หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 474-1 ฮองเฮาเสียหายหนัก (1)
ตอนที่ 474-1 ฮองเฮาเสียหายหนัก (1)
เพื่อให้มั่นใจว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นไปอย่างตื่นเต้น จึงไม่ได้มีแค่สัตว์เลี้ยงของเชื้อพระวงศ์ที่จะได้ลงสนาม ไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง พ่อค้าร้านตลาดหรือกระทั่งโรงพนันชาวบ้าน ขอเพียงในมือมีสัตว์ร้ายที่เก่งกาจมากพอ ก็สามารถเข้าร่วมการสู้สัตว์ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าผลจะแพ้หรือชนะ ราชาเยี่ยหลัวจะมีรางวัลให้ทั้งสิ้น
เพียงแต่สัตว์ของชาวบ้านมีหรือจะสู้สัตว์ของชนชั้นสูงได้ โดยมากมักถูกคัดออกไปตั้งแต่ตอนเข้าวังแล้ว มีเพียงแค่สัตว์ตัวต่อไปเท่านั้นที่สามารถเอาชนะองครักษ์คัดเลือกสัตว์ทุกคนเข้ามาได้
ได้ยินว่าชื่อเสียงของมันโด่งดังมาก ครั้งนี้เป็นเพราะโรงพนันที่มันไปบ่อยๆ ได้ข่าวว่าราชวงศ์มีการคัดเลือกสัตว์ไปต่อสู้ มันถึงได้ถูกพามาที่นี่
คนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ย่อมไม่มีชาวบ้านทั่วไปอยู่ แต่ชื่อเสียงของมันโด่งดั่งกระทั่งในหมู่ชนชั้นสูงก็ยังมีการกล่าวถึง
ในเยี่ยหลัว การสู้สัตว์แบ่งออกไปทั้งหมดสามประเภท… หนึ่งคือสัตว์ประเภทเดียวกันอย่างชนไก่ ชนงู ชนเหยี่ยวเป็นต้น สองคือการสู้ระหว่างสัตว์ต่างประเภทเช่น เสือสู้สิงโต เสือดำสู้หมาป่าเป็นต้น สามคือการต่อสู้ที่เฉียวเวยกำลังเผชิญอยู่ นั่นคือระหว่างคนกับสัตว์
การต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและอยู่ในขั้นสูง ซึ่งถือเป็นสิ่งต้องห้ามในโรงพนันชาวบ้าน มีเพียงราชวงศ์กับชนชั้นสูงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์จัดการต่อสู้ประเภทนี้
ในหมู่สัตว์ประเภทเดียวกัน สัตว์ที่โดดเด่นเหนือตัวอื่นมักถูกคัดเลือกออกมาเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างสัตว์ต่างประเภทที่ดุเดือดและมีการเดิมพันที่สูงยิ่งกว่า
ตัวต่อไปที่จะลงสนามนี้ ในการสู้สัตว์ต่างประเภทนั้นนับว่าไร้คู่ต่อสู้เลยทีเดียว
“เอ้อ เจ้ายังจำเจ้าหมีดำของเจ้านั่นได้หรือไม่” ชายหนุ่มในเครื่องแต่งกายหรูหรากระซิบถามคุณชายคนข้างๆ ที่อยู่ในเครื่องแต่งกายหรูหราเช่นกัน
คุณชายท่านนี้เหลือบมองสหายทีหนึ่ง “เจ้าหมีดำของข้า ข้าย่อมต้องจำได้! เจ้าอย่าไปเอ่ยถึงมันเลย!”
ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ทำไม มันยังไม่หายดีหรือ”
“อื้ม” คุณชายคนนั้นตอบรับเสียงขรึม
ชายหนุ่มตบบ่าคุณชายคนข้างๆ คิ้วโค้งลงคล้ายได้เจอเรื่องที่แสนจะน่าขัน “เจ้าหมีดำของเจ้าถูกใครทำให้บาดเจ็บ เจ้ายังจำได้หรือไม่”
“ก็ไม่ใช่เจ้าตัว…” คุณชายเพิ่งเอ่ยไปได้ครึ่งทาง ก็พลันนึกอะไรได้ขึ้นมาทันที เขาเบิกตาโต มองไปยังกรงหลังใหญ่ที่มีคนกำลังยกเข้ามา ในกรงมีสัตว์ตัวน้อยขนปุกปุยนั่งอยู่ตัวหนึ่ง สีหน้าเขาพลันดูตะลึงค้าง “อ๊าก นั่น นั่น นั่นไม่ใช่…”
ชายหนุ่มหันไปมองเฉียวเวย “มีอะไรน่าสนุกให้ดูแล้ว”
ขอเพียงเป็นคนที่ไปโรงพนันบ่อยๆ คงจะไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าสัตว์ตัวนี้ ต่อให้ได้เห็นกับตาว่าเฉียวเวยจัดการเจ้าเสือดำกับสิงโตลายเสือพวกนั้นอย่างไรแล้ว แต่พอได้เห็นเจ้าสัตว์ตัวนั้น ทุกคนก็ยังอดสูดหายใจด้วยความหวาดผวาแทนเฉียวเวยไม่ได้
เสือดำหรือสิงโตลายเสืออะไรนั่น เมื่ออยู่ต่อเจ้าสัตว์ตัวนี้ก็ไม่ควรค่าต่อการเอ่ยถึงทั้งสิ้น ตั้งแต่ตอนอยู่ที่โรงพนัน มันก็ใช้ฝีมือของตนต่อสู้กับเสือสามตัว หมีดำสองตัวพร้อมกันอยู่แล้ว ผลการประลองคือทั้งเสือและหมีดำล้วนขาดใจตายอย่างน่าอนาถ ส่วนมันยืนอย่างผึ่งผายอยู่บนกรง ไร้บาดแผลโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นจั๋วหม่าน้อยจากชนเผ่าลึกลับหรือฮูหยินอัครเสนาบดีแห่งต้าเหลียงอะไรนี่ จึงเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าให้แล้วจริงๆ
เฉียวเวยมีหรือจะไม่รู้ว่าตนเจอตอเข้าเสียแล้ว ดูจากสีหน้าของคนเหล่านี้ นางก็มั่นใจแล้วว่าสัตว์ตัวต่อไปต้องไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดาๆ แน่นอน อันที่จริงขอเพียงไม่ใช่เพียงพอนเมฆาขั้นเดียวกับต้าไป๋ นางก็ยังพอจะ…
ความคิดนี้เพิ่งแวบเข้ามา กรงสัตว์ก็ถูกคนยกเข้ามาแล้ว
เฉียวเวยเห็นเจ้าตัวขนปุกปุยที่อยู่ในกรงก็ถึงกับตะลึงค้างไปทันที จากนั้นความยินดีก็พลันเอ่อล้นขึ้นในใจ
หากนางจำไม่ผิด ข้างในนั่นก็คือต้าไป๋ที่นางเฝ้าตามหาอย่างยากลำบากมาตลอดมิใช่หรือ
ยามจะหาหาให้ตายไม่เห็นเจอ ยามเผลอเรอกลับได้มาเสียอย่างนั้นจริงๆ!
นางได้เจอต้าไป๋ในที่แบบนี้เลยหรือ!
ไม่ได้พบกันสองเดือนกว่า ตัวของต้าไป๋ใหญ่ขึ้นอีกเป็นกอง ถึงจะยังตัวใหญ่สู้เพียงพอนเต็มวัยไม่ได้ แต่สง่าราศีของมันไม่เป็นรองอย่างแน่นอน
เฉียวเวยดีใจแทบแย่ ยกนี้ได้เจอต้าไป๋ นางคงชนะแน่ๆ แล้วมิใช่หรือ
นางก็ว่าอยู่ สัตว์อะไรถึงทำให้คนเยี่ยหลัวหวาดผวากันได้เพียงนี้ ที่แท้ก็คือต้าไป๋ของนางนี่เอง
ครานี้จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูหน้าจะได้ยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบานสักที เสี่ยวไป๋กับจูเอ๋อร์ก็น่าจะดีใจมากเช่นกัน เดิมทีพวกมันถูกจับตัวมาด้วยกัน ตัวที่ช่วยก็ช่วยได้ ตัวที่หนีก็หนีไป เหลือแค่ต้าไป๋ที่หายไปไม่รู้อยู่ที่ไหน
พวกเขาไม่ได้เอ่ยอะไรถึงมัน แต่ในใจทุกคนยังคงถวิลหาต้าไป๋เป็นอย่างยิ่ง
วันนี้นาง…จะต้องเอาตัวต้าไป๋กลับไปให้ได้!
