หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 478 ลอบสังหารฮองเฮา
ตอนที่ 478 ลอบสังหารฮองเฮา
เฉียวเวยฟังภาษาเยี่ยหลัวคำอื่นไม่เข้าใจ แต่ประโยคนี้นางพอเข้าใจอยู่ ตอนที่คนสนิทข้างกายราชาเยี่ยหลัวโก่งคอตะโกนประโยคนั้นออกมาด้วยเสียงที่ทั้งแหลมทั้งสูงนั้น ไอสังหารที่ตรึงนางไว้ แทบอยากจะกลืนกินนางลงไปเสียให้ได้นั้นค่อยๆ ถูกดึงกลับไป
เวลานี้เฉียวเวยไม่มีเวลาสนใจว่าตนจะถูกจับได้หรือไม่แล้ว พอขยับตัวได้สิ่งแรกที่ทำก็คือก้าวออกไปที่ห้องหนังสือ
นางกำนัลที่คราแรกไม่มีให้เห็นสักคน ตอนนี้ราวกับงอกขึ้นมาจากพื้นในชั่วพริบตา ทุกคนมาคุกเข่ากันอย่างเป็นระเบียบอยู่ที่หน้าประตู ต้อนรับการมาถึงของราชาเยี่ยหลัว
จะปีนกำแพงออกไปตอนนี้อย่างไรก็คงไม่ทันการณ์แล้ว อีกทั้งนางไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น คนที่นางหวาดกลัวคือคนในห้องหนังสือผู้นั้น แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจับนางได้แล้ว เช่นนั้นนางจะหลบเลี่ยงอีกไปไย ส่วนราชาเยี่ยหลัว รักลูกก็ต้องรักคนที่ลูกรัก เห็นแก่ที่นางเป็น “ลูกสะใภ้” เขาจะต้องไม่ทำอะไรนางแน่
ดังนั้นเฉียวเวยเลยแสดงท่าทางนอบน้อม ยืนอยู่ด้านหลังเหล่านางกำนัลทั้งหลาย
ราชาเยี่ยหลัวก้าวเข้ามา เพียงกวาดตามองก็เห็นเฉียวเวยทันที จึงเดินเข้ามาถามไถ่
ขันทีเอ่ยด้วยความเกรงใจว่า “จั๋วหม่าน้อย ฝ่าบาทถามท่านว่าเหตุใดถึงมาอยู่ในตำหนักบรรทมของฮองเฮาได้”
เฉียวเวยระบายยิ้มบางๆ “เมื่อครู่ข้าตามหาเครื่องประดับหยกให้หมิงเยี่ยอยู่ หาไปหามาก็บังเอิญเข้ามาในนี้ เลยคิดอยากจะไปเยี่ยมคารวะฮองเฮาสักหน่อย”
ขันทีกล่าวให้ราชาเยี่ยหลัวฟัง
ราชาเยี่ยหลัวพยักหน้า ไม่ได้สงสัยเป็นอื่น
เฉียวเวยถามต่อว่า “ใช่สิ จ้าวกงกง ทำไมฝ่าบาทถึงมาที่นี่หรือ”
ขันทีจ้าวเอ่ยเสียงนุ่มว่า “ฮองเฮาได้รับบาดเจ็บ ฝ่าบาทจึงเชิญหมอหลวงให้มาดูอาการ แต่น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ไม่สู้ดีนัก วันนี้มีขุนนางใหญ่ไปเสาะหาตำรายาลับที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษจากชาวบ้านมาได้ ฝ่าบาทเลยจะนำยามาให้ฮองเฮา”
นำยามาให้ฮองเฮายังต้องมาด้วยตนเอง? ไม่ใช่ได้ข่าวอะไรเลยตั้งใจจะมา “จับชู้” หรอกหรือ
แต่ก็โชคดีที่อีกฝ่ายมา ไม่อย่างนั้นตนคงเอาตัวรอดได้ยากแล้ว
ราชาเยี่ยหลัวมองเฉียวเวยด้วยสายตาซับซ้อนทีหนึ่ง
เฉียวเวยเดาว่าเดิมทีเขาคงไม่ได้คิดจะพานางเข้าไปด้วย แต่น่าเสียดายที่นางมาอยู่ที่นี่แล้ว ซ้ำยังบอกว่าจะมาเยี่ยมคารวะฮองเฮาอีก จะจับนางโยนออกไปก็คงไม่ได้
