หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 112
ตอนที่ 112 : ฉันไม่ชอบไล่ตามดารา
หอคอยเวทย์นั้นถูกสร้างมาจากหิน นอกจากท่อระบายอากาศสองสามช่องในแต่ละชั้นแล้ว มันก็มีหน้าต่างอยู่อีกเพียงหนึ่งหรือสองบาน ด้วยเหตุนี้แสงสว่างภายในหอคอยจึงไม่สว่างมากนัก โดยเฉพาะในชั้นสอง ที่นี่มีผนึกเวทย์คอยส่องสว่างน้อยกว่าในชั้นอื่นๆ
ใบหน้าที่เนียนครึ่งหนึ่งของวิเวียนถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีส้มจากผลึกเวทย์ เธอนั้นตกอยู่ในความเงียบ
คลาอัสพูดต่อว่า “ลองคิดถึงเจอรี่สิ ผมของเขานั้นเริ่มกลายเป็นสีขาวแล้วในตอนที่รองประธานโรแลนด์มาถึง เจ้าคิดว่ามันง่ายนักเหรอที่จะมีผู้นําที่ยอดเยี่ยมอย่างรองประธานโรแลนด์ปรากฏตัวออกมา?”
วิเวียนยังคงไม่พูดอะไรออกมา
คลาอัสนั้นวิตกกังวลเป็นอย่างมาก “ทําไมเจ้าถึงยังไม่เข้าใจเสียที? ฟังข้านะ รุกให้มากกว่านี้สวมเสื้อผ้าที่สวยที่สุดของเจ้าและไปยืนอยู่ตรงหน้ารองประธานโรแลนด์
วิเวียนก็ยังคงไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นท่าทางไร้ชีวิตชีวาของเธอ คลาอัสก็ถอนหายใจพร้อมพูดว่า “เห้อ ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าไม่อยากรุกก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทําลายความหวังของพวกเราเสียละ”
ในตอนนั้นเอง ในที่สุดวิเวียนก็พูดออกมา “ทําไมข้าต้องแบกรับความรับผิดชอบของเจ้าด้วย?”
“ถึงแม้ไม่ใช่เพื่อข้า เจ้านั้นก็ต้องแบกรับโอกาสนั้นอยู่ดีเพื่อนักเวทย์ฝึกหัดคนอื่นๆ” คลาอัสพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หอคอยเวทย์ของนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่ารองประธานโรแลนด์จะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ก็ตาม เขานั้นก็ถือว่าเป็นตัวตัดสินอนาคตของเรา และเจ้าก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสําคัญที่พยายามยื้อเขาให้อยู่ที่นี่”
ทันใดนั้นวิเวียนก็ยิ้มออกมา “ความคิดเจ้าก็ดูเข้าท่านะ แต่ข้านั้นไม่โง่ ข้านั้นไม่เข้าใจถึงความสําคัญของการทําให้รองประธานตกหลุมรักผู้หญิงเช่นข้าหรอก ส่วนเจ้าไม่คิดจะทําอะไรนอกจากผลักภาระให้ข้างนเหรอ?”
