หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 69
“มันขึ้นอยู่กับผม?”
โรแลนด์สะดุ้งไปชั่วขณะ ตอนนี้นั้นเขาคิดว่าโอกาสที่อีกฝ่ายจะเป็นมิจฉาชีพนั้นน่าจะต่ำแล้ว ทว่าเขาก็ยังณู้สึกแปลกๆอยู่ดี “ผมจำได้ว่าตอนผมกรอกข้อมูลผมไม่ได้กรอกเบอร์โทรศัพท์เข้าไปด้วยนี่ครับ ผมกรอกไปแค่ไอดี แล้วคุณรู้เลขโทรศัพท์ผมได้ยังไง
“อืม…เปิดเผยข้อมูลสักนิดก็คงไม่เป็นไร เอาเป็นว่าผมจะเล่าอะไรให้คุณฟังหน่อยก็แล้วกัน” เสียงในโทรศัพท์แปรเปลี่ยนเป็นเสียงที่เต็มด้วยความลึกลับ “จริงๆแล้วเกมนี้ได้ร่วมมือกับประเทศนี้แล้ว ผู้เล่นทุกคนจะผ่านการเช็คประวัติเรียบร้อยแล้ว หลังจากมั่นใจว่าไม่มีประวัติอาชญากรรม พวกเขาเหล่านั้นถึงจะได้รับอนุญาติให้ซื้อแคปซูลเสมือนจริง ถ้าแม้แต่ประวัติส่วนตัวยังถูกสืบรู้มาได้จะนับประสาอะไรกับเบอร์โทรศัพท์ที่คุณใช้เป็นประจำกันล่ะ”
เป็นอย่างนั้นนั่นเอง!
ทว่าหลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งโรแลนด์ก็รู้สึกว่ามันไม่แปลกแต่อย่างใด เพราะเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเหนือชั้นเช่นนี้ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลละก็ต่อให้เป็นบริษัทระดับเพนกวินคอโปเรชั่นก็ไม่สามารถต้านทานต่อการถูกโจมตีของฝูงหมาป่าได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกสปายหรืออื่นๆ ไหนจะแรงกดดันจากพวกประเทศมหาอำนาจอีกละ พวกบริษัทเอกชนนั้นมีอำนาจน้อยมากในเรื่องอุตสาหรกรรมระหว่างประเทศ ดังนั้นการที่มีผู้สนับสุนนรายใหญ่อยู่ถือเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุดแล้วในตอนนี้
ไม่น่าแปลกใจที่มีแค่คอมเม้นต์ที่ถูกจ้างมาใส่ร้ายเกมนี้เพียงไม่กี่ราย และยิ่งไปกว่านั้นมันยังถูกลบโดยรวดเร็วอีกด้วย
“ขึ้นอยู่กับผมงั้นเหรอ…” โรแลนด์เสียงสั่น จากนั้นเขาก็พูดอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ใช่ว่ามันเคยมีมีมบนอินเทอร์เน็ตที่พูดว่า เด็กนั้นสามารถเลือกได้เฉพาะสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องการเท่านั้น!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะที่ตรงไปตรงมาดังเข้ามาทางโทรศัพท์ก่อนจากนั้นหม่าฮัวจุนก็กล่าวว่า “แน่นอนว่าตอนนี้คุณเป็นผู้ใหญ่ที่โลภมากคนหนึ่ง ทว่าน่าเสียดายที่ฉันหม่าฮัวจุนชอบตอบปฎิเสธพวกที่หยิ่งยโสมากที่สุด เลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น นายสามารถเลือกได้แค่อย่างเดียว เพราะพวกเราจำเป็นต้องคำนึงถึงสมดุลของแต่ละอาชีพด้วย นักเวทย์นั้นค่อนข้างยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ถ้าเกิดเวทย์สมาธิถูกเปลี่ยนไปเป็นทั้งเวทย์สนับสนุนและสกิลติดตัวละก็มันคงน่าขันน่าดู”
จริงๆโรแลนด์ก็ไม่ได้คาดหวังให้หัวหน้าผู้วางแผนเกมตอบตกลงกับมุขของเขาอยู่แล้ว หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งโรแลนด์ก็ถามออกมาว่า “ผลเต็มๆของสกิลติดตัวคืออะไรงั้นเหรอครับ?”
