หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก - ตอนที่ 479-1 ปราบฮองเฮา ราชันอสูรปราชัย
ตอนที่ 479-1 ปราบฮองเฮา ราชันอสูรปราชัย
เฉียวเวยเงยหน้าบูดบึ้งขึ้นมา ที่หน้าตาเต็มไปด้วยดินโคลน กระดำกระด่าง ก่อนจะพ่นเศษหญ้าออกมา
ใต้เท้าเจ้าสำนักรีบเอาไม้ไปซ่อนไว้ข้างหลัง มืออีกข้างโบกให้ว่อน “ข้าเห็นนางหนีไปทางนั้น!”
เฉียวเวยหน้าตาไม่สบอารมณ์ มองใต้เท้าเจ้าสำนักด้วยความหัวเสีย
ใต้เท้าเจ้าสำนักตาเป็นประกาย ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า “อ๊า… ตามไป…”
แล้วถือไม้วิ่งตะลีตะลานหนีไป!
ตอนนี้เฉียวเวยไม่มีเวลาเอาเรื่องเขา ต้องไปจัดการนังปีศาจเฒ่านั่นก่อนแล้วค่อยกลับมาจัดการเขาอีกที!
นางปีศาจเฒ่าจะต้องบาดเจ็บหนักแน่นอน ถึงผ่านมาตั้งหลายปีแล้วก็ยังไม่หายสนิท แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น นางก็ยังลดความรุนแรงลงจนต่ำที่สุดได้ หนึ่งเดือนมีแค่วันนี้ หากพลาดวันนี้ไปคงต้องรออีกทีเดือนหน้า
เฉียวเวยจึงตัดสินใจอาศัยช่วงที่นางป่วย เอาชีวิตนางเสีย ตอนนี้อย่าว่าแต่จีหมิงซิวเลย ต่อให้เป็นผู้เฒ่าจากแดนสวรรค์มาก็ห้ามนางไม่ให้สังหารนางปีศาจเฒ่านั่นไม่ได้!
เฉียวเวยรีบตามไปทางที่ฮองเฮาหนีหายไป ฮองเฮาสร้างภาพลักษณ์ในวังว่าเป็นสตรีอ่อนแอไม่มีแรงกระทั่งจับไก่ นางไม่มีทางเผยให้คนอื่นเห็นว่าตนบาดเจ็บภายในอยู่ ดังนั้นจะต้องพยายามหลบเลี่ยงผู้คนให้มากที่สุดเป็นแน่
เฉียวเวยลองไปในทางที่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านไปมา หลังจากไล่ตามไปไม่เท่าก็เห็นหลังฮองเฮาไวๆ อยู่ข้างหน้าจริงๆ
ฮองเฮาก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านหลังแล้วเช่นกัน นางหันไปมองก็เห็นเป็นเฉียวเวยที่ไล่ตามมา สายตาเปลี่ยนเป็นดุดัน ใช้วิชาตัวเบาทะยานตัวขึ้นไปอีกครั้ง
วิชาตัวเบาขั้นนี้ อย่ามาใช้ให้ขายหน้าต่อหน้าเฉียวเวยเลย เฉียวเวยแตะปลายเท้า ตัวก็ทะยานออกไปราวกับลูกธนูทันที ตอนที่ฮองเฮาคิดว่าตนสลัดเฉียวเวยหลุดแล้วนั้น พอเพ่งสายตามองอีกทีกลับเป็นว่าเฉียวเวยมายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าตนเสียแล้ว
สายตาฮองเฮาพลันชะงักเกร็ง!
