หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 132
ตอนที่ 132 : เบทเทลผู้ล้มลงกับไอ้โจรชั่ว
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เบทเทลเร่งรีบไปยังปราสาทพร้อมทหารของเขา
ทว่าทันใดนั้นท้องฟ้าก็สว่างขึ้นและมืดลงอีกครั้ง
มันคือภาพลวงตา เมื่อพวกเขามองกลับไปมันก็มีแสงวาบเข้ามาซึ่งทำให้วิสัยทัศน์ของเขาสับสน
เบทเทลที่ขี่ม้าอยู่ตัวแข็งไปชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขานั้นได้ยินเสียงดังเหมือนฟ้าร้องขึ้นจากทางด้านหลัง
เขาแทบจะแตก
เบทเทลไม่ใช่คนขี่ม้าที่นัก แต่ม้าที่เขาขอยู่นั้นเต็มไปด้วยพละกำลังและความเข้มแข็ง เขาใช้เวลาไม่ถึงสองวิเพื่อทำให้ตัวเองใจเย็นลง จากนั้นเขาก็มองกลับไปดวงตาและปากของเขาก็กว้างขึ้น
“ดอกไม้ไฟ” ขนาดใหญ่บินเข้าโจมตีกำแพงมันปกคลุมไปทั่งท้องฟ้า ดอกไม้ไฟสีแดงและสีน้ำเงินที่หนาแน่นกระจายตัวออกเหมือนกับฝนในอากาศ ทำให้วิสัยทัศน์ของผู้คนต่างแย่ลงอีกครั้ง
เบทเทลมองดูดอกไม้ไฟพวกนี้ขณะอ้าปากกว้างดอกไม้ไฟนี้ตกลงมาจากท้องฟ้ามองพวกมันหายไปกลางอากาศและจากนั้นก็กลายเป็นหินก้อนสีดำเล็กๆตกลงมาราวกับฝนหิน
เสียงกรีดร้องของเด็กๆหลายคนภายในเมืองดังขึ้น แต่ผู้ใหญ่ก็ปิดปากพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองฝั่งของถนนมีเสียงบิดประตูและหน้าต่างอย่างเร่งรีบ
ในไม่ช้าเมืองก็เงียบลง
เบทเทลจ้องมองไปที่กำแพงที่พังทลายในระยะไกลอย่างโง่เขลาใบหน้าของเขาซีดเผือด
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มองไปที่เวดที่กำลังตกตะลึงไม่แพ้กัน “อาร์ค อาร์คเมจ?”
เนื่องจากเหล่านักเวทย์นั้นล้วนแล้วแต่มีสถานะที่สูงส่ง เหล่าปรมจารย์นักเวทย์นั้นต่างได้รับชื่อเรียกว่าอาร์คเมจ
เมื่อเวตได้ยินคำพูดของเบทเทลเขาก็กลับมามีสติอีกครั้งและกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “รีบหนีไปซะเบทเทลนี่ไม่ใช้สิ่งที่ตระกูลเวตจะเข้าแทรกแซงได้อีกต่อไปแล้ว”
ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ควบม้าถอยห่างออกจากกองทหารและยืนอยู่ในด้านข้างของถนน ดูเหมือนว่าเขาจะหันหลังและหนีไปเนื่องจากท่าทางผิดปกติของเบทเทล
เบทเทลนั้นยิ้มอย่างสิ้นหวังเขาไม่พูดอะไรออกมา เพียงแค่โบกมือและจากไปอย่างรวดเร็วพร้อมทหารของเขา เขานั้นไม่ได้ตรงไปที่ปราสาท แต่วิ่งไปยังทางประตูทางออก
ในฐานะขุนนางเบทเทลรู้ดีว่าครั้งนี้นั้นเข้ายั่วยุศัตรูผิดคน เขาไม่รู้เลยว่าเอลลี่ที่โง่เง่ามีดีแค่สกิลในการสนับสนุนและเสริมความแข็งแกร่งจะมีอำนาจที่น่ากลัวขนาดนี้อยู่เบื้องหลัง
ทำไมเธอถึงไม่บอกเขา? ถ้าเขารู้เขาคงยังใช้ประโยชน์จากเอลลี่อยู่ แต่เขาคงไม่ปฏิบัติต่อเธอราวกับเครื่องมือที่ใช้แล้วทิ้ง เขาจะดูแลเธอในฐานะภรรยาในอนาคตของนายกจริงๆ แม้ว่าเธอจะไม่มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง ความสามารถในการสนับสุนนและเสริมความแข็งแกร่งก็เพียงพอแล้วที่ทำให้กองทัพแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ความเสียใจนี้เป็นเหมือนงูพิษที่กัดกินหัวใจเขา