ราชาเยี่ยหลัวเลยจำต้องพาเฉียวเวยเข้าไปในตำหนักนอนด้วย
ฮองเฮากลับมาอยู่ในห้องนอนแล้ว นางนอนหน้าตาอ่อนล้าอยู่บนเตียงที่ทั้งประณีตและหรูหรา เฉี่ยวหลิงกับนางกำนัลหลายคนคอยรับใช้อยู่ด้านข้าง ทั้งห้องมีแต่ความเงียบงัน ทำให้ทุกคนพากันเบาฝีเท้าลง
ที่ฮองเฮาไม่ได้ออกมาต้อนรับ นั่นต้องเป็นเพราะมีเหตุให้ไม่อาจออกมาต้อนรับได้
เห็นเพียงเฉี่ยวหลิงวางพัดที่ใช้พัดเตายาลง เดินเบาๆ ไปที่ข้างเตียงแล้วเอ่ยเสียงนุ่มว่า “ฮองเฮา ฝ่าบาทมาเพคะ ท่านรีบตื่นเถิด”
ฮองเฮาจะ “ตื่น” ง่ายๆ ได้อย่างไร นางยังคงหลับตา ทำเป็นนอนหลับสนิทต่อไป
เฉี่ยวหลิงยืดตัวขึ้น ทำความเคารพราชาเยี่ยหลัวแล้วเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “ทูลฝ่าบาท เมื่อคืนฮองเฮาทรมานมาทั้งคืน ข่มตานอนไม่ได้เลย เวลานี้คงเหนื่อยแย่แล้ว ให้บ่าวลองเรียกดูอีกทีดีหรือไม่เพคะ”
ราชาเยี่ยหลัวโบกมือเรียบๆ
เฉี่ยวหลิงเลยถอยออกไปอย่างรู้งาน
ขันทีจ้าวหันไปส่งสายตาให้นางกำนัลคนอื่นๆ ทุกคนเลยถอยออกไปอย่างเชื่อฟัง
เฉียวเวยมองฮองเฮาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาเป็นห่วง ฮองเฮาใส่ผ้าปิดหน้าเอาไว้เพื่อบดบังรอยข่วนบนใบหน้าที่ต้าไป๋ฝากเอาไว้ แต่ลมหายใจอ่อนระโหย สันจมูกออกคล้ำ ไม่เหมือนการแสร้งทำเป็นไม่สบาย
แค่ถูกข่วนหน้าเท่านั้น เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ฟู่เสวี่ยเยียนพูดไว้ไม่มีผิด โรคเก่านางกำเริบแล้วจริงๆ
เฉียวเวยเหลือบมองหมอยาที่วางอยู่บนเตาทีหนึ่ง ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยน เอ่ยกับราชาเยี่ยหลัวว่า “ฝ่าบาท ยาที่ท่านนำมาให้ฮองเฮาคือยาอะไรหรือ”
ขันทีจ้าวแปลให้ราชาเยี่ยหลัวฟัง ก่อนจะนำกล่องผ้าไหมเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อแล้วเปิดให้เฉียวเวยดู “เป็นยาที่หมอผู้เฒ่าชาวบ้านปรุงขึ้นเองกับมือ ขวดหนึ่งใช้ทา วันละสามครั้ง อีกขวดใช้กิน วันละหนึ่งครั้ง ครั้งละหนึ่งเม็ด ได้ยินว่ารักษาแผลได้ดียิ่งนัก กระทั่งแผลเก่าที่เป็นมาหลายปีก็ยังหายเป็นปลิดทิ้ง”
มียาดีเพียงนั้นอยู่จริงๆ หรือ เฉียวเวยพลันเกิดความคิดบางอย่าง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เอาให้ข้าเถิด ข้าจะช่วยทายาให้ฮองเฮาเอง”
ขันทีจ้าวเอ่ยให้ราชาเยี่ยหลัวฟัง ราชาเยี่ยหลัวพยักหน้า
ขันทีจ้าวเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ลำบากจั๋วหม่าน้อยแล้ว”
“ไม่เป็นไร” เฉียวเวยยิ้มพลางรับกล่องผ้าไหมนั้นไป
ราชาเยี่ยหลัวเดินวนอยู่ในห้องรอบหนึ่ง ไม่เจออะไร จึงพาขันทีจ้าวออกไป