เฉียวเวยปรบมือให้ช้าๆ ตั้งใจส่งยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย “หนีทำไมหรือ ด้วยวรยุทธ์ของเจ้าในตอนนี้ จะหนีข้าพ้นหรือ ข้าแนะนำให้เจ้าเก็บแรงไว้จะดีกว่า อย่าเสียแรงเปล่าเลย”
ฮองเฮามองเฉียวเวยอย่างดุดัน ด้วยสภาพร่างกายของนางในตอนนี้ไม่สู้ดีเอาเสียเลยจริงๆ ไม่เพียงยากจะใช้วรยุทธ์ แต่กระทั่งวิชาตัวเบาก็ย่ำแย่ลงด้วย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉียวเวยที่กำลังแข็งแรงถึงขีดสุด นับว่าเอาชนะได้ยากจริงๆ
นี่คงเป็นอย่างที่เขาว่ากันคือเสือวันตกอับก็ต้องถูกสุนัขรังแก
เฉียวเวยยิ้มเย็นมองนาง นัยน์ตามีประกายคมกล้า “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ท่านน้า อย่าคิดว่าข้าจะออมมือให้เจ้าเลย ตอนนั้นเจ้าใช้ธนูจันทร์โลหิตยิงข้าอย่างไร ไว้รอข้าจับเจ้าได้แล้ว ข้าจะยิงกลับใส่เจ้าให้ครบทุกดอก แล้วยังมีเรื่องที่เจ้าจับบุตรสองคนของข้ามาอีก ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสของการถูกทรมาน”
ฮองเฮาเอ่ยเสียงขรึมว่า “ฝันไปเถอะ!”
เฉียวเวยเอ่ยยิ้มๆ “เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูสิ ดูสิว่าข้ากำลังฝันไปหรือไม่!”
พอพูดจบ เฉียวเวยก็เก็บสีหน้านิ่ง ชูฝ่ามือขึ้นมากระแทกอย่างรุนแรงไปทางฮองเฮา
ถึงแม้ฮองเฮาจะไม่อาจใช้วรยุทธ์ได้เต็มที่ แต่อูฐผอมแห้งอย่างไรก็ตัวใหญ่กว่าม้า เฉียวเวยคิดจะควบคุมตัวนางไว้ก็ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน
ชั่วขณะที่เฉียวเวยจะพุ่งฝ่ามือใส่หน้าอีกฝ่ายนั้น นางก็หมุนตัวหนีไปด้วยความว่องไว กระบวนท่าของเฉียวเวยพุ่งไม่ถูกใคร มือเรียวของฮองเฮาเคลื่อนไหวราวกับงูที่ว่องไว เข้ามาจับแขนของเฉียวเวยเอาไว้ทันที
เฉียวเวยแค่นเสียงออกทางจมูก “คิดจะใช้ไม้อ่อนสู้ไม้แข็งหรือ เจ้าอย่าได้หวังเลย!”
ฮองเฮาอาศัยจังหวะนั้นกดตัวเฉียวเวยลงกับพื้น มืออีกข้างของเฉียวเวยกลับควักกริชออกมาฟันใส่ลำคอนางอย่างดุดัน
นางปล่อยมือจากเฉียวเวยด้วยความตกใจ
มือขวาของเฉียวเวยได้รับอิสระ ยิ่งสู้ยิ่งดุดันขึ้นเรื่อยๆ
ฮองเฮาบาดเจ็บอยู่ พละกำลังต้องใช้ไปมาก ไม่นานก็ฝืนทนต่อไปไม่ไหว นางจับหน้าอก ใช้พลังทั้งหมดพุ่งฝ่ามือเข้าใส่เฉียวเวย
เฉียวเวยก็รู้ว่าฝ่ามือนี้ไม่อาจรับไว้ตรงๆ ได้ จึงรีบก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
นางอาศัยจังหวะนั้นใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นมา อีกนิดเดียวก็จะกระโดดขึ้นหลังคาไปได้อยู่แล้ว เฉียวเวยก็แตะปลายเท้าลงกับพื้น ใช้เป็นแรงส่งกระโดดลอยตัวขึ้นกลางอากาศ
ครานี้นางจับไว้ได้แล้วจริงๆ
เพียงแต่ไม่มีใครคิดว่าใต้เท้าเจ้าสำนักจะวิ่งเข้ามา
ใต้เท้าเจ้าสำนักไม่ได้จะมาสร้างความวุ่นวาย เขารู้ตัวดีว่าพอตนกลับไปจะต้องถูกเฉียวเวยสั่งสอนแน่นอน เวลานี้เขาเป็นพ่อคนแล้ว จะให้ถูกซ้อมจะจมูกเขียวหน้าบวมอีกไม่ได้ เขาจึงใช้ไหวพริบไปขอยืมธนูคันหนึ่งมาจากองครักษ์
เขาตัดสินใจที่จะเอาความดีชดใช้ความผิด!
