่คนมากตัณหา แต่ต้องยอมรับว่าสตรีนางนี้มีเสน่ห์บางอย่างที่แตกต่างจากสตรีทั่วไป “พี่ต้าจินขอเอ่ยคำพูดไม่น่าฟังไว้ก่อน รอบหน้า หากเจ้าเสกเงินออกมาไม่ได้ ก็จงถอดเสื้อผ้าทั้งตัวของเจ้าออกมาวางเดิมพัน ของเดิมพันอย่างอื่น พี่ต้าจินไม่ต้องการ”
ในฝูงชนมีคนผิวปากหวือ
เฉียวเวยเหลือบมองเขา “ถ้าเช่นนั้นก็ต้องดูว่าท่านมีความสามารถหรือไม่”
รอบที่สอง ผู้ชนะได้จั่วไพ่ก่อน
หลังจากจั่วไพ่ อู๋ต้าจินก็ตวัดตามอง แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว ไพ่ยาวสามหนึ่งตัว (หกแต้ม) ไพ่คละห้าหนึ่งตัว (ห้าแต้ม) ไม่ใช่คู่ ได้แต่นับแต้มเท่านั้น แต่เมื่อรวมกันแล้วได้สิบเอ็ด นั่นเท่ากับหนึ่งแต้ม
เวรกรรม!
เขาจั่วได้หนึ่งแต้ม!
มือซวยเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดทำได้อีกแล้ว!
สาวน้อยคนนั้นจั่วได้ไพ่คู่สักคู่ก็กินเรียบเขาแล้ว ต่อให้จั่วไม่ได้คู่ ขอเพียงแต้มมากกว่าหนึ่ง เขาก็จบเห่
อู๋ต้าจินลูบใบหน้า ระงับอารมณ์พลุ่งพล่านในใจแล้วฉีกยิ้ม “วันนี้พี่ต้าจินมือขึ้นยิ่งนัก สาวน้อย ถึงตาเจ้าแล้ว!”
น้ำเสียงมั่นใจ แต่เฉียวเวยสังเกตเห็นเขาลูบใบหน้าของตนเอง
ยามคนรู้สึกประหม่ามักจะสัมผัสใบหน้าของตัวเอง นี่เป็นการควบคุมอารมณ์อย่างหนึ่ง แน่นอนไม่ใช่ว่าทุกคนที่จับใบหน้าจะกำลังรู้สึกประหม่าอยู่ แต่เมื่อประกอบกับการขยับหัวไหล่ของเขา แปดเก้าในสิบส่วนน่าจะไม่ผิดจากที่คาด
การยักไหล่ข้างหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มั่นใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เขาพูด
ดูเหมือนว่าไพ่ของเขาจะไม่ได้แย่ธรรมดา
เฉียวเวยหลุบตาลง มุมปากยกโค้งอย่างกลั้นไม่ไหว เมื่อนางมองขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มสดใสก็แทบจะทำให้ดวงตาคนพร่ามัว “พี่จ้าว ข้าเพิ่มเดิมพันได้หรือไม่”
อู๋ต้าจินหน้าบึ้งทันควัน อะไรนะ สาวน้อยผู้นี้ต้องการเพิ่มเดิมพัน นางมองออกหรือว่าไพ่ของเขาแย่มาก หรือว่า…นางจั่วได้ไพ่ที่ชนะแน่นอน
พี่จ้าวตอบ “เพิ่มได้ เจ้าอยากเพิ่มอะไร”
ไม่ต้องถามว่าเพิ่มเท่าไร เพราะรู้ว่าเฉียวเวยไม่มีเงิน
เฉียวเวยค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบน ทุกคนจ้องนางเขม็ง ดวงตาเบิกโต กลั้นหายใจ แต่นางกลับไม่ปลดกระดุมเม็ดที่สอง ทว่าวางมือลงบนถาดเดิมพันแทน “ข้าเดิมพันด้วยมือข้างนี้”
