หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 22
ด้วยความที่เป็นคนรวย ทำให้ลี่หลินเติมเกมเป็นจำนวนมากในทุกๆเกม
เขานั้นจะแข็งแกร่งที่สุดในเกมที่เกี่ยวกับการจัดการ ทว่าเขานั้นมักจะเล่นเกมต่อสู้และแข่งขันกันเองไม่ค่อยดีนัก เขาใจร้อนเกินไป ทันทีที่เขาเห็นศัตรูเข้าจะพุ่งเข้าหาโดยไม่สนว่ามันจะเป็นกับดักรึเปล่า
สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเล่นเกมใหม่ๆคือเติมเงิน
แน่นอนเขาก็ไม่พลาดในคราวนี้เช่นกัน
เมื่อเห็นชัคปฏิเสธเงินของเขา ลี่หลินก็โกรธขึ้นมาทันที “ทำไมนายถึงพูดอะไรแบบนั้นกับเพื่อนที่โตมาด้วยกันห๊ะ! ฉันเกลียดคนอย่างแกมาก แกมันเอื้อเฟื้อมากเกินไป นายไม่รู้จักที่จะยำเกรงต่อเงินของฉันเลย”
ลีหลินทุบโต๊ะด้วยใบหน้าที่แดงฉ่า “จำเป็นต้องทำแบบนี้รึไง? ห๊ะ! มันจำเป็นจริงๆใช่ไหม?”
“เออๆ อย่าโกรธไปนักเลยน่ะ” ชัคตบไปที่ไหล่ของลี่หลินและพูดว่า “เอาเป็นว่า 1 เหรียญทอง ต่อ 13 แกรนด์นะ ฉันจะขายนายทั้งหมด 10 เหรียญ โอเคมั้ย?”
ลี่หลินใจเย็นลงและพูดว่า “ก็แค่นั้นแหละ”
ตามจริงแล้ว ชัคและโรแลนด์ก็พอรู้ว่าลี่หลินจะรู้สึกตัวเองค่อนข้างต่ำต้อย โดยเฉพาะยิ่งหมอนั่นเผชิญหน้ากับชัค
เขาเป็นคนรวย ทว่าเมื่อตอนที่เขาเข้าร่วมกองทัพในตอนมัธยม
แฟนของเขาก็เกิดนอกใจในตอนที่เขาอยู่ในกองทัพ เขาขออนุญาตลากลับมาในช่วงปีใหม่ โดยหวังว่าจะมาเซอร์ไพรส์แฟน ทว่าเขากลับได้พบกับเธอพร้อมชู้รักแทน
หลังจากเขาออกมาจากกองทัพ เขาก็มีแฟนมาหลากหลายคน ทว่าไม่มีใครทนเขาได้เกินสี่เดือนเลยสักคน
เขาชอบที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับชัค ทว่าในท้ายที่สุดลี่หลินก็พบว่าสิ่งเดียวที่เขาเหนือกว่าชัคนั่นก็คือเงิน
ดังนั้นเขาจึงมีนิสัยค่อนข้างรุนแรง และน้อยคนนักที่จะเข้าใจเขา
แน่นอนว่าไม่มีเพื่อนคนไหนดูถูกเขาเลย พวกเขาโตมาด้วยกันและยิ่งไปกว่านั้นบ้านของพวกเขายังอยู่ใกล้กันจนถึงทุกวันนี้
ด้วยการที่อยู่ด้วยกันตลอดตั้งแต่เด็ก พวกเขาสนิทกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆเสียอีก
การกระทำของพวกเขาทำให้เบทต้าได้เปิดกว้างขึ้น
เขาไม่เคยรู้เกี่ยวกับชีวิตของพี่ชายและเพื่อนๆของเขาเลยจนกระทั่งวันนี้
สองชั่วโมงต่อมา โรแลนด์ก็กลับมายังบ้าน
เขาเข้าไปเช็คบทความ และพบว่าผู้คนกำลังชื่นชมและยินดีกันอยู่ในโพสต์ของเขา
จอมเวทและพ่อมดต่างทะเลาะกันอย่างรุนแรง
พ่อมดต่างเรียกร้องว่า ด้วยพรสวรรค์ของอาชีพ พลังทำลายล้างของเวทมนตร์ควรที่จะรุนแรงกว่านักเวทย์ และนักเวทย์นั้นควรจะขึ้นชื่อเรื่องจำนวนเวทย์ที่หลากหลายและความยืดหยุ่นในการต่อสู้
