หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 118
หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) ตอนที่ 118 : กลุ่มคนที่ต้องการสร้างคลื่นลูกใหม่
โรแลนด์รู้ดีว่าการตายของคลาอัสนั้นจะส่งผลกระทบอย่างมากในเมืองเดลพอน
ทว่าเขานั้นคิดผิด มันไม่ใช่แค่ผลกระทบทั่วไปเท่านั้น ทว่ามันเป็นกระทบที่ใหญ่มาก ในระดับที่ไม่น่าเชื่อมันดังยิ่งกว่าวีรกรรมของฮอร์กและลิงค์อีก
เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว เพราะคลาอัสนั้นเป็นนักเวทย์ฝึกหัด เขานั้นยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่มีโอกาสอีกมากในอนาคตที่จะกลายเป็นนักเวทย์ที่แท้จริง
อย่างที่สองคือคลาอัสนั้นเป็นสมาชิกของหอคอยเวทย์และถูกนับว่าเป็นลูกน้องของโรแลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัลโด้เลือกที่จะไม่ดูแลหอคอยเวทย์ด้วยตัวเองอีกต่อไป เขานั้นถือว่าเป็นผู้ดูแลของหอคอย
ยิ่งไปกว่านั้นคลาอัสนั้นยังเป็นคนที่สื่อสารกับคนภายนอกได้ดี ทั้งเขายังถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถ เขาน่าจะเป็นลูกน้องที่โรแลนด์พึงพอใจ
ทว่าทุกคนต่างตื่นตกใจเมื่อโรแลนด์นั้นทําการสังหารคลาอัสด้วยตัวของเขาเอง
เพียงเพราะแค่คลาอัสนั้นฆ่าหญิงชั้นต่ําไปไม่กี่สิบคนเท่านั้น?
ทุกคนนั้นต่างรู้สึกเหมือนกันว่าโรแลนด์นั้นเป็นบ้า
กับคนที่มีโอกาสที่จะกลายเป็นนักเวทย์ มือขวาของเขาถูกแช่แข็งให้กลายเป็นรูปปั้นเพียงเพราะฆ่าพวกผู้หญิงราคาถูกไปไม่กี่สิบคนเท่านั้นงั้นเหรอ นี่มันไร้อารยธรรมเกินไป
ด้วยการกระทําเช่นนี้ทําให้ขุนนางทุกคนต่างรู้สึกหนาวสั่น
พวกเขานั้นเข้าใจได้ถึงความบ้าคลั่งของฮอร์กและลิงค์เพราะถึงอย่างไรคนที่เขาฆ่าทิ้งไปก็ไม่ใช่คนรู้จัก
ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคนอย่างโรแลนด์จัดการลูกน้องที่ภักดีของเขา
บ้าไปแล้ว!
จอห์นเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน เขาตบโต๊ะภายในห้องของเขาดังลั่นพร้อมพูดด้วยท่าทางที่โกรธจนถึงที่สุดว่า “ข้าสงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทําไมพวกขอทานพวกนั้นถึงคอยจ้องมองข้ามาจากทางข้างนอกเมื่อหลายเดือนก่อน นี่มันหมายความว่าเจ้านั่นสงสัยข้างั้นเหรอ ไอ้เจ้านั่นดูถูกข้าหรือไงกัน? ข้านั้นเป็นคนที่จะสนใจร่วมหลับนอนกับสาวชาวบ้านที่น่ารังเกียจแบบนั้นหรือไง?”