ภายในห้องที่กว้างขวางเหลือเพียงเฉียวเวยกับฮองเฮาสองคน เฉียวเวยอยู่ต่อเพราะมีรับสั่ง จึงไม่ถือว่าตนเป็นคนนอก นางไปหาขวดเปล่าเล็กๆ สองขวดมาจากในห้อง เทยาทากับยาเม็ดแบ่งใส่ขวดอย่างละครึ่งแล้วเอาซ่อนไว้ในอก ก่อนจะเอาแมลงกู่ตัวเล็กที่ใต้เท้าเจ้าสำนักให้ออกมา ดีดปลายนิ้วใส่ลงไปในน้ำชา
เฉียวเวยถือน้ำชากับยาเม็ดเข้าไปนั่งที่ข้างเตียงฮองเฮา นางกึ่งยิ้มกึ่งบึ้งมองฮองเฮา “ฮองเฮาเพคะ ที่นี่ไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว ท่านลืมตาได้แล้ว”
ฮองเฮาลืมตาดุดันขึ้น นัยน์ตาคล้ายมีคมดาบแฝงอยู่
ตัวเล็กๆ ของเฉียวเวย “สั่นสะท้าน” เล็กน้อย “ตายจริง ข้ากลัวเหลือเกิน”
จากนั้นนางก็ระบายยิ้ม เอายาเม็ดในมือกับน้ำชายื่นไปตรงหน้านาง “นี่คือยาที่ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ตามหามาจากหมอชาวบ้าน ให้ผลดียิ่งนัก ฮองเฮารีบกินลงไปเถิด อย่าได้ทำให้ความตั้งใจดีของฝ่าบาทเสียเปล่าเลย”
ฮองเฮามองเฉียวเวยด้วยสายตานิ่งขรึม ไม่มีทีท่าว่าจะกินลงไป
เฉียวเวยถอนหายใจเบาๆ “ข้ายกจนเมื่อยไปหมดแล้ว หญิงชราอย่างท่านช่วยรับไว้หน่อยสิ ฝ่าบาทยังอยู่ข้างนอกอยู่เลย ท่านไม่อยากให้ข้าป้อน หรือท่านอยากให้ฝ่าบาทมาป้อนให้ท่านเอง”
ฮองเฮากำหมัดแน่น “เฉียว ซื่อ!”
เฉียวเวยค้อมกายเล็กน้อย ระบายยิ้มเอ่ยว่า “อยู่นี่เพคะ ฮองเฮา”
ฮองเฮาเอ่ยเสียงดุ “เจ้าคิดว่าข้าจะกินของที่เจ้าเอามาให้งั้นหรือ”
เฉียวเวยอมยิ้ม “ท่านคิดว่าแค่ท่านไม่กินก็จะผ่านไปงั้นหรือ”
สายตาฮองเฮาพลันเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะเรียกคนเข้ามา?”
เฉียวเวยย้อมถามว่า “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะบอกความลับของท่านหรือ”
ฮองเฮาคล้ายได้ยินเรื่องที่สุดแสนจะน่าขัน นางเงยหน้าหัวเราะจนไหล่สั่น “ความลับของข้า? ความลับอะไรของข้า เจ้าหมายถึงห้องลับในห้องหนังสือนั่นหรือ เชิญเจ้าเอาไปพูดได้เลย”
เฉียวเวยอมยิ้ม “คนฉลาดเป็นกรดเช่นฮองเฮาจะซ่อนกระทั่งห้องลับเล็กๆ เช่นนั้นไม่ได้ได้อย่างไร หากตอนนี้ข้าพูดออกไป น่ากลัวว่าคงหาอะไรไม่พบ เหตุใดข้าจะต้องได้ชื่อว่า “ใส่ร้ายฮองเฮา” ด้วยเล่า แต่ข้ามีสถานที่แห่งหนึ่ง เชื่อว่าฮองเฮาคงยังไม่ทันได้เก็บกวาดให้เรียบร้อยเป็นแน่ ฮองเฮาอยากฟังหรือไม่ว่าคือที่ใด”
รอยยิ้มของฮองเฮาจางลง
เฉียวเวยเขยิบเข้าไปใกล้ เลิกคิ้วเอ่ยว่า “หมู่บ้านบนเขาหม่างฮวาง”
สีหน้าฮองเฮาพลันเปลี่ยน
แต่ชั่วแวบต่อมา ฮองเฮาก็ยิ้มอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัวอีกครั้ง “อย่ามาหลอกข้าเสียให้ยากเลย หากเจ้าค้นเจอแล้วจริงๆ จะยอมไม่พูดอะไรเช่นนี้หรือ”
