หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 68
ห้องเงียบลงอีกครั้ง โรแลนด์ค่อยๆจิบน้ำอุ่นอย่างอดทนรอให้ฮอว์กไตร่ตรองอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
สำหรับคนอย่างฮอร์กที่มีหน้าที่ในการดูแลสโมสรกิลด์ขนาดใหญ่อยู่แล้ว ก่อนที่จะเริ่มลมือทำอะไร เขามักจะต้องคิดและไตร่ตรองก่อนเสมอ แม้กระทั่งตอนที่เขาเลือกที่จะสังหารขุนนาง เขาก็ไตร่ตรองไว้ก่อน
สามารถทำได้และควรทำหรือไม่? สิ่งนี้จะส่งผลอะไรต่อองค์กร?
เขาต้องพิจารณารอบด้าน มันไม่ง่ายอย่างการที่คิดและลงมือทำเลยการทำแบบนั้นมันเป็นวิถีของหมาป่าเดียวดาย มันไม่ใช่สิ่งที่รองหัวหน้ากิลควรกระทำ
โรแลนด์ดื่มน้ำไปแล้วสามแก้วแล้ว ก่อนที่ฮอว์กจะพูดในที่สุดหลังจากครุ่นคิดอยู่เกือบสิบนาที “การรวบรวมขอทานไม่ใช่ปัญหา แต่เราควรร่วมมือกันยังไง ควรกระจายอำนาจและผลประโยชน์อย่างไร”
“ต้องคิดขนาดเรื่องการแบ่งอำนาจและผลประโยชน์เลยหรือยังไง?” โรแลนด์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“แน่นอน” ฮอว์กพูดตามความเป็นจริง “แม้ว่าสโมสรเกมอย่างเราจะมีคนอยู่หลายร้อยคน แต่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้เล่นชั่วคราวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องปัญหาภายในอื่นๆอีก ไม่ต้องพูดถึงถ้าเรารวบรวมพวกขอทานได้จริง ๆ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นอาจจะมากกว่าที่เราคิดก็ได้”
โรแลนด์พยักหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับประเด็นของฮอร์ก
มันก็เหมือนกับที่ฮอร์กพูด ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากมักจะมีปัญหากันได้ อย่าง F6 แม้พวกเขาจะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ในกลุ่มพวกเขาก็ยังมีการแบ่งกลุ่มแยกย่อยไปอีก
อย่างโรแลนด์กับชัคที่สนิทกันมากที่สุด หรือไม่ก็ลี่หลินกับราฟเฟิลที่คุ้นเคยกันมากที่สุด
มีขอทานอย่างน้อยก็กว่าหมื่นคนในเมืองนี้ แม้ว่าพวกเขาจะรวบรวมได้เพียงหนึ่งในสิบ แต่จำนวนมันก็มากกว่าพันคนเข้าไปแล้ว
หากมีคนนับพันรวมตัวกันอยู่จะถูกมองว่าเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ในเมืองนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้
“อันที่จริงฉันไม่สนใจที่จะจัดตั้งสมาคม” โรแลนด์ครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “สำหรับฉันแล้วเรื่องพวกนั้นเป็นปัญหามากเกินไป”
ฮอร์กมึนไปชั่วขณะ “แล้วทำไมนายถึงเล่าแผนการนี้ให้ฉันฟัง”
“อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ฉันต้องการให้นายตรวจสอบบางอย่างให้ฉันหน่อย” โรแลนด์อธิบาย “สำหรับเรื่องขอทานจู่ๆฉันก็คิดขึ้นได้เมื่อเห็นเรื่องเมื่อกี้ สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่อยากถูกคุกคาม”
“พวกเราอยู่บนเรือลำเดียวกันอย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาคิด” ฮอร์กหัวเราะเยาะอย่างดูถูก “ขุนนางเหล่านั้นไม่กล้าเผชิญหน้ากับเราดังนั้นพวกเขาจึงคิดหาวิธีที่น่ารังเกียจนี้เพื่อไล่พวกเราออกไป!”
โรแลนด์ก็หัวเราะเช่นกันและพูดว่า “และเมื่อพวกเราจากไปแล้วพวกเขาจะสามารถทำชั่วโดยไม่ต้องเกรงกลัวอะไรอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าข่มขืน หรือกินหัวใจพวกเด็กๆ”
ห้องเงียบไปในทันใด
พวกเขาทั้งสามคนต่างคิดถึงเรื่องราวที่พวกเขาได้พบกันมา ฮอร์กและลิงค์นั้นนึกไปถึงตอนที่เขาพบศพเด็กที่ถูกคว้านหัวใจลอยอยู่ยนแม่น้ำ ส่วนโรแลนด์นั้นนึกถึงถ้ำที่มีกระดูกถูกกองรวมกันเอาไว้
“โลกที่โง่เขลา, โหดร้ายและล้าหลังแบบนี้…” ฮอร์กเดาะด้วยความรังเกียจ “ฉันอยากทำลายมันให้เป็นชิ้นๆซะจริงๆ”
ในคำพูดของเขานั้นมีความโกรธแฝงอยู่ เขาเป็นชายที่มีอุดมการณ์ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าเปิดศึกกับขุนนางเมื่อเจอศพขอเด็กชายหญิงเหล่านั้น
“ถ้างั้นนายก็ควรรับสมัครคนเพิ่มนะ เพราะสิ่งต่างๆที่นี่อาจจะเริ่มเปลี่ยนแปลง” โรแลนด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในฐานะรองหัวหน้ากิลด์นี่น่าจะเป็นสิ่งที่นายถนัดอยู่แล้วนี่”
คิ้วหนาของฮอว์กขมวดเป็นปมด้วยความงุนงงแล้วพูดว่า “ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่านี่ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ขณะที่พวกเรากำลังทำงานที่ขมขื่นและหนักหนาสาหัสและต้องรวบรวมข้อมูลให้นายอีก ในขณะที่นายแค่คิดมันก็เท่านั้นเท่านั้น”
“เดี๋ยวมันก็จะมีสถาการณ์ที่ฉันต้องช่วยเองนั้นแหละ” โรแลนด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปัจจุบันฉันเป็นรองประธานสมาคมนักเวทย์ในเมืองนี้ ก็ประมาณนี้ละนะ”
ฮอร์กสะดุ้งตัวในทันที เขายกนิ้วโป้งให้แก่โรแลนด์ “ฉันคิดว่านายแค่เข้าร่วมสมาคมนักเวทย์ แต่ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายจะตำแหน่งสูงขนาดนั้น”
โรแลนด์พูดคุยกับพวกเขาอีกสักพัก จากนั้นเขาก็จากไปหลังจากที่เขาร่ายความสามารถทางภาษาให้กับพวกฮอร์ก
จากนั้นเขาก็กลับไปที่หอคอยเวทมนตร์และยังคงทดลองกี่ยวกับความสามารถทางอักขระต่อไป
เมื่อเขามีข้อมูลมากขึ้นเขาก็ยิ่งก้าวหน้าเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
และเวลาภายในเกมก็ผ่านไปถึงสี่วัน ในที่สุดตอนนี้เขาก็สำเร็จความสามารถทางอักขระเรียบร้อยแล้ว
โรแลนด์ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่ได้ร้องดีใจออกมาในทันที ในมือของเขาถือหนังสืออยู่เล่นหนึ่งก่อนที่เขาจะหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัวเมื่อเริ่มอ่านมัน
ชื่อหนังสือคือเทคนิคการทำสมาธิและข้อควรระวังที่สำคัญ
นี่เป็นความพิเศษที่โรแลนด์ต้องการเรียนรู้มากที่สุดในตอนนี้ ก่อนที่เขาจะมาถึงเดลพอน ฟอลเคิลบอกเขาว่านี่เป็นทักษะพิเศษเฉพาะสำหรับนักเวทย์และเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้
สิ่งที่เรียกว่าเวทย์สมาธินั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นการประยุกต์ใช้พลังทางจิตและจิตวิญญาณร่วมกัน
มันคือการเข้าสู่สภาวะสงบที่อยู่ระหว่างสภาวะหลับและสภาวะตื่นโดยการนั่งสมาธิหรือไม่ก็นอนลง จากนั้นให้สัมผัสถึงพลังจิต จากนั้นคนที่ทำสำเร็จก็จะสามารถเข้าไปในโลกแห่งจิตใต้สำนึกของตนได้สำเร็จ
จากนั้นพวกเขาจะสามารถสะสมพลังจิตและสามารถสร้างโลกแห่งจิตภายในโลกแห่งจิตใต้สำนึกได้
และด้วยความที่มันเป็นโลกแห่งจิต ดังนั้นมันจึงสามารถจำลองทัศนียภาพทางกายภาพต่างๆของโลกเกมได้
ยิ่งไปกว่านั้นที่สำคัญที่สุดคือการที่สามารถจำลองการทดลองเวทย์ภายในนั้นได้ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
เวทย์สมาธินั้นมีคำอธิบายที่เรียบง่าย แต่ก็ทำได้ยากยิ่ง
คนส่วนใหญ่หากเริ่มเข้าอยู่ในสภาวะที่สงบแล้วนั้นส่วนมากก็จะหลับลงไปในทันที โรแลนด์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เขาได้ลองมากว่าสี่ครั้งแล้ว ทันทีที่ที่เขาสงบจิตใจได้ภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีเขาก็จะเริ่มกรนออกมา
จากนั้นเขาจะถูกบังคับให้ออกจากโลกของเกมเพราะถึงอย่างไรคนที่เข้ามาเล่นในเกมนี้ก็มีแค่คนที่หลับไปแล้วเท่านั้น
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในสถานะระหว่างสภาวะหลับและตื่น มันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันเองอย่างชัดเจน
ยิ่งกว่านั้นโรแลนด์อดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันคล้ายกับความฝันที่รู้ตัวเล็กน้อย
แต่ต่างออกไปแค่เวทย์สมาธินั้นมีพลังจิตเข้ามาเกี่ยวข้อง
มันเป็นไปได้ไหมที่ผู้เล่นอาจจะไม่สามารถเรียนเวทย์นี้ได้
แม้ว่าโรแลนด์จะแอบคิดเช่นนี้อยู่ในใจ ทว่าเขาก็ยังคงทดลองต่ออีกหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็โชคร้ายที่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาทำสำเร็จ
เมื่อเวลาภายในเกมของวันนี่หมดลง โรแลนด์ก็ปีนออกจากแคปซูลเสมือนจริง เขาเริ่มที่จะตั้งกระทู้เกี่ยวกับความสามารถทางอักขระก่อนโดยอัปโหลดแบบจำลองเวทย์ลงเว็บบอร์ด จากนั้นเขาก็ไปยังหน้า คำแนะนำและแจ้งข้อผิดพลาดของเกม จากนั้นเขาก็เริ่มเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเวทย์สมาธิและใส่คำพูดของเขาเข้าไปในโพสต์ว่า “โดยแท้จริงแล้วพวกเราผู้เล่นน่าจะอยู่ในสภาวะความฝันที่รู้ตัวอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่เราจะเข้าสู่สภาวะหลับไหลภายในเกม ใช่ไหม?”
หลังจากนั้นเขาก็ปิดคอมพิวเตอร์ล้างหน้าแปรงฟันและกินอาหารเช้า
เมื่อรับประทานอาหารเช้าได้ครึ่งหนึ่งโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาคิดว่าน่าจะเป็นชัค แต่เมื่อเขาตรวจสอบโทรศัพท์ของเขาเขาก็พบว่ามันเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย
เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้เป็นเบอร์โทรของพวกเซลล์เขาก็รับสาย
ไม่นานเสียงผู้ชายที่ฟังดูคล้ายผู้หญิงก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ “สวัสดีฉันขอสายโรแลนด์ได้ไหม?”
“ผมพูดสายอยู่แล้วคุณ?”
“ฉันเป็นหัวหน้าผู้วางแผนของโลกแห่งฟาลาน หม่าฮัวจุน คุณเรียกฉันว่าเฒ่าหม่าก็ได้”
“สวัสดีครับคุณหม่า” โรแลนด์ค่อนข้างแปลกใจ และเริ่มคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นสิบแปดมงกุฎ
“เราได้ตรวจสอบข้อบกพร่องที่คุณร้องเรียนมาเรียบร้อยและพบว่ามันมีปัญหาจริงๆ” เสียงของหม่าฮัวจุนในโทรศัพท์นั้นฟังดูชัดเจนจนผิดปกติ “ตอนนี้เรามีทางเลือกอยู่สองทางคือ หนึ่งเปลี่ยนเวทย์สมาธิให้เป็นเวทย์สนับสนุนแบบเรียกใช้ อาทิเช่นหากเริ่มใช้แล้ว 2-3 เวทย์ถัดไปที่ใช้ออกมาจะเพิ่มพลังทำลายและผลลัพธ์อื่นๆ และอีกอย่างหนึ่งคือเปลี่ยนให้เป็นทักษะติดตัว อาทิเมื่อไม่ได้อยู่ในการต่อสู้พลังจิตก็จะฟื้นฟูได้รวดเร็วขึ้น ในเมื่อคุณเป็นคนพบข้อผิดพลาดนี้คุณจะมีสิทธิ์ในการเลือกว่าจะเปลี่ยนเป็นเวทย์สนับสนุนหรือสกิลติดตัว”