หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 473-1 ฉีกหน้ากากฮองเฮา (2)
ตอนที่ 473-1 ฉีกหน้ากากฮองเฮา (2)
เฉียวเวยเข้าเมืองตาหลิ่วแล้วหลิ่วตาตาม นางสวมใส่ชุดเยี่ยหลัวพร้อมด้วยเครื่องประดับตามแบบฉบับของคนท้องถิ่น เสื้อผ้าทั้งหลวมและใหญ่ตามประเพณี แต่กระนั้นก็ยังทำอะไรเรือนร่างที่อรชรของนางไม่ได้ ต่อให้อยู่ในชุดที่ไม่เข้ารูปเลยเช่นนี้ แต่พอเป็นนางสวมใส่ก็ยังดูสะโอดสะองอยู่ดี
สตรีชาวเยี่ยหลัวที่ว่างดงาม แต่เฉียวเวยนั้นงามยิ่งกว่า หลังจากสวมผ้าโปร่งปิดหน้าที่ทอประกายระยิบระยับแล้ว ดวงตาคู่ที่งดงามราวกับอัญมณีก็ส่องประกายตอบรับกับผ้าปิดหน้าได้เป็นอย่างดี พาให้บนอัฒจันทร์นั้นดูสว่างสดใสขึ้นถึงสามส่วน
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงตอนที่นางมานั่งอยู่ข้างกายมารดาแห่งแผ่นดินเช่นนี้ เป็นที่ดึงดูดสายตามากเพียงใดนั้นคงพอจินตนาการได้
สายตาทุกคู่ต่างหันมองมาทางนี้ พวกเขาตกใจเมื่อได้เห็นว่าขุนนางทูตจากต้าเหลียงนางนี้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับฮองเฮาของพวกตนมากจริงๆ แน่นแฟ้นถึงขั้นกระซิบกระซาบกันที่ข้างหูเลยทีเดียว
แต่กระนั้นในความเป็นจริงเป็นเช่นนี้…
“ฮองเฮา ท่านเห็นพวกเรามีชีวิตรอดกลับมาคงตกใจมากเลยสิท่า ท่านดูสิ ข้าทั้งไม่บาดเจ็บ ทั้งไม่ถูกพิษ ท่านเสียแรงเปล่าไปเลยใช่หรือไม่นี่” เฉียวเวยเขยิบเข้าใกล้ไปเอ่ยยิ้มๆ
“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร” ฮองเฮาเบี่ยงตัวหลบด้วยความรังเกียจ
เฉียวเวยฝืนทำใจกล้าหน้าหนาขยับตามไป “อย่าห่างเหินกันเพียงนี้สิ ดีร้ายอย่างไรท่านก็เป็นท่านน้าของข้า ตอนอยู่ในบ้านตระกูลจี พวกเราสองคนสนิทสนมกันถึงขั้นทำเรื่องอย่างว่านั้นด้วยกันเชียวนะ”
ฮองเฮาขมวดคิ้ว
เฉียวเวยอุทานว่าตายจริงขึ้นมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเอียงอายว่า “ต้องโทษข้าเองที่ดื่มมากเกินไป ไม่ทันระวังเลยถูกฮองเฮาทำ…”
“ข้าทำอะไร” ฮองเฮากำหมัดแน่นพร้อมพ่นคำถามลอดไรฟันออกมา
เฉียวเวยสายตาพลันเปลี่ยน เอ่ยด้วยความตกใจว่า “ฮองเฮาคงไม่ใช่ว่าจำไม่ได้หรอกกระมัง ก็ช่วงสองสามวันแรกที่ท่านไปถึงบ้านตระกูลจี แล้วยังไม่ได้รับตัวเฉี่ยวหลิงมาอย่างไรเล่า ฮองเฮาท่านต้องจำได้สิ”
ฮองเฮาปรายตามองเฉียวเวยเรียบๆ หน้าตาดูไม่พอใจแต่กลับไม่ได้บอกว่าจำได้หรือจำไม่ได้
เฉียวเวยเอ่ยพร้อมทำหน้าตาตกใจ “ท่านคงไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไปหรอกกระมัง เฮ่อ ข้ายังไม่อะไรเท่าไร แต่ท่านเป็นถึงฮองเฮาของเยี่ยหลัว หากให้คนอื่นรู้ว่าท่านกับข้ากระทำเรื่องน่า…น่าอายเช่นนั้น….ตำแหน่งฮองเฮาของท่าน…”
“เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล!” ฮองเฮาเอ่ยตัดบทเฉียวเวยเสียงเย็น
เฉียวเวยคิดในใจว่า เจ้าไม่รู้เรื่องของท่านน้าเลยจริงๆ ต้องมีคนคอยจับตาดูให้เจ้าเป็นแน่ คนที่จับตาดูท่านน้าให้นางคงต้องเป็นเฉี่ยวหลิงแน่
เฉียวเวยทำหน้าน่าสงสาร “ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหลเสียหน่อย เป็นตัวฮองเฮาเองต่างหากที่เริ่มก่อน ข้าเป็นผู้ถูกกระทำต่างหากเล่า!”