เฉียวเวยวิ่งเข้าไปหาต้าไป๋
ในตอนนั้นกรงถูกเปิดออก ต้าไป๋ก็กระโดดออกมา
เดิมทีเหตุการณ์ที่ควรจะเป็นไปอย่างดุเดือด เวลานี้กำลังจะกลายเป็นภาพที่ครอบครัวได้พบหน้า บนใบหน้าของฮองเฮาคล้ายมีชั้นเมฆมาบดบัง
นางกำนัลเอาเหล้าหมักผลไม้ส่งกลิ่นหอมยื่นไปให้ นางกำถ้วยหยกในมือแน่น และเพราะออกแรงมากเกินไป ตรงเล็บจึงเห็นเป็นสีแดงก่ำอย่างชัดเจน
แต่กระนั้นในตอนที่เฉียวเวยกำลังจะกอดต้าไป๋ไว้ เหตุการณ์ประหลาดก็พลันเกิดขึ้น!
จู่ๆ ต้าไป๋ก็กระโจนขึ้นสูงจนอยู่ในระดับที่สบตากับเฉียวเวยได้ มันกางกรงเล็บคมกริบหมายจะตะหวัดใส่หน้าของเฉียวเวยอย่างดุดัน!
คนที่อยู่บนอัฒจันทร์ทุกคนพากันสูดหายใจด้วยความตระหนกกับภาพอันตรายที่ได้เห็น
หากพวกเขาคาดเดาไว้ไม่ผิดล่ะก็ หากกรงเล็บนี้ตะหวัดถูกใบหน้านาง สตรีนางนี้ต่อให้ไม่ตายก็ต้องเสียโฉมเป็นแน่ หรืออาจถึงขั้นสูญเสียดวงตาไปเลยก็ได้
เฉียวเวยใจคิดแต่จะเอาต้าไป๋กลับบ้าน ไม่ทันคิดเลยว่าต้าไป๋จะดุดันกับตนเพียงนี้
ต้าไป๋ในยามปกติมักจะไม่สนใจสิ่งใดเท่าไร แต่เมื่อได้ลงสู่สนามรบกลับเป็นยอดฝีมือที่รู้จักใช้กลยุทธ์ เช่นว่าซ่อนคมไว้ก่อน รอให้อีกฝ่ายตายใจแล้วค่อยอาศัยช่วงที่ไม่ทันระวัง โจมตีอีกฝ่ายให้ถึงแก่ชีวิต
กลยุทธ์ของมันเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
ชั้นเมฆที่ปกคลุมอยู่บนใบหน้าฮองเฮาพลันมหลายหายไป ที่เข้ามาแทนที่คือสีเลือดฝาดจางๆ หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่านัยน์ตานางมีประกายที่ดูคล้ายกำลังนึกสนุกกับเหตุการณ์ตรงหน้า
จีหมิงซิวคว้าเอาหน้าไม้พิฆาตเทวาที่วางอยู่ข้างๆ ไปถือไว้ทันที… ขุนนางทูตไม่อาจพกอาวุธเข้าเขตราชฐานได้ ต้องขอบคุณราชาเยี่ยหลัวที่ทำให้จีหมิงซิวได้สิทธิ์พิเศษนี้
หน้าไม้พิฆาตเทวาของจีหมิงซิวเล็งตรงไปทางต้าไป๋ที่กำลังจะกระโจนใส่เฉียวเวย
จะว่าช้าก็ช้า จะว่าเร็วก็เร็ว เฉียวเวยหงายตัวลงได้ทันเวลา กรงเล็บของต้าไป๋เลยตะปบได้แต่ความว่างเปล่า
ในสนามมีเสียง “อู้ว” ดังระงม
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคิดว่าเฉียวเวยจะหลบการโจมตีนี้ได้ แต่กระนั้นนางก็หลบได้แล้ว ซ้ำยังหลบได้อย่างสวยงามและทะมัดทะแมงเสียด้วย
ท่วงท่าตอนหงายตัวไปนั้น ไหลลื่นพลิ้วไหวราวกับสายน้ำ ทั่วตัวนางแผ่พละกำลังและความงดงามที่ไม่เหมือนผู้ใดออกมาเต็มที่
ในสายตาทุกคู่มีแววชื่นชมปรากฏให้เห็น
แต่แววชื่นชมนี้ไม่ได้ดำเนินอยู่นานนัก ไม่นานก็ถูกการโจมตีอันน่าหวั่นเกรงทำให้มลายหายไป
ต้าไป๋หลังจากคว้าได้เพียงอากาศก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเฉียวเวยไปเช่นนั้น มันแตะขาลงกับพื้น แล้วอาศัยเป็นแรงส่งพุ่งเข้าใส่เฉียวเวยอีกครั้ง
ครานี้เฉียวเวยงุนงงไปหมด ต่อให้เปลี่ยนทรงผม ใส่ผ้าปิดหน้า แต่เจ้าตัวนี้ควรจะจำกลิ่นนางได้ถึงจะถูก เหตุใดมาถึงก็หมายจะสังหารกันเช่นนี้
เฉียวเวยหันไปมองมันอีกครั้งก็เห็นว่าในสายตามันดูต่างไปจากเมื่อก่อน ดวงตาคู่นั้นไม่ใช่สีน้ำตาลอ่อนดูแวววาว แต่มีสีแดงเลือดชั้นบางๆ คลุมอยู่
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
หรือว่ามัน…ธาตุไฟเข้าแทรกจนเข้าสู่ทางมารไปแล้ว?
หรือว่ามันถูกคนควบคุมอยู่
ไม่มีเวลาให้เฉียวเวยคิดมากนัก ต้าไป๋พุ่งเข้ามาโจมตีเฉียวเวยอีกครั้ง
เฉียวเวยทำใจทำร้ายมันไม่ลง จึงเปลี่ยนมาป้องกันแทน
ว่ากันว่าการโจมตีคือการป้องกันที่ดีที่สุด แต่นั่นใช้สำหรับศัตรู ต้าไป๋ไม่ใช่ศัตรู
ผู้ชมที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้ตอนประลองกับเสือดำและสิงโตลายเสือ นางล้วนใช้กระบวนท่า “ถึงชีวิต” เล่นงานคู่ต่อสู้ทั้งสิ้น ไม่มีทางเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โจมตีนาง แต่กระนั้นในยกนี้ นางกลับเป็นฝ่ายตั้งรับ
หรือว่ากระทั่งนางก็ยังกลัวเจ้าสัตว์ตัวนี้
แต่นี่ก็นับว่าไม่เกินความคาดหมาย ถึงอย่างไรเจ้าสัตว์ตัวนี้ก็ดุร้ายมากจริงๆ การจะฝืนสู้กับมันนับว่าอันตรายเกินไป ไม่สู้เป็นฝ่ายป้องกันแล้วอาศัยจังหวะช่วงที่อีกฝ่ายกำลังเร่งร้อนจะออกอาวุธ แล้วค่อยหาจังหวะจู่โจมจะดีกว่า
ทุกคนมั่นใจกับการคาดเดานี้: เฉียวเวยกำลังรอจังหวะสวนกลับ
หลังจากนั้นเฉียวเวยก็รอจังหวะเหมาะอยู่จริงๆ นั่นเป็นตอนที่ต้าไป๋จะเข้ามากัดเฉียวเวย แต่สุดท้ายกัดไม่ถูก แต่กลับพาตัวเองให้ล้มลงกับพื้น ในตอนนั้นขอเพียงเฉียวเวยใช้กระบวนท่าเดียวกับตอนจัดการสิงโตลายเสือ นางคงตบต้าไป๋จนเละเป็นโจ๊กไปได้แน่นอน
แต่ที่ทำให้คิดไม่ถึงก็คือ เฉียวเวยไม่ได้ทำเช่นนั้น
เฉียวเวยเพียงปล่อยต้าไป๋ไปเงียบๆ ผลจากการปล่อยต้าไป๋ไปเช่นนั้นทำให้ต้าไป๋ได้กลับมาจู่โจมอย่างดุดันใส่เฉียวเวยอีกครั้ง
ครั้งนี้เป็นเฉียวเวยที่หลบเลี่ยงไม่พ้นแล้วจริงๆ พอหันหน้าไป ก็เจอเข้ากับกำแพงหินที่อยู่ด้านหลัง
ไม่เหลือทางถอยแล้ว…