หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 133
ตอนที่ 133 : ข้าไม่ใช่คนสุดท้าย
ทิวทัศน์เบื้องหน้าของเบทเทลบิดเบี้ยว ไม่มีเสียงจากโลกภายนอกส่งออกมาให้ได้ยิน หูของเขาเต็มไปด้วยเสียงหึง และร่างของเขาเอนเอียงไปมาสองครั้งกำลังจะล้มลง แต่เขาก็ได้ทหารของ เขาช่วยพยุงไว้
รอยยิ้มของทั้งห้าตรงหน้าเขาเหมือนปีศาจ
“เจ้าโจรที่น่ารังเกียจและไร้ยางอาย” เมื่อนึกถึงทรัพย์สินที่สะสมมาหลายชั่วอายุคนของตระกูลของเขาที่ถูกทำลายโดยคนทั้งห้านี้ เบทเทลรู้สึกว่าตัวเองอาเจียนเป็นเลือดอยู่ภายใน
ที่แย่ไปกว่านั้นคืออีกฝ่ายยังคงกินแตงโมของเขาและล้อเลียนเขา
เขารู้สึกได้ถึงเลือดที่พุ่งขึ้นมาอยู่บนหัวของเขาและกำลังจะระเบิดออก
องครักษ์ส่วนตัวของเขาตบไปที่หลังของเขาแรงๆและรีบพูดว่า “ท่านครับอย่าไปสนใจพวกมันอย่าไปสนใจพวกมัน สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเข้าไปลึกๆ”
ด้วยความช่วยเหลือจากองครักษ์ส่วนตัวของเขา เบทเทลก็สามารถระงับอารมณ์ที่โกรธแค้นและขุ่นเคืองจนอยากจัดการอีกฝ่ายลงจนได้ เขาจ้องมองไปที่โจรทั้งห้าอย่างดุร้ายและตะโกนด้วยความโกรธว่า “ในเมื่อพวกแกทั้งเผาปราสาทของข้าและขโมยเงินของข้าไปแล้ว ทำไมพวกเจ้าไม่เข้ามาฆ่าข้าทิ้งเสียเลยละ? เข้ามาฆ่าข้าเสียสิ พวกแกทั้งห้าต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ มันง่ายอยู่แล้วนี่ที่จะฆ่าพวกเราที่เป็นคนธรรมดาใช่ไหมละ? มาเลย เข้ามาเลย!”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนอารมณ์ของเขาก็ปะทุขึ้นอีกครั้งใบหน้าของเขาแดงเหมือนกันลิง เส้นเลือดที่คอของเขาปูดออกมา ราวกับกระต่ายที่ถูกกดดันให้เจอทางตัน เขาตอบโต้อีกฝ่ายไปด้วยคำพูดราวกับต้องการจะตาย
พวกโจรทั้งห้าที่กินแตงโมกันอยู่หัวเราะและกล่าวออกมาว่า “นายต้องตายอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ด้วยเงื้อมมือของพวกเรา คนที่ฆ่านายกำลังจะมาถึงที่นี่แล้ว”
รูม่านตาของเบ็ตเทลแคบลง ”มันคือใครกัน?”
เขาพอเดาออกได้ว่าเป็นใคร ทว่าเขาก็ยังคงถามออกมา
“ตายยากซะจริงมาแล้วนั่นไง” หนึ่งในผู้เล่นชี้ไปทางด้านหลังที่อยู่ห่างออกไป
ตอนนั้นเองเบทเทลก็สังเกตุเห็นกลุ่มคนสวมหน้ากากและสวมชุดดำวิ่งมาจากทางถนนพวก เขานั้นรวดเร็วเป็นอย่างมากและหยุดยืนต่อหน้าเขาในเวลาอันสั้น
ในตอนนี้เบทเทลไม่มีความแข็งแกร่งเหลือพอที่จะวิ่งหนีอีกต่อไปแล้ว
ม้าของเขาเกือบจะตายแล้ว และเหล่าทหารของเขาต่างก็นั่งกันอยู่บนพื้นและหมดแรงที่จะลุกขึ้น
เมื่อคนเราเหนื่อยล้า ถ้าหากไม่ได้พัก เขาอาจจะเดินต่อไปได้อีกพักหนึ่ง ทว่าหากเขาได้นั่งลงแล้วเขาจะเหลือแรงเพียงเล็กน้อยที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปโดยรอบ เว้นแต่จะพักจนเพียงพอ
เขานั้นไม่สามารถลุกเดินได้ด้วยซ้ำแม้ว่าเขาจะอยากขนาดไหนก็ตาม นอกจากนี้เขาก็เตรียมใจไว้แล้ว
พวกทัพของชายชุดดำเข้ามาใกล้ พวกผู้เล่นโจรต่างก็กลับไปด้านหลังพร้อมหยิบชุดคลุมดำออกมาใส่และหาที่ยืนในกลุ่ม