เขาง้างคันธนู
เล็งตรงไปที่ฮองเฮา
ปล่อยธนูยิงออกไป!
ฟิ้ว!
เฉียวเวย “อ๊าก…”
มันผู้ใดยิงข้า!
มือของเฉียวเวยแตะถูกแขนเสื้อของฮองเฮาแล้ว ก่อนจะตกลงพื้นดังพลั่ก!
เฉียวเวยที่มีธนูปักอยู่ตรงต้นขา เตกลงมาหน้าปักดิน แทบอยากจะทุบเจ้าทึ่มนั่นให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ “…”
ใต้เท้าเจ้าสำนักตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ข้างกายมีรูปปั้นตั้งอยู่ เขารีบเอาธนูไปแขวนไว้ที่มือรูปปั้นตัวนั้นแล้วชี้ไปที่รูปปั้น เอ่ยราวกับลั่นคำสาบานว่า “เขาเป็นคนทำ! ไม่ใช่ข้า!”
หมัดของเฉียวเวยกำแน่นจนส่งเสียงดัง
ใต้เท้าเจ้าสำนักใจเต้นไม่เป็นส่ำ
เฉียวเวยข่มความเจ็บที่ต้นขาเอาไว้ ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม!
ใต้เท้าเจ้าสำนักเหมือนเห็นตัวเองตอนจมูกเขียวหน้าบวมแล้ว ตัวเขาสั่นเทิ้ม พูดจาไม่เป็นคำ “เจ้าๆๆๆๆ…”
เฉียวเวยถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างดุดัน
ใต้เท้าเจ้าสำนักมองนางด้วยความหวาดผวา “เจ้าๆๆ…”
เฉียวเวยเสียงโกรธเกรี้ยว “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
ใต้เท้าเจ้าสำนัก “เจ้า…”
“ไป!”
“เจ้าอ๊า…”
ใต้เท้าเจ้าสำนักชี้ไปด้านหลังนาง
สายตาเฉียวเวยพลันเปลี่ยน รีบหันไปตามสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ทันหันไปเต็มตัวก็ถูกฮองเฮาใช้ไม้ฟาดล้มลงกับพื้นเสียแล้ว
เจ้าสำนักเฉียวที่โดนทำร้ายจนสงสัยในชีวิต “…”
ใต้เท้าเจ้าสำนักสูดหายใจเข้าไปหลายเฮือก กอดตัวเองแน่น ตกใจจนถอยกรูด
ฮองเฮาโยนไม้ในมือทิ้ง กดสายตาลงมองเฉียวเวยพร้อมยิ้มเยาะ น้ำเสียงที่ยากจะแยกออกดังขึ้นช้าๆ “คิดจะฆ่าข้า อย่างเจ้าน่ะหรือ เวลานี้ใครตกอยู่ในมือใครกันแน่”
เจ้าสำนักเฉียวที่ไม่อาจขยับตัวได้ “…”
ฮองเฮาเงยหน้าหัวเราะ ก่อนจะก้มลงไปเก็บกริชบนพื้น กริชเล่มนี้ไม่ใช่กริชเฟิ่นเทียนแต่กลับคมกริบยิ่งนัก อย่างน้อยก็สามารถใช้ปาดคอคนได้
ฮองเฮาแกว่งกริชในมือแล้วจะใช้ฟันใส่เฉียวเวย
จะว่าช้าก็ช้า จะว่าเร็วก็เร็ว ใต้เท้าเจ้าสำนักไม่รู้ไปเอาท่อนไม้ใหญ่เท่าแขนมาจากไหน สองมือชูขึ้นสูง ปากก็ร้องตะโกนเสียงดัง พุ่งเข้าใส่ฮองเฮาพร้อมไอสังหารรุนแรง “อ๊า…”
เขาพุ่งไปด้านหลังฮองเฮาพร้อมพลังทำลายล้าง
ฮองเฮาปลดปล่อยอำนาจรอบตัว สองตาร้อนแรงจับจ้องไปที่เขาราวกับเตาไฟ เขาสะอึกพลันชะงักค้าง ขนตาสั่นระริก สองแขนเริ่มสั่น เขาปล่อยมือข้างหนึ่ง กำเป็นหมัดหลวมๆ แล้วใช้ทุบเบาๆ ที่หัวไหล่ของฮองเฮา
ฮองเฮา “…”
ฮองเฮาเตะเขากระเด็นไปทันที
ใต้เท้าเจ้าสำนักล้มกระแทกลงกับพื้น จับหน้าอกที่ปวดร้าวเอาไว้ มือเลยคลำไปเจอขวดกระเบื้องเล็กๆ เข้า เขาดึกจุกที่ปิดฝาขวดอยู่ออก ใช้หัวแม่มือปิดฝาขวดแล้วซ่อนไว้ด้านหลัง แล้วจึงเดินเข้าไปหาฮองเฮาอีกครั้ง!