ตรงหน้าของเขานั้น คือน้องสาวของเขาที่หัวเราะออกมาราวกับเธอกลิ้งตกรถม้า
จอห์นนั้นเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจ เขานั้นไม่ได้ต้องการให้ผู้หญิงที่ควรค่าแก่การปรนนิบัติ เขานั้นต้องงดงาม ทว่าอย่างน้อยเธอต้องเป็นขุนนาง แค่สัมผัสตัวเจ้าพวกชั้นต่ํานั่นเขาก็ราวกับทําให้เกรียติของตระกูลเสื่อมเสียแล้ว
ในที่สุดหญิงสาวก็หยุดหัวเราะลงพร้อมยึดตัวขึ้นพร้อมกล่าวว่า “บุตรทองคํานั้นน่าสนใจเลยทีเดียว พวกเขานั้นไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเราเหมือนพวกเราเป็นขุนนาง ข้านั้นเคยเจอกับเบทต้าสองสามครั้ง ข้านั้นรู้สึกแปลกเล็กน้อย ข้านั้นสามารถบอกได้ว่าเขานั้นมีความภาคภูมิใจเป็นของตัวเองอยู่ ว่าเขานั้นกลับสามารถมีช่วงเวลาที่ดีกับสาวชาวบ้านได้ ทว่าเขานั้นกลับกล้าที่จะคุยกับข้า โดยไร้ความหวาดกลัวใดๆ ทั้งยังเคยล้อสไตล์การแต่งตัวของข้าเสียด้วยซ้ํา”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกันว่าการแต่งตัวของเจ้านั้นดูไม่ดีนัก” จอห์นพูดออกมา “ใครกันที่จะใส่ชุดเดรสสีดํายาวแล้วใส่เสื้อด้านในเป็นสีเขียวอ่อน? มันดูแปลกมาก”
“ตราบใดที่ข้าชอบ มันก็ถือว่าดี ท่านไม่ใช่คนที่ใส่มันเสียหน่อย”
“ทําตามใจเจ้าเถอะ” จอห์นหันไปเผชิญหน้ากับน้องสาวของเขาด้วยท่าทีที่โกรธเคือง “แล้ว เจ้าจะไปเมืองหลวงจริงๆงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ข้าวางแผนจะไปเยี่ยมตระกูลอริสโตเติลเสียหน่อย เพราะถึงอย่างไรข้ากับจอห์นน่าก็ไม่ได้เจอกันมากว่าครึ่งปีแล้ว”
จอห์นนั้นมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมพูดอย่างสบายๆว่า “มันก็ดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกอริสโตเติลไว้ ทักษะการฝึกปีศาจของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก หากเจ้าสามารถรับความรู้ด้านเวทมนตร์นี้บางส่วนมาจากพวกเขาได้ เจ้าจะสามารถทําเงินได้จากมันเป็นจํานวนมาก
“มันยาก”
“ใช่มันยากมาก” จอห์นถอนหายใจยาว “เบทต้าก็ดูเหมือนจะไปเมืองหลวงเช่นกัน”
“ท่านรู้ได้อย่างไร?” หญิงสาวถามกลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเธอเห็นพี่ชายเธอจ้องมาทางเธอแบบแปลกๆ เธอก็รีบปิดหน้าของเธอด้วยความเขินอายในทันที
เป็นอย่างนี้เองสินะ!
เชี่ยเอ้ย พวกบุตรทองคําพวกนั้นโคตรน่ารําคาญ นอกจากพวกมันจะแย่งความสนใจไป จากข้าและมองข้าเป็นพวกขอทานที่หิวโหยที่ไม่สามารถเลือกกินได้แล้ว ตอนนี้พวกมันยังแย่งน้องสาวที่น่ารักของข้าไปอีกอย่างงั้นเหรอ
เขานั้นถึงขั้นคิดไปว่าบุตรทองคําที่ชื่อว่าเบทต้าจะมาโผล่ตรงหน้าเขาในอีกครึ่งปีให้หลังพร้อมกับน้องสาวของเขาที่อยู่ภายใต้อ้อมแขนของหมอนั่น ด้วยท่าทีที่กวนใจเจ้านั่นจะพูดออกมาว่า “น้องสาวนายรสชาติเหมือนโดนัทเลย”
เชี่ยเอ้ย ข้าละอยากไปจัดการมันจริงๆ
เมื่อเห็นท่าทางที่แปลกประหลาดบนใบหน้าของพี่ชายเธอ หญิงสาวก็วิ่งออกไปทันทีพร้อมกับมือที่ยังคงกุมใบหน้าอยู่
หลังจากถอนหายใจ จอห์นก็เรียกพ่อบ้านออกมาพร้อมกล่าวว่า “เตรียมบัตรเชิญสี่ ใบให้ข้าและมอบมันให้บุตรทองคําทั้งสี่ภายในเมืองนี้ เจ้าต้องพูดกับพวกเขาอย่างสุภาพ บอกพวกเขาไปว่าข้านั้นต้องการให้พวกเขามาเป็นแขกในคฤหาสน์ของข้าในคืนนี้ นี่เป็นงานเลี้ยงแบบส่วนตัว นอกเหนือจากพวกเราทั้งห้าจะไม่มีใครอื่นอีก พวกเราจะพูดคุยกันถึงเรื่องความปลอดภัยใน เมืองเดลพอน”