จากนั้นเอลลี่ที่แต่งตัวอยู่ในชุดราตรีสีแดงก็เดินออกมาอย่างช้าๆจากกลุ่มของพวกชายชุดดำราวกับว่าคลื่นสีดำกระเพื่อมอยู่เมื่อมีดอกไม้สีแดงที่งดงามปรากฏออกมาบรรยากาศในตอนนี้ไม่สามารถอธิบายได้
“เจ้านั่นเอง” เบทเทลเห็นเอลลี่พร้อมยิ้มอย่างขมขื่น
เอลลี่หยุดยืนห่างจากเบลเทลไปสามเมตร มองไปยังเหล่าทหารที่ยืนอยู่หน้าเขาและพยายามที่จะปกป้องเขาและกล่าวว่า “ฉันและพรรคพวกของฉันสนใจเพียงแค่เบทเทลเท่านั้นดังนั้นได้โปรดถอยออกไปด้วย”
เหล่าทหารพวกนี้ต่างถูกฝึกแบบพิเศษให้เป็นองครักษ์ส่วนตัวโดยตระกูลของเบทเทลและมีความภักดีเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ติดตามเบทเทลจนมาถึงที่นี่
“ฉันคิดว่าพวกนายแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น ฉันเลยจะยอมปล่อยพวกนายไป แต่พวกนายไม่ยินดีรับมันไว้สินะ” เอลลี่มองไปที่เหล่าทหาร จิตสังหารของเธอก่อตัวขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “แต่หลายปีมานี้เบทเทลทำเรื่องเลวร้ายมากมาย พวกนายเองก็ต้องยอมทำตามคำสั่งและ ทำสิ่งชั่วร้ายมากมายเช่นกันดังนั้นหลังจากคิดมาพักหนึ่ง มันก็น่าจะดีหากให้พวกนายไปนรกกับเบทเทลด้วย”
เหตุการณ์นี้ยังคงถูกไลฟ์สตรีมอยู่ ผู้เล่นภายในไลฟ์สตรีมต่างพากันแสดงอาการประหลาดใจออกมา “หืม… ท่าทางของเอลลี่เปลี่ยนไปนิดหน่อยนะ เธอฉลาดขึ้น”
เบทเทลมองไปยังทหารโดยรอบพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและยืนขึ้น “เอ้อเอลลี่ มีหนึ่งสิ่งที่ข้ายังไม่เข้าใจ ในเมื่อเจ้ามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้ากัน ถ้าหากเจ้าบอกข้าก่อน ข้าคงไม่ทำเรื่องพวกนั้นกับเจ้า”
“ไม่หรอกสุดท้ายพวกเราทั้งคู่ก็จะมาอยู่ที่จุดนี้อยู่ดีไม่ช้าก็เร็ว” เอลลี่ส่ายหัว “ฉันแค่หลงไปกับคำพูดสวยหรูของนายเท่านั้น มันจะทำให้ฉันใช้เวลามากขึ้นในการค้นพบสันดานที่แท้จริงของนาย พวกเราต้องแตกแยกกันอยู่ดี เพราะถึงยังไงทัศนคติของพวกเราก็ต่างกันมาก”
เบทเทลหัวเราะออกมาอย่างน่าสังเวช “เจ้าจะสังหารข้าด้วยตัวเจ้าเองงั้นเหรอ?”
เอลลี่พยักหน้า
“ช่างเป็นผู้หญิงที่โหดร้ายจังนะ” เบทเทลเดินออกมาจากทหารที่กำลังปกป้องเขาและกล่าวว่า “ข้าจะไปกับเจ้ายังพุ่มไม้ ได้โปรดให้เกรียติข้าเป็นครั้งสุดท้ายด้วย อย่าให้เหล่าลูกน้องที่ศรัทธาในตัวข้าต้องเห็นจุดจบที่น่าสังเวชของตัวข้า ปล่อยพวกเขาไป”
กลุ่มทหารนั้นต่างไม่ยอมรับคำพูดพวกนั้น พวกเขาต่างเหลือพละกำลังเพียงเล็กน้อย ทว่าพวกเขาก็จับดาบขึ้นมาเพื่อร่วมเป็นตายไปพร้อมกับเบทเทล
โรแลนด์ดีดนิ้วและรายการสะกดจิตแบบกลุ่มออกมาทันที
แสงสีเหลืองอ่อนกระจายไปยังเหล่าทหาร พวกเขาล้มลงที่ละคน
อัตราสำเร็จของการสะกดจิตโดยเฉพาะการสะกดจิตหมู่นั้นไม่สูงนัก
เหตุผลที่โรแลนด์สามารถทำให้ศัตรูทั้งหมดหลับไหลลงได้เพียงครั้งเดียวนั่นเป็นเพราะทหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เหนื่อยล้าและไม่มีพลังใจเหลือแล้ว