เสียงสูดหายใจดังขึ้นรอบด้าน
พี่จ้าวหันไปมองอู๋ต้าจิน “ต้าจิน สู้หรือไม่”
หากไม่สู้ นั่นเท่ากับยอมแพ้
สาวน้อยคนนั้นถึงกับเดิมพันด้วยมือของนางเอง เห็นชัดว่าต้องเป็นไพ่ที่มีโอกาสชนะแน่ หากอู๋ต้าจินกล้าเดิมพันสู้ก็แปลกแล้ว
พ่ายแพ้เช่นนี้จนต้องเสียเงินเดิมพัน ใจเขาไม่ยินยอม
“ข้าล้มกระดาน” เขาโยนไพ่ทิ้ง
พี่จ้าวหรี่ตาแล้วพลิกไพ่ของเขาขึ้น ไพ่ยาวสามกับไพ่คละห้ารวมกันได้เพียงแต้มเดียว มิน่าถึงล้มกระดาน
เฉียวเวยเม้มปากพยายามกดมุมปากที่เอาแต่จะยกโค้งลงไป จากนั้นค่อยๆ เปิดไพ่ของนางทีละตัว
หกแต้ม กับ สี่แต้ม
รวมเป็นสิบแต้ม นั่นเท่ากับศูนย์แต้ม เป็นแต้มต่ำที่สุดของไพ่เก้า เลวร้ายยิ่งกว่าไพ่ของอู๋ต้าจิน
อู๋ต้าจินตระหนักว่าเขาถูกหลอก ลุกพรวดขึ้นทันที “เจ้าหลอกข้า!”
เฉียวเวยผายมือ “มีกฎบอกว่าไม่ให้หลอกด้วยหรือ”
แน่นอนว่า…ไม่มี
อู๋ต้าจินกล้ำกลืนความขุ่นเคืองกลับเข้าไปในอก แล้วกลับมานั่ง “ตอนแรกพี่ต้าจินคิดว่าจะเกรงใจเจ้าสักหน่อย แต่เจ้ารนหาที่ตายเอง อย่ามาโทษว่าพี่ต้าจินไม่เกรงใจก็แล้วกัน!” พูดจบเขาก็วางเงินทั้งหมดลงบนถาดวางเดิมพัน “เจ้าอย่าใช้ตำรามาเดิมพันกับข้า! เดิมพันด้วยตัวเจ้าเอง!”
เฉียวเวยไม่สนใจ “ท่านให้ข้าเดิมพัน ข้าก็ต้องเดิมพันเช่นนั้นหรือ ไม่ ข้าจะเดิมพันตำรา ตำรา ตำรา ตำรา”
“เจ้า…” อู๋ต้าจินโกรธจนแทบบ้า
พี่จ้าวรีบคลี่คลายสถานการณ์ “เอาล่ะๆ ต้าจิน เจ้าชนะเอาตำราของนางไปก่อนก็เหมือนกัน”
อู๋ต้าจินตวัดสายตาดั่งคมดาบมองเฉียวเวยอย่างเย็นชา แล้วจั่วไพ่ขึ้นมาสองตัว
ครั้งนี้จับได้คู่คน
ฟ้า ดิน คน ประสาน คนอยู่อันดับสาม คู่ดินถูกเขาจับได้ตั้งแต่รอบแรก หากสาวน้อยนางนี้จับไม่ได้คู่ฟ้า ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
เฉียวเวยมองไพ่ของตนเองแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ “พี่จ้าว ในสำรับคงไม่มีไพ่ฟ้าสองคู่กระมัง”
พี่จ้าวส่ายหน้า “ไม่มี”
อู๋ต้าจินขมวดคิ้ว สาวน้อยนางนี้หมายความว่าอย่างไร นางจับได้คู่ฟ้าจริงๆ หรือ
คงไม่ได้หลอกเขาอีกกระมัง
เฉียวเวยมองอู๋ต้าจินอย่างครุ่นคิด “พี่ต้าจิน รอบนี้ท่านแพ้แน่ ท่านยังมีโอกาสล้มกระดานอีกครั้ง ต้องการใช้หรือไม่”
อู๋ต้าจินหงายไพ่ลงบนโต๊ะ “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าเช่นนั้นหรือ ของข้าคือคู่ดิน! หากเจ้ามีความสามารถก็เปิดไพ่ฟ้าของเจ้ามา!”
