หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 34
เขาเปิดกระทู้ขึ้นมา และพบว่ามีการตอบกลับมากกว่าสองหมื่นครั้งทั้งๆที่เขาพึ่งโพสต์ไปตอนเช้า โรแลนด์อดขำไม่ได้เมื่อเริ่มอ่านการตอบกลับเหล่านั้น
“โรแลนด์แกเป็นไองั่งไร้การศึกษา แกไม่รู้หรอกว่านางฟ้าคืออะไร…แม้งเอ้ย หน้าอก , ก้น และขานั่น ข้ายอมรับก็ได้ว่านางเป็นนางฟ้าสำหรับข้าจริงๆ”
“นี่คือทูตสวรรค์ของโบสถ์แห่งชีวิต? อ่าห์ดูเหมือนฉันจะไม่สามารถทอดทิ้งนักบวชที่อยู่บนไม้กางเขนนั่นได้และฉันคงต้องคิดเกี่ยวกับความศรัทธาของตัวเองใหม่”
“อ่าห์ ฉันเสร็จแล้ว”
“เฮ้ นายยังดีไม่พอหรอกนะ ฉันเสร็จไปสี่ครั้งแล้ว และกำลังจะเริ่มครั้งที่ห้า”
“นี่พวกนายทำตัวให้ลามกน้อยลงกว่านี้หน่อยได้ไหม? ใครก็ได้มอบรายละเอียดของนางฟ้าคนนี้ให้ฉันที ฉันอยากจะสร้างตัวละครใหม่”
“ตื่นได้แล้วสาวน้อย เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหน้าตัวเองได้หรอก”
“มีผู้หญิงเล่นเกมนี้ด้วย? ฉันนึกว่าความเจ็บหนึ่งในสิบจะทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่กลัวเสียอีก”
“นายไม่เข้าใจอะไรเลย ผู้หญิงเผชิญกับความเจ็บปวดอยู่ตลอดทั้งจากการเป็นตะคริวและการตั้งท้อง แม้จะเป็นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่สุดภายในเกมก็ไม่อาจเทียบได้นับประสาอะไรกับแค่หนึ่งในสิบ ขณะที่ผู้ชายไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้เท่ากับผู้หญิง แต่จะว่าไปนางฟ้านี่ปวดประจำเดือนด้วยรึเปล่านะ?”
“ปวดเมนส์รึเปล่าไม่รู้ แต่นางฟ้านั่นต้องมาเป็นเมียฉัน!”
“ใครก็ได้ตีเจ้าโง่นั่นแล้วปลุกเขาที!”
“ผมแก่เกินกว่าที่จะสนใจในผู้หญิง แต่ว่าชื่อกระทู้ ‘พบเจอกับนางฟ้า’ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับมีหญิงสาวที่น่ารักร้องเพลงอยู่ข้างหูผมเลย”
“ฉึก! นายรู้จักอนิเมะเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วด้วย? นายต้องอายุสี่สิบแล้วแน่ๆ”
“นายกำลังหักหลังตัวเองอยู่เหมือนกันที่พูดมันออกมา”
“เดี๋ยวนะ…ทำไมฉันถึงได้ยินว่า ‘พบเจอกับอาเบะล่ะ?’”
“เพื่อนนายกำลังแพร่พิษออกมา! ฉันรู้ว่านายพูดถึงอะไร แต่มันก็อดที่จะเสิร์จในบิริบิริไม่ได้ฉันอยากจะร้อง”
“ฉันก็จะฟังมันด้วย!”
จากนั้นกว่าพันข้อความตอบกลับก็กลายเป็นเรื่องพบเจออาเบะ
โรแลนด์รู้ว่ามันคงไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่เขาก็ไม่อาจกลั้นความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้เขาจึงเข้าไปดูมันในบิริบิริ จากนั้นเขาพูดอะไรไม่ออกกว่าครึ่งชั่วโมง
เนิร์ดพวกนั้นอันตรายอย่างมาก แต่ว่าพวกเขาคงจะเป็นผู้เล่นส่วนใหญ่ ยังไงก็ตามจากการทำงานมาหลายปีพวกเขาก็น่าจะเก็บเงินห้าหมื่นเหรียญได้ พวกวัยรุ่นทั้งหลายที่ยังเรียนอยู่หรือพึ่งทำงาน คงยากที่พวกเขาจะซื้อแคปซูลได้
และก็เป็นพวกเนิร์ดนั่นเองที่ให้ทิปเขาอีกสามหมื่นเหรียญ พอมองไปที่ตัวเลขยิ่งทำให้เขารู้สึกสนใจทำงานลดลงไปอีก
สี่ทุ่มของคืนนั้นเองโรแลนด์เข้าเกมอีกครั้ง
เบทต้ายืนอยู่ถัดจากเขาไป
“พวกเราควรเริ่มเดินทางได้แล้ว” โรแลนด์มองไปยังกระท่อมของเขาที่อยู่ใกล้ๆ จริงๆแล้วเขาค่อนข้างชอบที่นี่ “ไปเมืองอื่นจากถนนหลักกันเถอะ”
เบทต้าก็รู้สึกเสียใจเช่นเดียวกัน เขาชอบที่จะเล่นกับเด็กๆที่นี่ ในวัยเด็กของเบทต้านั้นเขามักจะถูกหลอกหลอนด้วยหนังสือและการเรียน ทำให้เขาไม่มีเวลาเล่นมาก่อนจนกระทั่งเร็วๆนี้ นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงชอบอยู่กับคนอื่นๆ