มือเขาจับหัวไหล่ฮองเฮาไว้ ดึงแรงๆ ให้นางหันกลับมา จากนั้นก็บีบคางฮองเฮาแล้วเอาปากขวดกระเบื้องจ่อไว้ที่ปากนาง แล้วจับกรอกลงไปแรงๆ ทันที
ฮองเฮามีหรือจะให้อีกฝ่ายเอาอะไรกรอกปากได้ นางพลิกมือแย่งขวดเขาไว้ เปลี่ยนเป็นจับคางเขาแล้วเทแมลงกู่เข้าปากเขาแทน
เฉียวเวยพอจะหายมึนแล้ว พอลุกขึ้นก็เห็นเจ้าทึ่มยืนอยู่ตรงหน้า จึงยกขาเตะกระเด็นไปทันที!
ตัวของใต้เท้าเจ้าสำนักเอนไปข้างหน้าอย่างแรง ล้มทับฮองเฮาไว้กับพื้น ชั่วขณะที่กลีบปากสัมผัสกันนั้น ไอเย็นของบางอย่างก็ไหลลื่นลงคอฮองเฮาไปทันที
ใต้เท้าเจ้าสำนักทะลึ่งตัวลุกขึ้น! มองฮองเฮาพร้อมรู้สึกเย็นวาบ…
เมื่อครู่เขาทำอะไรลงไป
เขาถูกนางปีศาจเฒ่าล่วงเกินหรือนี่
“นางยักษ์ เจ้าคิดจะเล่นข้าถึงตาย! แหวะ…” ใต้เท้าเจ้าสำนักแทบจะอาเจียนเอาอาหารเมื่อคืนออกมา
ฮองเฮาก็โกรธไม่น้อย เงื้อฝ่ามือขึ้นจะสะบัดตบหน้าใต้เท้าเจ้าสำนัก ไหนเลยจะว่าแค่เพียงขยับก็พลันรู้สึกรวดร้าวขึ้นที่หน้าอก ก่อนจะกระอักเลือดสดๆ ออกมา!
สายตานางชะงักค้าง มองมือตัวเอง จะเดินกำลังภายในอีกครั้ง แต่กลับปวดร้าวขึ้นอีกครั้ง นางเอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าให้ข้ากินอะไรลงไป”
ใต้เท้าเจ้าสำนักอึ้งไป จับลำคอตัวเองแล้วลูบท้อง เอ๋? เขาไม่เป็นอะไร แมลงกู่ลงท้องนางปีศาจเฒ่าไปหรือ
ใต้เท้าเจ้าสำนักลองยื่นมือไปหยิบไม้บนพื้น แสร้งทำเป็นใจกล้า ฟาดใส่นางทีหนึ่ง!
ฮองเฮาถูกฟาดจนตัวซวนเซ ล้มลงกับพื้น
สายตาใต้เท้าเจ้าสำนักพลันเบิกโต เดินเข้าไปอย่างระมัดระวังแล้วหวดไม้ใส่นางอีกทีหนึ่ง!
ฮองเฮาส่งเสียงสะอึกต่ำๆ หมดสิ้นเรี่ยวแรงวางท่า
ใต้เท้าเจ้าสำนักเงยหน้าหัวเราะลั่น “ฮ่าๆๆๆๆๆ เจ้าไม่รอดแล้ว!”
ไม้หายไป
************************