ถ้าเขาได้รับโอกาสเขาจะดูแลเอลลี่เหมือนกับเธออยู่ในสรวงสวรรค์
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ประตูพังไปแล้วปราสาทเองก็ถูกไฟไหม้และตอนนี้เขาทำได้เพียงหนีไปบ้านย่าของเขาและหวังว่าปูและย่าจะให้ที่พักพิงแก่เขา
เพราะถึงอย่างไรบู่ของเขานั้นก็มีศักดิ์เป็นเอิร์ลซึ่งมีกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่ามาก กระทั่งบุตรทองคำยังต้องช่างน้ำหนักในตัวเลือกของพวกเขา
ด้วยความคิดเช่นนั้นเบทเทลถึงออกไปทางประตูตะวันออกโดยไม่ลังเล
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาออกจากเมืองและเดินออกไปตามถนนพร้อมกับทหารของเขา เขาก็พบกับคนทั้งห้าที่ตามมาจากทางด้านหลัง เมื่อดูจากท่าทางการเคลื่อนไหว, รูปร่าง และการเดิน ก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาน่าจะเป็นโจรหรือหน่วยสอดแนมที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
พวกนี้มาเพื่อกำจัดเขาและกองทัพของเขาใช่ไหม?
เบทเทลกัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชังและโบกมือให้กองทัพรีบเดินทางไปให้เร็วขึ้น
มีเพียงเขาเท่านั้นที่นั่งอยู่บนหลังม้าในขณะที่ทหารวิ่งสองขา ในตอนแรกทหารทหารก็ตามติดไม่ห่างกันนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆจำนวนทหารที่ตามหลังก็เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามทั้งห้าคนนั้นไม่ได้สนใจทหารที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาเบี่ยงทางเล็กน้อยและพยายามจะไม่ปะทะกับทหารที่สิ้นหวังที่อาจเข้าใจผิดและคิดว่าพวกเขากำลังจะถูกฆ่าเพราะพวกเขาถูกทิ้งอยู่เบื้องหลัง
เขาเป็นเพียงเป้าหมายคนเดียว?
เบทเทลกัดฟันไม่กล้าวิ่งเร็วเกินไป
เนื่องจากทหารหลายคนพบว่าผู้ที่ไล่ตามซึ่งอยู่เบื้องหลังพวกเขาดูเหมือนจะไม่สนใจพวกเขา ดูเหมือนจะมีจุดประสงค์อื่น พวกเขาหลายคนจงใจอยู่ข้างหลังและถูกทิ้งเอาไว้ ถ้าเขาวิ่งเร็วขึ้นไปอีกและทหารที่เหลือไม่สามารถตามความเร็วของเขาได้อีกต่อไป ทหารทุกนายก็หนีไป เขาซึ่งอยู่คนเดียวจะต้องถูกจับโดยโจรทั้งห้าแน่นอน
ทหารนั้นเป็นหลักประกันความปลอดภัยของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องชะลอความเร็วของตัวลง
แต่ถึงอย่างนั้นจำนวนทหารที่ตามเขามาก็ลดน้อยลง
เมื่อตอนเย็นมาถึงเหลือทหารที่ยังคงไล่ตามเขาทันเพียงแค่สี่สิบรายและทุกนายนั้นต่างเหนื่อยหอบกันออกมา พวกเขาราวกับจะหมดสติได้ทุกเมื่อหากต้องวิ่งต่อ
เบทเทลรู้ดีว่าเขาไม่สามารถวิ่งไปต่อได้อีกแล้ว
มันสำคัญมากที่จะต้องหยุดพักและให้ทหารของเขาได้พักดื่มน้ำและกินอาหาร
ทว่าพวกเขานั้นออกมาอย่างเร่งรีบและไม่มีใครสักคนในพวกเขานำเสบียงติดตัวมาด้วย มีเพียงแค่น้ำและเครื่องดื่มอยู่กันคนละดิบเท่านั้น หลังจากต้องวิ่งมาทั้งวันพวกเขาก็กินมันจนหมดแล้ว