ทว่ากลับกลายเป็นว่า นักเวทย์สามารถปรับเปลี่ยนความรุนแรงของเวทย์ได้อย่างอิสระ โดยเวทย์ที่พวกเขานั้นรวบรวมพลังเวทย์ทั้งหมดและร่ายออกมาจะมีความน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
แค่ส่วนหนึ่งของเวทย์บอลเพลิงนรกในวิดีโอของโรแลนด์ ก็เป็นตัวอย่างแล้วว่า พลังทำลายนั้นรุนแรงพอๆกับเวทย์หมู่ระดับสูง
พ่อมดในเลเวลเดียวกันแค่ทำลายต้นไม้ด้วยบอลเพลิงยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นเหล่าพ่อมดจึงเชื่อกันว่านี่น่าจะเป็นข้อผิดพลาดของระบบที่ต้องแก้ไข
ทว่าเหล่านักเวทย์ก็เถียงกลับมาว่ามันไม่ใช่ข้อผิดพลาดของระบบ พวกเขาต้องแลกความสามารถในการร่ายเวทย์โดยอัตโนมัติเพื่อที่จะสามารถดัดแปลงเวทย์และจัดการกับเวทมนตร์ได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ ยังมีอาชีพระยะประชดทั้งหลายคอยสุมไฟอย่างสนุกสนาน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นในช่วงครึ่งวันเท่านั้น ทั้งเว็บบอร์ดต่างก็มาโต้เถียงถึงเรื่องนี้
โรแลนด์ผู้ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นของหายนะ ได้รับทิปกว่าสองหมื่นเหรียญและยังโดนรีพอร์ตกว่าร้อยครั้งโดยอ้างว่าเขาจงใจเผยแพร่บัคของเกม
โรแลนด์ไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรดี เมื่อมองไปยังทิปและรีพอร์ตที่ได้
ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้เขาคงไม่โพสต์วิดีโอออกมา เขาเพียงแค่ต้องการให้กำลังใจเหล่านักเวทย์แค่นั้นไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาอะไรเลย
เมื่อถึงตอนเย็น ทางเว็บไซค์อย่างเป็นทางการก็ประกาศออกมาว่า
ความหมายโดยนัยที่บอกผ่านบรรทัดต่างๆก็ยังคงชัดเจนเหมือนเช่นเคย
“การตั้งค่าทั้งหมดภายในเกมล้วนสมเหตุสมผลแล้ว หากคุณคิดว่านักเวทย์ขี้โกงเกินไป พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นพวกคุณย้ายมาเล่นนักเวทย์”
พ่อมดทั้งหมดต่างสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นประกาศออกมา และนักเวทย์ต่างยินดีกับชัยชนะ
โรแลนด์ก็โล่งใจออกมาด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าจะโหดไปสักหน่อย แต่เขาก็ชอบเงื่อนไขของนักเวทย์ในตอนนี้ซึ่งท้าทายและสนุกเป็นอย่างมาก
เวทย์จำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยสติปัญญามากกว่าแค่กดใช้อย่างน่าเบื่อ
เมื่อตกดึกโรแลนด์ก็เข้าไปภายในเกมอีกครั้ง
เขาตั้งใจว่าจะเริ่มเรียนความสามารถทางภาษาก่อน