“หากเขาชอบผู้ชาย ข้านั้นคงถอดกางเกงให้เขาไปแล้ว” คลาอัสจ้องมองเธออย่างเงียบๆ “เจ้าน่าจะเข้าใจสิ่งที่ข้าสื่อ”
วิเวียนส่ายหัวและยืนขึ้น “ข้านั้นชอบรองประธานเป็นอย่างมาก ทว่าความรักของข้านั้นเปราะบางเป็นอย่างมาก มันไม่สามารถรับผิดชอบกับความคิดของเจ้าได้หรอกนะ ข้านั้นหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างข้าและรองประธานนั้นจะบริสุทธิ์และไม่มีอะไรที่แปดเปื้อน”
หลังจากพูดจบ วิเวียนก็จากไป
คลาอัสมองเธอจากไปยังห้องของเธอและปิดประตู จากนั้นเขาก็ฟาดลงบนโต๊ะและก่นด่าออกมา “ไอ**เอ้ย”
โรแลนด์นั้นไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้านล่าง เมื่อประตูของห้องทดลองเวทย์ปิดลง ผนึกป้องกันก็ทําให้เขายากที่จะได้ยินเสียงจากภายนอก
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวทย์ระดับสาม แต่เนื่องจากความเชี่ยวชาญทางมิติที่เขาได้รับมานั้น มันทําให้มันง่ายเสียยิ่งกว่าเวทย์ระดับสองอย่างความสามารถทางภาษาเสียอีก
เขานั้นทําการทดลองกว่าสิบครั้งจนกระทั่งมันสําเร็จ
พลังเวทย์พุ่งสูงขึ้นมา ในครึ่งวิต่อมา เขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงด้านหน้าห่างจากจุดเดิมประมาณ 6 เมตร
หลังจากมีความสุขกับมันได้ไม่นานนัก ใบหน้าของโรแลนด์ก็กลายเป็นซีดเผือกและอาเจียนออกมาเสียงดัง ขย้อนของทุกอย่างที่อยู่ในท้องออกมา
เวทย์นั้นสําเร็จแล้ว ทว่าหลังจากเคลื่อนย้ายร่างกายของเขานั้นราวกับนั่งเรือที่ถูกพัดไปด้วยคลื่นนานหลายชั่วโมง ราวกับโลกทั้งใบหมุนอยู่
อาการคลื่นไส้เหมือนกับคนที่เมารถ
หลังอ้วกออกมาโรแลนด์ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก
เขานั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง
เขานั้นคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยความเชี่ยวชาญทางมิตินั้นจะทําให้เวทย์เคลื่อนย้ายนั้นง่ายที่จะเรียนรู้เป็นอย่างมาก แต่เขานั้นคิดไม่ถึงว่ามันจะมีผลที่ตามมาเลวร้ายขนาดนี้
เวทมนตร์ของเขานั้นสําเร็จ 100% อย่างแน่นอน
นั่นก็เหลือเพียงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผลกระทบนั้นมาจากปฏิกิริยาทางร่างกายของเขา
มันก็เหมือนกับคนที่เมารถเมื่อนั่งรถเป็นครั้งแรก
น่าอายมาก..โรแลนด์รู้สึกได้ถึงรสเปรี้ยวที่กําลังปั่นป่วนอยู่ภายในท้องของเขาอีกครั้ง
ไม่ เขาจะไม่ยอมเป็นคนเดียวที่ต้องแบกรับความน่าอับอายนี้
เขาไม่พูดอะไรออกมา โรแลนด์นั้นอัปโหลดแบบจําลองเวทย์ของเวทย์เคลื่อนย้ายลงในฟอรั่มทันที และในเวลาเดียวกัน เขานั้นก็อัปโหลดวีดีโอซึ่งแสดงให้เห็นแค่เพียงว่าเขานั้นร่ายเวทย์สําเร็จ โดยตัดส่วนที่เขาอาเจียนออกไป
เมื่อมองไปยังกระทู้ โรแลนด์ก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขก่อนที่กรดภายในกระเพาะของเขาจะตีขึ้นมาในลําคอของเขาอีกครั้ง ซึ่งทําให้เขาดูน่าอับอายเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นระบบก็ส่งการแจ้งเตือนเข้ามา มันมาจากที่บราซิลและลี่หลินทั้งคู่นั้น @เขาเข้ามาในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งยังส่งหมายเลขห้องสตรีมใน “CC”
โรแลนด์ไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่เขาก็คลิกเข้าไปเนื่องจากเขาเชื่อใจพวกเพื่อนของเขา
จากนั้นเขาก็เห็นฟาวลิ่วยี่เต้นโชว์อยู่ตรงในโรงเตี้ยม บรรยากาศโดยรอบนั้นเต็มไปด้วย เสียงเชียร์ของพวกขี้เมาและเสียงผิวปากของพวกหมาป่า ฉากนี้ดูเซ็กซี่เป็นอย่างมาก
“นี่มันเกี่ยวไรกับฉัน?” โรแลนด์ถามเข้าไปในแชท
ลี่หลิน: “เธออยู่ในเมืองเดลพอนแล้วตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะอยู่ในโรงเตี้ยมที่ชื่อว่าเกรย์แซนด์”
บราซิล: “เร็วเข้า ไปดูเร็ว มันยากมากที่จะเจอดาราดัง บางทีเราอาจจะได้ช่องทางติดต่อหรือลายเซ็นต์ก็ได” ”
ฟ่านลิ่วยี่มายังเมืองเดลพอน?