เบทเทลมองไปยังกลุ่มทหารที่หลับไหลและหัวเราะออกมาอย่างขมขึ้น จากนั้นเขาก็มองไปยังกลุ่มของผู้เล่นรอยยิ้มขมขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด “พวกเจ้ากล้าจริงๆ พวกเจ้าได้ทำสิ่งที่เลวร้ายลงไปแล้วสำหรับผู้ปกครองคนอื่นๆพวกเจ้านั้นไม่ต่างไปจากปีศาจร้าย ข้าน่าจะเป็นผู้ปกครองคนแรกที่ตายด้วยน้ำมือของพวกเจ้าแต่ข้าจะไม่ใช่คนสุดท้ายสินะ วันหนึ่งพวกเจ้าจะต้องขัดแย้งกับขุนนางทั่วทั้งโลกข้าจะรอดูอยู่ในนรกว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะหรือพวกเจ้าจะถูกขับไล่ให้กลับไปยังโลกของตัวเอง”
เมื่อพูดจบ เขาก็จัดเสื้อผ้าของเขาและเดินไปยังพุ่มไม้ เอลลี่เดินตามเขาเข้าไป
เหล่าผู้เล่นต่างรออยู่ที่เดิม
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เอลลี่ที่มีเลือดอยู่เต็มใบหน้าและมีรอยเปื้อนสีดำแดงอยู่บนชุดราตรีของเธอก็เดินออกมา
ทว่าสิ่งเหล่านี้นั้นถูกเซนเซอร์ไว้ให้กลายเป็นพิกเซล
การแสดงออกของผู้เล่นค่อนข้างกระอักกระอ่วน
สาวสวยที่มีร่องรอยการเซนเซอร์สีขาวสองสามจุดบนใบหน้าของเธอนั้น ทำให้บรรยากาศที่หดหูหายไปในทันทีและขนาดยังเพิ่มความร่าเริงได้ด้วยซ้ำ
เอลลี่เดินเข้าไปหาผู้เล่นที่กำลังสตรีมอยู่และพูดว่า “เบทเทลถูกฆ่าแล้ว ฉันจะทำตามสัญญาและเลิกเล่นเกมนี้ ฉันจะขายแคปซูลเสมือนจริงนี้ สำหรับผู้ชมที่สนใจสามารถตามข่าวการประมูลที่จะจัดขึ้นได้โดยเว็บประมูลได้ มันน่าจะถูกขายในเร็วๆนี้”
ในตอนนั้นเองเหล่าผู้เช่นที่อยู่ในชุดดำก็แนะนำออกมาว่า “น้องสาวแค่ลบบัญชีแล้วเริ่มเล่นใหม่ก็ได้ เธอยังสามารถเปลี่ยนหน้าตาได้อยู่ จะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใคร นี่เป็นโอกาสหายากนะหากขายแคปซูลเสมือนจริงไปแล้วมันยากมากเลยนะที่ซื้อได้ใหม่”
เอลลี่ส่ายหัวออกมา “ฉันตัดสินใจแล้ว เกมนี้ไม่เหมาะกับผู้หญิงใสซื่ออย่างฉันหรอก”
แม้ว่าเอลลี่กำลังจะจากไปและโศกเศร้า ทว่ากลับไม่มีผู้เล่นคนไหนที่มีความรู้สึกเดียวกันกับเธอ พวกเขาขมวดคิ้วอย่างอึดอัด พวกเขาอยากจะหัวเราะออกมาแต่มันน่าอายมากในสถานการณ์เช่นนี้ ให้ตายสิเจ้าเซนเซอร์บนใบหน้าเธอนี่ทำลายบรรยากาศจริงๆ
ทันใดนั้นก็มีคนพูดแทรกขึ้นมาว่า “ถ้างั้นภารกิจของพวกเราก็เสร็จแล้วใช่ไหม แล้วพวกเราจะเอาไงหรือจะแยกย้ายกันเลย?”
“เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งรีบ” โจรกระโดดออกมาและหยิบของที่เขาขโมยออกมาจากกระเป๋ามิติและโยนมันลงบนพื้น “นี่คือสินสงครามฉันได้มันมาจากภายในปราสาท มาหารกันเถอะพวกทุกคนมีส่วนแบ่ง”
ผู้เล่นโจรที่เหลืออีกห้าคนต่างก็ออกมาเช่นกัน “นี่ด้วย”
จากนั้นกองเหรียญทอง, เหรียญเงิน และอัญมณีก็กองอยู่หน้าพวกเขาทุกคน
มันมีกว่าหกสิบเหรียญทอง เมื่อรวมมูลค่าของอัญมณีเข้าไปผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับส่วนแบ่งกันอย่างน้อยก็คนละสามเหรียญทอง
พวกคนที่อยู่ในไลฟ์สตรีมต่างก็ “กินมะนาว” กันออกมาทันที
“เขี่ย ทำไมฉันถึงไม่ไปด้วยนะ? นั่นเงินโคตรเยอะ”
“แม้งโคตรเศร้าเลย ฉันน่าจะได้รับส่วนแบ่งด้วย ถ้าหากว่าโสเภณีไม่ได้ดูดพลังงานของฉันจนหมดระหว่างอยู่กลางทางละก็…”
“ชัดเจนแล้วว่าการเป็นฆาตกรและนักวางเพลิงเป็นหนทางสู่ความรวย”