เมื่อเฉียวเวยเห็นไพ่ดินของเขา นางพลันแค่นเสียงเชอะอย่างดูถูก แล้วยกมือขึ้นหมายจะเปิดไพ่ของตนเอง
หากหงายครั้งนี้แล้วย่อมย้อนกลับมิได้อีก
สมบัติทั้งหมดของเขาจะตกเป็นของเฉียวเวย
อู๋ต้าจินตะโกนเสียงหลง “ช้าก่อน! ข้าล้มกระดาน!”
เฉียวเวยยิ้มหวานจากนั้นเปิดไพ่ของตัวเอง คู่ฟ้าเสียที่ไหน คู่ธรรมดาก็ยังไม่ใช่ แค่ไพ่ม้านั่งหนึ่งตัว (สี่แต้ม) กับไพ่ต่อขาหนึ่งตัว (เจ็ดแต้ม) รวมกันก็ได้หนึ่งแต้มเท่านั้น
บ้าเอ้ย โดนหลอกอีกแล้ว!
รอบที่แล้วเขาจั่วได้ไพ่ไม่ดี โดนหลอกก็ช่างเถิด แต่รอบนี้ได้ไพ่ดีอย่างคู่คนแล้วแท้ๆ เหตุไฉนจึงถูกนางขู่จนล้มกระดานเสียได้
อู๋ต้าจินกระโจนจะเข้าไปเล่นงานเฉียวเวย แต่ถูกพี่จ้าวผลักแล้วกดลงบนเก้าอี้
พี่จ้าวเตือน “กล้าเดิมพันก็ต้องกล้าแพ้ อย่าทำตัวไม่เป็นลูกผู้ชาย!”
ดวงตาของอู๋ต้าจินแดงก่ำด้วยความโกรธ หากไม่ใช่เพราะมีดวงตาหลายคู่กำลังจับจ้อง เขาคงเข้าไปฉีกร่างนางคนนี้แล้ว!
เฉียวเวยยิ้มบางๆ แล้วกล่าวว่า “พี่ต้าจิน ยังจะพนันกันอยู่หรือไม่”
อู๋ต้าจินตอบอย่างเดือดดาล “รอให้ข้าชนะเจ้าก่อนเถอะ ข้าจะจัดการเจ้าบนโต๊ะตัวนี้!”
ฝูงชนเริ่มโห่ร้อง
เฉียวเวยยิ้ม สีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด “ตกลง ข้าจะรอ”
ในหมู่ชาวบ้านที่มุงดู มีหนุ่มน้อยพรหมจรรย์คนหนึ่งทนไม่ไหว ต้องเอามือกุมเป้าตัวเองวิ่งหน้าตั้งออกไป ทุกคนหัวเราะประสานเสียงกันดังครืน
อู๋ต้าจินดวงตาแดงก่ำ จั่วไพ่ออกมาสองตัว หลังจากเห็นไพ่ หัวใจเขาพลันเดือดพล่าน!
คู่ฟ้า!
เป็นคู่ฟ้าจริงๆ!
จั่วไพ่สี่ครั้ง ได้ไพ่คู่สามครั้ง ทั้งยังเป็นคู่สามอันดับแรกที่แต้มสูงสุด จะบอกว่าเขามือไม่ขึ้นได้เช่นไร
ครั้งนี้เฉียวเวยพลิกสถานการณ์ไม่ได้อีกแล้ว
อู๋ต้าจินอดกลั้นความรู้สึกอยากจะเปล่งเสียงหัวเราะลั่นเอาไว้ เขาวางเพียงพอนหิมะลงบนถาดเดิมพัน “ข้าขอเพิ่มเดิมพัน!”