เธอมาทําอะไรที่นี่กัน? เมื่อความคิดนี้เข้ามาอยู่ในหัวของโรแลนด์ โรแลนด์ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นคิดมากเกินไป นี่มันเป็นโลกแห่งเกมเธอจะไปที่ไหนก็ได้ที่เธอต้องหาร มันไม่ใช่เรื่องของเขาสักหน่อย
“ฉันไม่สนใจ! ฉันไม่เหมือนพวกนาย พวกนายไม่สังเกตุบ้างเหรอว่าฉันไม่ชอบพวกดารา”
ลี่หลิน: “ช”
บราซิล: “มันเป็นโอกาสดีที่จะได้เป็นสมาชิกของทหารม้าเลยนะ ทําไมนายไม่ลองสักหน่อยล่ะ?”
โรแลนด์: “เฮ้อออ”
ทันใดนั้นเบทต้าก็ส่งข้อความเข้ามา “พี่โรแลนด์ไปดูกันเถอะ ผมกําลังจะออกเมืองเดลพอน หลังผมลองไปดู มาใช้นี่เป็นเป็นฉลองเพื่อจากลากันเถอะครับ”
โรแลนด์: “???”
เบทต้า: “ไว้คุยรายละเอียดกันในเกรย์แซนด์นะครับ”
โอเค! โรแลนด์ยอมรับมันอย่างช่วยไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังเวียนหัวและขาของเขายังสั่นอยู่ก็ตาม เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าทําไมเบทต้าถึงจะออกจากเมืองเดลพอนไปอย่างกระทันหัน
สิบนาทีต่อมา เขานั้นมาถึงยังโรงเตี้ยมเกรย์แซนด์ ก่อนที่เขาจะเข้าไปด้านใน เขานั้นได้ยินเสียงโห่ร้องดังออกมาจากด้านใน
เหมือนหูจะหนวกเลย
โรแลนด์เข้าไปภายในห้องโถงขนาดใหญ่ โต๊ะและเก้าอี้ที่อยู่ภายในนั้นถูกจัดการออกจนหมด มีเพียงแค่หญิงสาวสวยผมบรอนด์ตาสีเขียวกําลังเต้นอยู่ตรงกลางเพียงเท่านั้น
นอกจากเธอดูเหมือนว่ายังมีผู้เล่นที่เป็นนักกวี เขากําลังเล่นเพลง “Little Apple” อยู่ด้านหลังด้วยพิณ
ในตรงบริเวณกลางห้องโถงนั้นฟ้านคิ้วยี่กําลังบิดพริ้วเองของเธอราวกับงูกําลังเลื้อย
แขกโดยรอบหน้าแดงขึ้นด้วยความตื่นเต้น
พวกขี้เมาทั้งหลายไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขานั้นคว้าชายที่อยู่ข้างๆก่อนทุบไปที่หน้าผากของเขาอย่างแรง
ชายคนดังกล่าวเป็นลมไปทันที ส่วนฝ่ายผู้ทํานั้นใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยเลือดและเขานั้นก็โห่ร้องออกมาอย่างดุเดือด พร้อมโบกแขนไปมาราวกับกอริล่า
มีลูกค้ากว่าร้อยคนในโรงเตี๊ยม เสียงของพวกเขาเกือบจะทําให้หลังคาทะลุออกมา
โรแลนด์นั้นปิดหูของเขาก่อนมองไปรอบๆและพบเข้ากับเบทต้า
เขานั้นมีโต๊ะอยู่โต๊ะหนึ่งเป็นของตัวเอง
เพราะถึงอย่างไรเขานั้นก็เป็น “ขุนนาง” ลูกค้าทั่วไปนั้นไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา
โรแลนด์นั้นเดินไปและนั่งลงตรงกันข้ามกับเบทต้า
เบทต้านั้นมองไปที่ฟ่านลิ่วยี่ เขาพยักหน้าตามจังหวะการเต้นของเธอและโยกหัวไปตามเสียงเพลง
สามารถบอกได้ว่ากวีนั้นมีความสามารถอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจะอยู่ในเสียงดังจนหูแทบหนวกแบบนี้ เสียงดนตรีที่เขาเล่นนั้นก็ยังคงทําให้ทุกคนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน