หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 4
เขาเดินตามชายชราออกมาจากโบสถ์ แสงอาทิตย์ไม่ได้รุนแรงมากนักในตอนเช้า แต่มันก็ทำให้เขาต้องหลับตาเมื่อเผชิญหน้ากับมัน
ไม่กี่วิต่อมา โรแลนด์ก็คุ้นชินกับแสง เขาลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือท้องฟ้าโปร่ง มันดูไม่เหมือนกับสังคมปัจจุบันที่กว่าครึ่งถูกปกคลุมไปด้วยมลพิษ
ด้านล่างท้องฟ้านั้นมีทะเลสาบที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้สีดำ เมื่อสังเกตดีๆ โรแลนด์ก็พบว่ามันคือเรือขนาดเล็ก
สิ่งก่อสร้างมากมายต่างขนาดและสีสันอยู่บริเวณทะเลสาบ ในสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นเต็มไปด้วยผู้คน ราวกับกลุ่มมด
มีสะพานขนาดใหญ่ตั้งขวางไว้อยู่กลางทะเลสาบ ทำให้ทะเลสาบถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
โรแลนด์หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปและรับฟังเสียงลมจากบนยอดเขา รู้สึกสงบมาก ผ่านไประยะหนึ่งเขาก็พูดกับชายชราว่า “ที่นี่ถูกเรียกว่าเรดเมาน์เทนงั้นหรอ มันควรถูกเรียกว่าเมืองแห่งทะเลสาบมากกว่า
คิ้วของฟอลเคิลกระตุกลงเหมือนกับว่าเขาไม่พอใจนัก “มันไม่ใช่ชื่อที่ดี…. โรแลนด์ เจ้าวางแผนที่จะทำอะไรต่อไป”
ไม่ใช่ชื่อที่ดี? เพราะว่ามันฟังดูไม่ดี หรือเพราะเหตุผลอื่น?โรแลนด์ครุ่นคิดแต่เมื่อสังเกตุเห็นว่าฟอลเคิลท่าทางไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาก็เลือกที่จะไม่ถามต่อไป โรแลนด์ค่อนข้างยกย่องผู้ผลิตเกมนี้ที่สร้างทั้งฉากและเหล่า NPC ที่ดูมีชีวิตชีวาได้ขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเกมนี้เลียนแบบสัมผัสของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ ยกเว้นก็แต่ความเจ็บปวดที่ลดเหลือเพียง 1 ใน 10 แต่ก็อย่างว่าถ้ามันถูกสร้างมาเสมือนจริงตอนที่ถูกทำร้ายหรือถูกฆ่ามันคงทรมานน่าดู คงมีเพียงแค่พวกมาโซคิสต์เท่านั้นแหละที่จะรับไหว
โรแลนด์คิดถึงเกี่ยวกับคำถามนั้นสักพัก ก่อนจะตอบกลับไปอย่างไม่แน่ใจว่า “เดินทางและเที่ยวเล่น น่าจะนะ”
ฟอลเคิลมองไปยังโรแลนด์ด้วยความประหลาดใจ ตาที่เกือบจะปิดของเขาขยายขึ้น “เรียบง่ายถึงเพียงนี้? ไม่ใช่ว่าเจ้าควรมีความฝันอันยิ่งใหญ่ อาทิเช่น การช่วยโลก , กำจัดปีศาจร้าย หรือ สังหารมังกร?”
โรแลนด์ยิ้มให้กับฟอลเคินด้วยความประหลาดใจและขบขัน เขาตอบกลับไปอย่างช้าๆว่า “ผมเป็นแค่คนธรรมดา ผมไม่รู้นะว่าคุณจินตนาการถึงบุตรทองคำไว้อย่างไร… นั่นเป็นสิ่งที่พวกคุณเรียกพวกเราใช่ไหม? แต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่มาที่โลกนี้เพื่อความสนุก บางทีความฝันของพวกเราอาจจะเปลี่ยนไปในภายหลัง แต่ว่านี่คือเป้าหมายของพวกเราตอนนี้…”
โรแลนด์หมายความตามนั้นทั้งหมด ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาน่าจะได้รับเควส ทว่าเขาก็พบว่ามันไม่น่าเป็นไปได้เมื่อพิจารณาจากตัวฟอลเคิลที่ดูเหมือนคนแท้ๆยิ่งกว่า NPC เสียอีก
โรแลนด์ไม่ใช่คนบ้า เขารู้ว่าการพูดคุยกับ NPC และคนจริงๆนั้นต่างกัน ทว่า แทนที่จะคิดว่าฟอลเคิลจะเป็น NPC เขากับรู้สึกว่าเขาได้คุยกับคนจริงๆมากกว่า
เขาไม่ได้พูดคุยอย่างจริงจังกับชายชราที่ดูสุภาพคนนี้นัก แต่อย่างน้อยเขาก็ควรที่จะจริงใจและซื่อสัตย์
ฟอลเคิลมองไปที่โรแลนด์ด้วยความรู้สึกประหลาด เขาไม่เคยพบเห็นกับคนแบบโรแลนด์มาก่อน คนที่มีร่างกายเป็นอมตะ แต่ความฝันของเขากลับเป็นเพียงการเสาะแสวงหาความสนุกเท่านั้น
ถ้าเกิดใครสักคนบนโลกใบนี้มีความสามารถระดับนี้คงมีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ ไม่เพียงแค่จะเติมเต็มความฝันของตน แต่อาจรวมไปถึงการพิชิตโลกอีกด้วย