เขาได้คัดลอกโครงสร้างคณิตศาสตร์มาจากบทความมาแล้ว
ทว่า เพียงแค่มองอย่างผ่านๆ โรแลนด์ก็ทิ้งมันไปในทันที
มันดูยุ่งเหยิงเกินไป จุดเวทย์ของโครงสร้างนี้ดูแน่นราวกับจะทะลักออกมา
ณ ตอนนี้ โรแลนด์ยิ่งรู้สึกสงสัยว่าตัวเองน่าจะเป็น นักเวทย์คณิต
ทว่าไม่กี่วิต่อมา เขาก็เริ่มตั้งใจศึกษาโครงสร้างของความสามารถทางภาษาอีกครั้ง
วันถัดๆไปต่างก็ซ้ำซากและเหมือนเช่นเคย
เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำเหมืองและศึกษาโครงสร้างเวทย์ และเมื่อเบื่อเขาก็จะไปล่าแมงมุมยักษ์ในป่าเมเปิลเล่น
หลังจากการต่อสู้หลายครั้ง ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมพลังเวทย์ที่ปล่อยออกไปได้ และเขาก็ค้นพบอีกว่าแขนเวทย์สามารถใช้สำหรับยืดแขนเขาได้
ตราบเท่าที่เขาตั้งใจ เขาสามารถจัดการเจ้าแมงมุมลงได้อย่างแม่นยำโดยส่งบอลเพลิงยัดเข้าไปในปากมัน ซึ่งนั่นทำให้ตัวมันระเบิดออกมาอย่างชัดเจน
นี่เป็นวิธีที่สง่างามเป็นอย่างมากในการต่อสู้ของนักเวทย์
โรแลนด์ได้ความวิธีนี้มาโดยความไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้ยังมีสกิลแปลกๆอย่างอื่นอีกที่เขาพบ
อาทิเช่น เมื่อจุดเวทย์ของแขนเวทย์ถูกอดกลั้นเอาไว้ เวทย์ที่ออกมาจะกลายเป็นหอกยาวสองเล่ม โรแลนด์ไม่รู้ว่ามันแสดงผลได้ดีในการต่อสู้ระยะประชิดหรือไม่ ทว่ามันสามารถหั่นเจ้าแมงมุมยักษ์เป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดาย
วงแหวนน้ำแข็งควรเปลี่ยนเป็นดาบน้ำแข็ง….,มันไม่ได้รุนแรงนักทว่ามันก็สามารถใช้ในการขัดจังหวะได้ และการควบคุมผลของวงแหวนน้ำแข็งของเขาก็ดีขึ้น
นอกจากนี้ สะกดจิตสามารถใช้จับปลาได้ หลังจากเขาร่ายเวทย์สะกดจิตไป ปลาตัวใหญ่ก็จะจมลงยังใต้ทะเลสาบเพื่อรอเวลาถูกจับ
ในขณะที่เขากำลังทดลองใช้เวทย์อย่างสนุกสนานอยู่นั่นเอง เวลาก็ผ่านไปกว่าสิบวันแล้ว
ตลาดที่เมืองเรดเมาน์เทนที่จะจัดขึ้นเพียงปีละ 2 ครั้ง นั้นได้จัดขึ้นในวันนี้
เบทต้านั้นมาจากเมืองล็อคพร้อมกับชาวบ้านอีกหลายคนเพื่อมาพบกับโรแลนด์
เบทต้านั้นมีผมสีทองและสวมเสื้อผ้าที่ดูสวยงามภายในเกม เขามีบรรยากศของชนชั้นสูง ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
“นี่เป็นผลจากพรสวรรค์ของผมน่ะครับ โดยผลคือจะมีบรรยากาศขุนนางโดยธรรมชาติ” เบทต้าอธิบายออกมาเมื่อเห็นโรแลนด์ดูสับสน นอกจากนี้เขายังพูดต่อว่า “พี่โรแลนด์ครับ พอดีผมได้เควสมาแล้วอยากจะมาแบ่งกับพี่”
โรแลนด์รู้สึกมึนงงทันที “เควส?”
เขาใช้เวลาอยู่ในเมืองเรดเมาน์เทนมาอย่างยาวนาน ทว่าเขากับไม่เคยกระตุ้นเควสใดๆได้มาก่อนเลย