“เจ้า…”
ฮองเฮาโกรธจัด
ไม่ว่าคนที่น่าไม่อายคนใด หากเจอคนที่น่าไม่อายยิ่งกว่าอย่างไรก็คงรับมือไม่ถูก จึงไม่ต้องพูดถึงเฉียวเวยที่เป็นเจ้าแห่งความหยาบโลนเลย
เฉียวเวยร้องว่าตายจริงขึ้นมา “ข้าไม่ดีเองๆ ไม่ควรชักชวนให้ฮองเฮาดื่มมากมายเพียงนั้น… เรื่องผ่านมาตั้งนานนมแล้ว ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงก็ยังไม่อาจสบายใจได้สักที… หากฝ่าบาทกระทำไม่ดีกับข้าสักนิดคงยังไม่เท่าไร แต่พระองค์ก็ดันดีกับข้าถึงเพียงนี้…ข้า…ข้า…ข้าจะทำใจปิดบังพระองค์ได้อย่างไร”
“เฉียวซื่อ!” ฮองเฮาทนต่อไปไม่ไหว ตะคอกขึ้นเสียงดัง
เสียงตะคอกค่อนข้างดัง คนที่อยู่รอบๆ เลยตกใจกันหมด ดูพวกเขาจะคิดไม่ถึงว่าฮองเฮาที่วางท่าสูงสง่าอยู่เป็นนิจจะเสียกิริยาต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้
ราชาเยี่ยหลัวหันมามอง ใช้ภาษาเยี่ยหลัวเอ่ยถามว่า “พวกเจ้าคุยอะไรกันอยู่หรือ”
เฉียวเวยอมยิ้มมองฮองเฮา
ฮองเฮาพยายามตั้งสติ เอ่ยอธิบายด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นางพูดเป็นภาษาเยี่ยหลัว เฉียวเวยฟังไม่เข้าใจ แต่นางพูดพลางหันมองลงไปยังสัตว์ร้ายที่ชั้นล่าง นางน่าจะโยนความผิดไปให้เจ้าไก่ตัวน้อยสองตัวที่อยู่ข้างล่างนั่น
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากการชนไก่รอบที่หนึ่งได้ผู้ชนะ ไก่ดำตัวน้อยที่ควรจะได้สู้อีกรอบก็อัตรธานหายไปอย่างน่าประหลาด
หลังจากนั้นเฉียวเวยก็ไม่ได้พูดอะไรที่ทำให้ฮองเฮาวางหน้าไม่ถูกอีก แต่หันไปตั้งสมาธิจดจ่อกับการสู้สัตว์แทน
การสู้สัตว์ของราชวงศ์นั้นก็มีการเดิมพัน ก่อนเริ่มการต่อสู้ทุกยก ทุกคนจะลงเดิมพันตามความชอบของตนเอง
เฉียวเวยลง “ตาม” ฮองเฮา นางเดิมพันฝั่งไหน เฉียวเวยจะเดิมพันอีกฝั่งเสมอ
วันนี้ดูเหมือนดวงของฮองเฮาจะไม่เป็นที่น่าพอใจนัก เดิมพันฝ่ายไหนเป็นต้องแพ้เสมอ ส่วนคนที่ลงตรงข้ามกับนางอย่างเฉียวเวยก็ชนะจนมือไม้แทบอ่อน
ราชาเยี่ยหลัวก็ดูจะตกใจกับโชคอันเลวร้ายของฮองเฮา เขาหันมามองหน้าฮองเฮาอย่างไม่อยากเชื่อ
เฉียวเวยเข้าใจในทันที ก่อนหน้านี้คนที่ลงเดิมพันเป็นท่านน้ามาตลอด ท่านน้ามือขึ้นเสียยิ่งกว่าอะไร ไก่ตัวเล็กใกล้ตายพอนางลงเดิมพันก็ยังกลายเป็นไก่นักรบขึ้นมาได้ แต่วันนี้แทงฝั่งไหนเป็นแพ้ฝั่งนั้น มิน่าเล่ากระทั่งราชาเยี่ยหลัวก็ยังตกใจ