พ่อบ้านนั่นก้มหัวน้อมรับและรีบออกไปในทันที
ในขณะนั้นเองทางโรแลนด์ที่กําลังค้นหาและเข้าไปในฟอรั่ม เขานั้นอัปโหลดวีดีโอเกี่ยวกับเด็กสาวที่หายตัวไปในตอนเมื่อวานนี้ ซึ่งนั่นทําให้มันวุ่นวายพอสมควร”
และในตอนนี้เขานั้นกําลังอ่านโพสต์ของผู้เล่นรายหนึ่งที่ชื่อว่าคาร์ละ
“มาเปลี่ยนโลกที่เน่าเหม็นและล้าหลังนี่กันเถอะ”
โดยใจความของมันคือการให้ผู้เล่นรวมตัวกันและอาณาเขตที่ไม่มีผู้ครอบครอง พร้อมรวบรวมทาสจากที่ต่างๆเพื่อสร้างเป็นประเทศเล็กๆขึ้นมา พวกเขานั้นสามารถใช้ระบบของสังคมสมัยใหม่ โดยทําการยกเลิกระบบทาสและระบบชนชั้นสูงลง แนวคิดเรื่องความเท่าเทียมควรถูกกระจายออกไป
กระทู้นี้เป็นกระทู้ยอดนิยม และถึงขั้นถูกปักหมุดไว้โดยผู้ดูแลระบบ
เหล่าผู้เล่นภายในกระทู้นี้ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน
โดยกลุ่มแรกนั้นต่างเห็นด้วยและชื่นชอบแนวคิดนี้เป็นอย่างมากพวกเขาต่างตื่นเต้นและ เริ่มพูดคุยกันถึงแผนการขั้นแรก
กลุ่มที่สองนั้นไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้และพวกเขามักจะยกเหตุผลแปลกๆมาเพื่อคัดค้าน
บางคนนั้นอยากจะสัมผัสกับระบบแบบนี้ บางส่วนนั้นต้องการที่จะศึกษาระบบแบบนี้ ในขณะที่บางคนนั้นไม่อยากจะให้มันหายไปเฉยๆ มันมีบางคนที่เริ่มสนุกกับการใช้ชีวิตแบบ “มีอํานาจ” ในระบบทาสนี้ อย่างไรก็ตามเหล่าผู้เล่นทั้งหลายนั้นต่างยืนอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆในโลกนี้ โดยเฉพาะนักเวทย์
เป็นธรรมดาที่บางคนนั้นต่างกระหายอํานาจ
ส่วนในกลุ่มที่สามนั้นเลือกที่จะเป็นผู้ชม พวกเขากล่าวว่าผู้เล่นนั้นแข็งแกร่งกว่ามากและควรที่จะช่วยเหลือเหล่า NPC
ทันทีที่มีข้อความนี้ขึ้นมาก็มีคนเข้ามาเยาะเย้ยในทันทีว่า : นายคิดว่านายเป็นโม่เจี่ย (1) หรือยังไงกัน?
เมื่อเขาอ่านการตอบกลับส่วนใหญ่แล้วคิ้วของเขาก็เริ่มขวมดขึ้น จากนั้นเขาก็พิมพ์ตัวอักษรห้าตัวด้วยตัวพิมพ์หนาว่า
“ยังไม่ถึงเวลา!”
หลังจากออกจากฟอรั่ม โรแลนด์ก็ตรงไปยังสโมสรดาบในทันที ระหว่างอาหารเช้า ฉีเฉาชูก็มองสํารวจมาทางเขาด้วยท่าทางแปลกๆ
ในตอนเช้าของทางใต้นั้นร้อนเป็นอย่างมาก ทว่าบรรยากาศของฉีเฉาชูนั้นเยือกเย็นเป็นอย่างมาก “นายเห็นเลือดงั้นเหรอเมื่อวานนี้?”
โรแลนด์มีนงงไปทันที “เห็นเลือด?”
“ฉันนั้นรู้สึกถึงจิตสังหารจากนาย” ฉีเฉาชูนั้นมีท่าทีที่จริงจังเป็นอย่างมาก “เมื่อรวมกับบรรยากาศราวกับผ่านสงครามมานายนั้นดูดุดันเป็นอย่างมาก ฉันจะไม่สอนวิธีใช้ดาบให้กับนาย ในตอนนี้เพราะฉันนั้นไม่อยากจะให้นายประเมินตัวเองสูงไปและจบลงด้วยความชั่วร้ายบอกมา เมื่อวานนายไปทําอะไรมากันแน่?”
จิตสังหาร..สินะ
โรแลนด์นั้นคิดถึงคลาอัส
“ฉันไม่รู้ว่าควรจะบอกยังไงดี แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันบอกนายได้ก็คือฉันไม่ได้ทําอะไรผิดกฎหมาย”
ฉีเฉาชุ่มองไปที่โรแลนด์ก่อนเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “นายไม่ได้ทําอะไรผิดกฎหมายแต่สามารถสร้างจิตสังหารได้งั้นเหรอ? ฉันไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่แปลกใจที่ยัยลูกไก่จินเหวินเหวินนั้นถึงพยายามหาวิธีที่จะหยุดนาย ฉันจะให้น้องสาวของฉันสอนนายเกี่ยวกับเต๋ของการหมุนเวียนพลังชีวิตก็แล้วกัน”
โม่เจี่ย = ปรัชญาดั้งเดิมของจีน โดยสอนเกี่ยวกับหลักมนุษยธรรมเกี่ยวกับการดูแลซึ่งกันและกัน (มีหลักปรัชญาหลายข้อมาก หากสนใจลองเสิร์จ อ่านดูครับ