ต่อให้นางพูดถูก แต่เฉียวเวยก็ไม่ยอมถูกนางจูงจมูกเดินง่ายๆ เช่นนั้น “เช่นนั้นฮองเฮาอยากลองเดิมพันดูสักหน่อยหรือไม่เล่า”
รอยยิ้มของฮองเฮาพลันแข็งค้าง
เฉียวเวยยื่นยาเม็ดไปที่ปากนาง “หากไม่อยากเสี่ยง ก็กินยาลงไปแต่โดยดีเถิด”
นัยน์ตาฮองเฮามีประกายเย็นวาบแวบผ่าน น้ำเสียงที่ใสเย็นอ่อนหวานพลันเปลี่ยนเป็นยากจะแบ่งแยก “เฉียวซื่อ เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงหรือ”
พอได้ฟังเสียงที่ไม่ได้ยินมานานนี้ ในใจเฉียวเวยก็เต้นไม่เป็นส่ำ นางไม่รอให้เฉียวเวยตั้งตัว จู่ๆ ฮองเฮาก็พุ่งฝ่ามือที่เย็นยะเยือกจะฟาดเข้าใส่หน้าอกของเฉียวเวย
เฉียวเวยแทบจะดึงตัวถอยตามสัญชาตญาณ จนหลบเลี่ยงการลอบโจมตีของนางไปได้
ถึงอย่างไรฮองเฮาก็ไม่อยากจะสู้กับเฉียวเวยซึ่งๆ หน้า นางพุ่งฝ่ามือออกมาอีกครั้ง บีบให้เฉียวเวยถอยไปอยู่ตรงมุมกำแพง ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาทะยานออกไปทางหน้าต่าง
ยิ่งนางหนีเอาชีวิตรอด เฉียวเวยก็ยิ่งมั่นใจว่านางจะต้องบาดเจ็บไม่น้อย ไม่อย่างนั้นด้วยวรยุทธ์ของนาง คงสังหารเฉียวเวยให้ตายคาห้องไปได้นานแล้ว นางไม่กล้าสู้กับเฉียวเวย ก็หมายความว่าเวลานี้นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียวเวย
เฉียวเวยกระตุกมุมปาก คิดจะหนีหรือ ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก!
เฉียวเวยตามออกไปด้วย
ฮองเฮากระโดดข้ามกำแพงออกไป
ใต้เท้าเจ้าสำนักรออยู่ด้านนอกกำแพงนานแล้ว เขารู้ถึงความสามารถของสตรีนางนั้น ต่อให้กินแมลงกู่ลงไปก็ไม่ง่ายที่จะเอาชนะได้ ดังนั้นเขาจึงถือท่อนไม้ลำโตเอาไว้ หากนางกล้าหนีออกมา เขาก็จะใช้ท่อนไม้นี้ฟาดนางให้นาง!
พอได้ยินเสียงฟี้ว เงาดำเงาหนึ่งก็ทะยานออกมา
ในใจเจ้าสำนักพลันยินดี ประตูใหญ่ไม่ออกแต่ใช้การปีนกำแพง จะต้องเป็นนังปีศาจเฒ่านั่นเป็นแน่!
ใต้เท้าเจ้าสำนักคาดเดาได้ถูกต้อง เงาดำนั้นเป็นของฮองเฮาจริงๆ
เพียงแต่ฮองเฮาเคลื่อนตัวเร็วเกินไป กว่าไม้ของเขาจะฟาดออกไป ฮองเฮาก็ทะยานไปไกลแล้ว
“อ๊าก…”
มีเสียงร้องโหยหวน พร้อมร่างร่างหนึ่งที่ตกลงมา
“ข้าตีถูกแล้ว! ข้าตีถูกแล้ว!” ใต้เท้าเจ้าสำนักดีใจจนกระโดดโลดเต้น เขาเดินเข้าไปดูแล้วก็ต้องตกใจจนกระโดดเหยงๆ “อ๊าๆๆๆ เหตุใดจึงเป็นเจ้า!”
เฉียวเวยหน้าคว่ำอยู่กับพื้น นางเพิ่งปีนกำแพงออกมา อีกนิดเดียวจะจับนังปีศาจเฒ่านั่นได้อยู่แล้ว คนไม่ดูตาม้าตาเรือคนใดกันที่ฟาดนางจนตกลงมาเช่นนี้!
************************