พวกเขาทั้งสองมาถึงทะเลสาบจากทางสะพาน
เด็กๆกำลังเล่นกันอยู่และไม่ได้สังเกตเห็นโรแลนด์และเบทต้า
ตามจริงแล้วพวกเขาควรจากไปเงียบๆ
ทว่าเบทต้าก็ลังเลและพูดว่า “พี่โรแลนด์รอสักแปปนะครับ ผมจะไปบอกลาพวกนั้นหน่อย”
ก่อนที่โรแลนด์จะตอบตกลง เบทต้าก็วิ่งไปหาพวกนั้นเสียแล้ว
โรแลนด์ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงและเดินไปพิงราวสะพาน ที่นี่เงียบสงบ ทีเพียงเสียงปลากระโจนอยู่ในทะเลสาบ
ทางที่ดีที่สุดเขาควรรีบออกเดินทางโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นการบอกลาจะกลายเป็นการทรมาณ
อย่างที่เขาคิดไว้สิบนาทีต่อมาเบทต้าเดินกลับมาพร้อมกับกลุ่มเด็กที่กำลังร้องไห้และปาดน้ำตาอยู่
พวกเขาทั้งคู่อยู่ในเมืองมาระยะหนึ่ง เบทต้านั้นเล่นกับพวกเด็กๆ ย่างขาแมงมุมให้พวกเขา และเล่าเรื่องต่างๆให้พวกเขาฟัง พ่อแม่ของพวกเขายังไม่ดีเท่าเบทต้าเลยด้วยซ้ำ
พ่อแม่ของเด็กยากจนพวกนี้นั้นมักจะยุ่งอยู่ตลอดเวลาและมีเวลาให้ลูกของตัวเองน้อยมาก ดังนั้นเบทต้าจึงเป็นพี่ชายที่สมบูรณ์แบบสำหรับพวกเขา
เด็กๆต่างรู้สึกไว้ใจเขาและปฏิบัติกับเขาเหมือนคนในครอบครัว
แต่ตอนนี้เขาต้องจากไปแล้ว ทำให้พวกเขารู้สึกเศร้า
“ไปกันเถอะ” โรแลนด์ยืนตัวตรงก่อนโบกมือลาเด็กๆและค่อยๆเดินจากไป
เบทต้าเดินตามโรแลนด์ไปแต่เขาก็ต้องหันไปมองทุกๆครั้งที่เขาเดินจากไป
เด็กๆต่างอยู่บนสะพานไม่ได้ตามพวกเขาไป ทว่าเมื่อพวกเขาอยู่ห่างออกไปพวกเด็กๆต่างก็ร้องไห้ออกมา
เบทต้าหยุดอยู่หลายครั้งและทำท่าจะวิ่งกลับไป
แต่ทุกครั้งโรแลนด์จะเตือนเขาว่า “อย่าหยุด เดินตามฉันมา”
ทั้งสองเดินห่างออกมาเรื่อยๆ เสียงร้องไห้ของเด็กๆก็เริ่มหายไป
หลังจากนั้นพวกเขาก็มองกลับไป เมืองเรดเมาน์เทนนั้นถูกบดบังไปด้วยต้นไม้เรียบร้อยแล้ว
ตามจริงแล้วพวกเขาควรไม่ได้ยินเสียงร้องไห้อีกต่อไป
พวกเขาทั้งคู่เดินต่อไปอย่างเงียบๆ โรแลนด์ได้ยินเสียงเบทต้าหอบหายใจ
เขาร้องไห้หรอ?
โรแลนด์ไม่ได้หันกลับไปมองเพียงแต่เดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ
ถนนนั้นเต็มไปด้วยหลุมและบ่อทว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญและไม่ได้รู้สึกลำบากออะไร
นกประหลาดแผดเสียงร้องภายในป่าลึกก้องไปยังภูเขาทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาอยู่ห่างไกลจากโลกมนุษย์
ถนนทอดยาวไปป่า พวกเขาเดินในร่มมากว่าครึ่งวัน และตอนนี้พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว
โลกนั้นมืดมิด
โรแลนด์ร่าย “บอลแสง” ออกมา
มันเป็นเวทย์ระดับศูนย์ซึ่งไม่สามารถทำดาเมจได้ แต่ว่ามันสามารถใช้ให้แสงสว่างได้
ทันใดนั้นเอง เบทต้าก็เข้ามาใกล้เขาและพูดว่า “พี่โรแลนด์รอเดี๋ยวก่อนครับ”
ความเศร้าหมองของเบทต้าถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้น เขาสมกับเป็นนักผจญภัย
“หือ? มีอะไร?” โรแลนด์ถามออกสงสัย
“มีเงินให้พวกเราเก็บครับ!”
มีเงินให้พวกเราเก็บ? ในตอนนั้นโรแลนด์ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการสื่ออะไร
“พรสวรรค์ของผมทำงานน่ะครับ” เบทต้าชี้ไปยังหุบเขาทางซ้ายมือและพูดว่า “มันมีแสงสีทองออกมาจากทองฟ้าทางด้านนั้นที่มีแต่ผมที่มองเห็นน่ะครับ มันเป็นสัญลักษณ์ของเงินครับ”