เบ็ตเทลลงจากหลังของม้า เขามองไปที่ม้าคู่ใจของเขาและเห็นว่ามันเริ่มอาการไม่ดี มีฟองเล็กน้อยที่ด้านข้างของปากและถ้าเขาไม่ให้น้ำมัน ม้าจะตายอย่างกะทันหัน
อย่างไรก็ตามเขาจะหาน้ำได้จากที่ไหน? สภาพแวดล้อมโดยรอบประกอบด้วยทุ่งหญ้าและป่าเล็กๆ
ในขณะเดียวกันทั้งห้าคนที่ติดตามพวกเขาก็เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสี่สิบเมตรเพียงเท่านั้น
ทหารบางคนหยิบมีดขึ้นมาอย่างยากลำบากเพื่อป้องกันตัว ทั้งห้าคนหยุดเข้าใกล้และเฝ้าดูพวกเขาจากในระยะไกล
หนึ่งในนั้นนำแตงโมขนาดใหญ่ออกมาจากที่ไหนสักแห่งจากนั้นแบ่งมันออกเป็นหลายๆ ส่วนด้วยดาบสั้นของพวกเขา แต่ละคนก็หยิบไปคนละชิ้นพร้อมเคี้ยวออกมาคำโต แม้จะอยู่ห่างออกไปสามสิบถึงสี่สิบเมตร แต่เสียงเคี้ยวของพวกเขาก็ยังดังก้องอย่างชัดเจน
สามารถบอกได้เลยว่าแตงโมนั้นหวานและเป็นอย่างมาก
ห้าคนนี้จ้องมองพวกเขาอย่างล้อเลียนขณะที่พวกเขากินแตงโมอยู่
ทหารหลายคนเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
เบทเทลเองก็ยังรู้สึกกระหายน้ำมากกว่าเดิมเสียอีก
เขาลุกขึ้นยืนและตะโกนบอกคนทั้งห้าว่า “สองเหรียญทองสำหรับแตงโมลูกนั้นข้ารู้ว่าบุตรทองคำเช่นพวกเจ้านั้นมีมิติเก็บของ พวกเจ้าควรจจะยังมีมันเหลืออยู่”
ผู้เล่นทั้งห้ายิ้มออกมาอย่างประหลาดแต่ไม่ได้ตอบกลับมา
เงินที่เสนอไปไม่เพียงพองั้นเหรอ? หรือพวกเขามีแตงโมเพียงแค่ลูกเดียว?
เบทเทลสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดต่อว่า “เอางี้เป็นไงพวกเรามาตกลงร่วมกันเถอะ ถ้าพวกเจ้าไม่ไล่ตามข้าต่อ ข้าจะมอบเหรียญทองให้พวกเจ้าคนละห้าเหรียญ ถ้าเจ้ายอมที่จะคุ้มกันพวกข้าระหว่างเดินทาง ข้าจะมอบเหรียญทองให้พวกเจ้าอีกวันละเหรียญจนข้านั้นปลอดภัย”
ผู้เล่นทั้งห้าหัวเราะออกมาแปลกๆทั้งยังมีท่าทีเยาะเย้ยและชี้มาที่เขาอย่างหยาบคาย
“ถ้าพวกเจ้าคิดว่ามันน้อยเกินไป พวกเรายังสามารถเจรจากันได้”
เบทเทลเชื่อว่าไม่มีใครในโลกนี้ไม่รักเงินรวมถึงพระเจ้าก็เช่นกัน มิเช่นนั้นเทพธิดาแห่งความมั่งคั่งวอคืนจะดำรงอยู่ได้อย่างไร?
ทันใดนั้นพวกผู้เล่นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พร้อมพ่นแตงโมออกจากปากอย่างหยาบช้า
เขาเช็ดปากและหัวเราะ “เบทเทลปราสาทของแกถูกจุดไฟเผาโดยพวกเรา พวกเราภายในปราสาทของแกเป็นเวลานานก่อนจะจุดไฟ! ทั้งหมดหกสิบสามเหรียญทองและคริสตัลอีกสามสิบเม็ด ไหนจะอัญมณีที่มีค่ามากขึ้นไปอีกละ? ขนาดแตงโมลูกนี้พวกเรายังขโมยมาจากบ้านแกเลย”
ผู้เล่นสายโจรพวกนี้ต่างมีสกิลค้นหาประตูลับ, ค้นหา และฉกทรัพย์ เพราะเวลาที่จำกัดพวกเขาเลยพลาดไปอีกหลายอย่าง แต่พวกเขานั้นไม่ได้ปล่อยของที่มีค่าจริงๆเอาไว้เลย
เบทเทลรู้สึกได้ทันทีว่าหัวของเขานั้นโดนทุบตีด้วยไม้ยาว เขาส่งเสียงพึ่งพำออกมาด้วยความเจ็บปวด เขานั้นเกือบจะไม่สามารถยืนตรงได้ด้วยซ้ำ ดวงตาของเขากระพริบเป็นสีขาวดำ