เหมือนพี่จ้าวจะเดาได้ว่าอู๋ต้าจินจั่วได้ไพ่ที่ยอดเยี่ยม เขามองเฉียวเวยด้วยสีหน้าลำบากใจ “เจ้าเลือกล้มกระดานได้”
เฉียวเวยเอ่ยอย่างไม่ลังเล “ข้าสู้” กล่าวจบก็ดึงปิ่นหินหยกบนศีรษะลงมาวางบนถาดเดิมพัน
อู๋ต้าจินหัวเราะหยัน “ข้าเดิมพันเพียงพอน แต่เจ้ากลับเดิมพันเพียงปิ่นกระจอกงอกง่อย ไม่ว่าอย่างไรก็สมควรเดิมพันตัวเจ้าเองด้วยสิ”
เฉียวเวยตอบอย่างไม่ยี่หระ “หากจะให้ข้าใช้ตัวเองเป็นเดิมพัน ท่านก็ต้องเดิมพันด้วยพรรคชิงหลง”
น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจยิ่งนัก!
หากอู๋ต้าจินยังเชื่อนางก็บ้าแล้ว “ยังคิดจะหลอกข้าอีกหรือ ไม่มีทาง ข้าไม่หลงกลเจ้าอีกแล้ว พรรคชิงหลงใช่หรือไม่ ได้ ข้าเดิมพัน! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะได้ไพ่เหนือกว่าข้า!”
เขาโยนไพ่ฟ้าคู่หนึ่งออกมา
ทั้งบ่อนเงียบกริบทันใด
ฟ้า ดิน คน ประสาน ดอกเหมย ยาว ม้านั่ง ขวาน
ฟ้าอยู่ลำดับแรก
แม่นางผู้นี้กำลังจะถูกจับเปลือยล่อนจ้อนกดบนโต๊ะ มันช่าง…
เฮ้อ!
พี่จ้าวมองเฉียวเวยด้วยความสงสาร บอกให้นางล้มกระดาน นางไม่ล้ม ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า
กล้าพนันก็ต้องกล้าแพ้ ต่อให้เป็นเขาก็เข้าไปยุ่งอะไรไม่ได้
พี่จ้าวมองผู้คน “ทุกคนออกไปเถอะ”
ทุกคนส่ายหัวแล้วทยอยเดินออกไปด้านนอก
จู่ๆ เฉียวเวยก็พูดขึ้นมาว่า “พี่จ้าว ท่านยังไม่ได้เปิดไพ่ของข้าเลย”
พี่จ้าวถอนหายใจ “มีอะไรให้เปิดอีก ของเขาเป็นไพ่ฟ้า หรือว่าเจ้าจะได้…”
เฉียวเวยเปิดไพ่ของนาง ไพ่หกใหญ่[2]กับไพ่ตะปูสาม[3]
ไม่รู้ว่าผู้ใดตะโกนเสียงแหลมออกมาจากกลุ่มคน “คู่จักรพรรดิหรือ! ไพ่ของนางคือคู่จักรพรรดิ!”
เหนือไพ่ฟ้า ก็มีแต่คู่จักรพรรดิเท่านั้น
[1] ไพ่จักรพรรดิ ไพ่ลำดับสูงที่สุดในเกมไพ่เก้า สูงกว่าคู่ฟ้า ประกอบด้วยไพ่ที่มี 1 แต้มกับ 2 แต้ม และไพ่ที่มี 2 แต้ม กับ 4 แต้ม
[2] ไพ่หกใหญ่ ไพ่ที่มี 2 แต้ม กับ 4 แต้ม
[3] ไพ่ตะปูสาม ไพ่ที่มี 1 แต้ม กับ 2 แต้ม