แต่ทว่าบุตรทองคำตรงหน้าเขา เพียงแค่ต้องการความสำราญ? คงไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้แน่เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ทว่าฟอลเคิลเชื่อ เขาพบพานผู้คนที่ต่าง ดุร้ายมามากมาย แต่ชายตรงหน้าเขานั้นไร้เดียงสาราวกับเด็กทารก
“ในมิติที่เจ้าเดินทางมามันคงปราศจากสงครามและการฆ่าฟันสินะ” ฟอลเคิลมองไปยังชายหนุ่มและถอนหายใจ “มันคงเยี่ยมยอดมากใช่ไหม”
“จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ขนาดนั้น” โรแลนด์ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “แม้ว่าประเทศที่ผมมาจะค่อนข้างปลอดภัย สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง บางทีก็มีสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับผม
สำหรับโรแลนด์มันเป็นคำอธิบายที่เรียบง่าย แต่ทว่าสำหรับฟอลเคินนี่เป็นการคุยโวโดยแท้ ชุดคุลมสีขาวของผมปลิวไสวไปตามลมเย็นยามเช้า ฟอลเคิลถอนหายใจออกมาอย่างหนักและกล่าวว่า “ถ้าเพียงแค่ข้าได้อาศัยอยู่ในโลกของเจ้าก็คงดี”
โรแลนด์มองไปยังนักบวชชราด้วยความสนใจ
ต้องขอบคุณคณะที่เขาเรียนมา ที่ทำให้เขาเคยได้พบกับ AI ที่มีขื่อเสียง แม้ว่าเขาไม่เคยได้รู้จักกับ AlphaGo แต่เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับสิริ
สิริทำได้ค่อนข้างดีสำหรับบทสนทนาประจำวัน และในการทำตัวคล้ายคนปกติ ทว่าในบทสนทนาที่ลึกเข้าไป เกี่ยวกับชีวิต , เหตุการณ์โลก หรือประวัติศาสตร์ต่างๆ สิรินั้นฉลาดไม่พอและมักจะตอบกลับมาแข็งๆแบบเครื่องจักร
ทว่าชายชราตรงหน้าเขา กลับไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นอาการโศกเศร้าหรืออิจฉาในบทสนทนา
โรแลนด์ไม่มั่นใจว่าเพนกวินคอร์ปอเรชั่นทำมันสำเร็จได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นทางเว็บไซค์ทางการได้ระบุไว้ว่ามีเหล่าปัญญาประดิษฐ์มากกว่า 150 ล้านตน อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ และ NPC ทุกคนสามารถเปรียบได้ดั่งกับมนุษย์คนหนึ่ง
เพจกวินคอร์ปอเรชั่นใช้เทคโนโลยีอะไรกันแน่ เมื่อไหร่กันที่บริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการลอกเลียนแบบสินค้าพัฒนาได้ถึงขนาดนี้
ก่อนที่เขาจะเริ่มเล่นเกม โรแลนด์ไม่ค่อยเชื่อกับคำโฆษณานัก ยังไงซะทุกบริษัทก็จำเป็นต้องกระตุ้นยอดขายอยู่แล้ว แต่ว่าเขามั่นใจได้เลยว่าหลังจากเขาได้พบชายชราที่ชื่อฟอลเคิล เขาไม่สามารถจินตนาการได้ถึงความน่าตื่นเต้นบนโลกนี้ได้ ยิ่งถ้า NPC ทุกตนมีบุคลิกและจิตวิญญาณเป็นของตัวเองอีก
มุมมองที่สมจริง และ NPC ที่ยอดเยี่ยม…. ในที่สุดโรแลนด์ก็ได้พบกับความหลงใหลในการเล่นเกมที่เขาไม่ได้รู้สึกมันมานานแล้ว
ขาตบไปที่ต้นขาของตัวเองอย่างแรงก่อนถามว่า “คุณฟอลเคิล ผมจะไปเมืองที่ใกล้ที่สุดนั่นได้อย่างไร”
ฟอลเคิลรู้สึกประหลาดใจ ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะใจเย็นไปเสียทุกเรื่อง จู่ๆเขาก็กระตือรือร้นขึ้นมา ตาของชายคนนี้ยังคงใสกระจ่าง แต่เหมือนจะมีประกายแสงใหม่เพิ่มเข้ามา
“เดินลงไปตามถนนทางทิศตะวันตก หากเจ้าเดินเท้าไปเจ้าจะพบกับคนที่ชื่อเดลฟอล ใน 4 ชั่วโมง” ฟอลเคิลพักครู่หนึ่งก่อนพูดต่อว่า “ทางที่ดีเจ้าไม่ควรออกนอกเส้นทาง มันมีป่าเมเปิ้ลอยู่ถัดจากทางเข้าเมืองเรดเมาน์เทน มันมีแมงมุมขนาดมหึมาอาศัยอยู่ ตามปกติแล้วมันจะไม่มายุ่มย่ามในถิ่นของพวกเรา ทว่าบางครั้งเมื่อมันหิวจัด มันจะบ้าคลั่งและออกมาไล่ล่ามนุษย์
“ขอบคุณ”
โรแลนด์โบกมือลาฟอลเคิลก่อนเดินไปตามบันไดสีเทาบนถนนที่อยู่ในแนวภูเขา แสงอาทิตย์ยามเช้ายังคงสาดส่องแสงสีส้มออกมา และสายลมอ่อนๆที่พัดเข้ามาราวกับผ้าคลุมกาย เสียงสวดมนตร์ของชาวเมืองดังเข้ามาในหูของโรแลนด์
โรแลนด์ต้องการที่จะอ้าแขนขึ้นมาเพื่อโอบกอดท้องฟ้าและเหล่ามวลเมฆ ทว่าเขาเกรงว่ามันจะดูโง่เง่าเกินไป
เขาเพียงแค่อ้าปากและพึมพำออกมาเบาๆว่า “ฟาลัน ฉันมาแล้ว”