เฉียวเวยยิ้มพลางกินขนมของเยี่ยหลัว ดูท่าราชาเยี่ยหลัวคงจะไม่รู้ถึงความลับของท่านน้าสินะ
“ฝ่าบาท” จู่ๆ เฉียวเวยก็หันไปมองข้ามตัวท่านน้าไปหาราชาเยี่ยหลัว
ขันทีที่เข้าใจภาษาจงหยวนรีบเดินเข้ามา
ฮองเฮามองเฉียวเวยด้วยความระแวง
เฉียวเวยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยิ้มน้อยๆ พลางเอ่ยถามราชาเยี่ยหลัวว่า “ไม่มีอะไรเพคะ วันนี้ข้าชนะไปไม่น้อย ตัวข้าเป็นคนไม่มักมากในเงินทอง จึงคิดอยากเอาเงินที่ชนะได้มาแบ่งครึ่งหนึ่งไว้เป็นรางวัลให้กับผู้ดูแลสัตว์เจ้าค่ะ”
เฉียวเวยรู้สึกได้ว่าฮองเฮากำลังฟังที่นางเอ่ยอยู่ หน้าตาที่เคร่งเครียดพลันผ่อนคลายลง นางไม่ใช่ว่าไม่เกรงกลัวหน้าไหนทั้งนั้น อย่างน้อยเวลานี้นางก็ยังพอจะเกรงกลัวราชาเยี่ยหลัวอยู่บ้าง
ราชาเยี่ยหลัวพอใจกับการกระทำของเฉียวเวยยิ่งนัก แต่กระนั้นเขาก็บอกว่าไม่ต้องรบกวนเฉียวเวย เขาเองมีตกรางวัลให้คนเหล่านั้นอยู่แล้ว
เฉียวเวยไม่ได้คิดจะควักเงินตัวเองออกไปอยู่แล้ว พอได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้จึงตอบรับด้วยความเต็มใจ
หลังจากนั้นการสู้สัตว์อันดุเดือดก็ดำเนินต่อไป ชนไก่ ชนงู ชนวัวยังไม่เท่าไร พอถึงคราวสัตว์ที่ดุร้ายขึ้นอีกขั้น ภาพที่เห็นก็ดูน่าสยดสยองอยู่
เฉียวเวยไม่เข้าใจจริงๆ ว่าการต่อสู้ที่เลือดสาดเช่นนี้น่าดูที่ตรงใด ราชาเยี่ยหลัวก็ราวกับสวรรค์มาโปรด เอ่ยเรียกนางกับฮองเฮาเข้าไป
เฉียวเวยนึกไปถึงบันทึกโบราณที่เกี่ยวกับคนเยี่ยหลัวขึ้นมาทันที “ชนเผ่าเยี่ยหลัวชื่นชอบการสู้รบ” จึ๊ ไม่เกินจริงเลยสักนิด!
ตอนการสู้สัตว์ดำเนินไปได้ครึ่งทาง อยู่ๆ ฮองเฮาก็หันมามองทางเฉียวเวย
เฉียวเวยถามเสียงเรียบว่า “มีอะไรหรือ”
ฮองเฮาพึมพำภาษาเยี่ยหลัวออกมาประโยคหนึ่งก่อนจะหันไปเอ่ยบางอย่างกับราชาเยี่ยหลัว ราชาเยี่ยหลัวหันมามองเฉียวเวยด้วยตาที่เป็นประกาย เฉียวเวยเลยงุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฮองเฮาดึงมือเฉียวเวยไปจับอย่างสนิทสนม ระหว่างที่เอ่ยกับราชาเยี่ยหลัวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ยังหันมา “สบตาพร้อมส่งยิ้ม” ให้เฉียวเวยอีกด้วย
ในใจเฉียวเวยพลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาติดหมัด
*******************