“ไม่ต้องกังวลมันแย่กว่าทักษะที่ใช้งานอยู่เล็กน้อย แต่มันเหนือกว่าตรงที่มีผลอย่างต่อเนื่อง”
“ถ้างั้นผมขอเลือกเป็นทักษะติดตัวก็ได้” โรแลนด์กล่าวหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาไม่ได้เลือกโดยไม่ไตร่ตรอง แต่จริงๆแล้วเขารู้สึกว่าความจริงนักเวทย์นั้นมีการฟื้นฟูพลังจิตที่ช้า มันไม่ใช่อุปกรณ์หรือจำนวนเวทย์ที่เป็นปัญหา แต่ปัญหาจริงๆของมันคือพลังจิตต่างหาก
พลังจิตและความอดทนเป็นสิ่งที่ทำให้นักเวทย์สามารถยืนอยู่ได้เป็นคนสุดท้ายในการต่อสู้
ยิ่งไปกว่านั้นเกมนี้แตกต่างจากเกมปกติ อุปกรณ์อาจเสียหายและถูกขโมยได้ แม้ว่าคุณจะมีอุปกรณ์ฟื้นฟูพลังเวทย์จำนวนมาก แต่เมื่อคุณแพ้ในการต่อสู้หากคุณไม่มีเพื่อนที่คอยคุ้มกันศพของคุณหรือเก็บของไว้ให้ สุดท้ายมันก็จะไม่เหลืออะไรเลย
อย่างไรก็ตามสกิลติดตัวนั้นจะอยู่ตลอดไป
“งั้นเป็นสกิลติดตัวสินะ” เสียงของหม่าฮัวจุนดังมาจากโทรศัพท์ “งั้นฉันขอตัววางสายก่อน แล้วเดี๋ยวจะมีการประกาศเกี่ยวกับข้อบกพร่องนี้บนเว็บไซค์อีกที”
“เดี๋ยวก่อน!” ทันใดนั้นโรแลนด์ก็ตะโกนออกมา
“มีอะไรอีกงั้นเหรอ?”
“ผมแค่อยากจะถามว่า NPC พวกนั้นเป็นแค่ปัญญาประดิษฐ์หรือเปล่า?”
“คุณคิดอย่างไรละ?” เสียงที่นุ่มลึกดังมาจากโทรศัพท์ “ถ้าคุณคิดว่าพวกเขาเป็น NPC พวกเขาก็คือ NPC ถ้าคุณคิดว่าพวกเขาเป็นมนุษย์จริงๆก็แสดงว่าพวกเขาเป็นมนุษย์จริงๆ เกมนี้เป็นเกมที่อุดมคติจริงๆ”
หลังจากที่หม่าฮัวจุนพูดจบเขาก็วางสายทำให้โรแลนด์ไม่มีโอกาสถามคำถามใดๆอีก
อย่างไรก็ตามเมื่อโรแลนด์พยายามโทรกลับเขาพบว่า หมายเลขผู้โทรก่อนหน้านี้แสดงเป็นเลขศูนย์สิบเอ็ด แต่ก่อนหน้านี้มันก็แสดงเป็นเลขปกตินี่ เขาจำผิดหรือเปล่า?
ไม่สามารถโทรหาหมายเลขนี้ได้
อุดมคติ? มันหมายความว่ายังไงกัน?!
โรแลนด์ไม่สามารถเข้าใจได้เพราะมันฟังดูลึกลับและผิดปกติ เขาส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ถูกและกินอาหารเช้าให้เสร็จอย่างรีบร้อน
เขาคิดที่จะไปสโมสรมวยอีกครั้ง แต่เมื่อเขาจำได้ว่าจินเหวินเหวินดูเหมือนจะสนใจแคปซูลเสมือนจริงภายในบ้านของเขา เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ทันที
แม้ว่าเขาจะจ่ายค่าเล่าเรียนหนึ่งปี แต่ก็เป็นเพียงไม่กี่พันหยวน อย่างไรก็ตามในบัญชีธนาคารของเขามีเงินออมเกือบ 300,000 หยวนแล้วการเสียไปเพียงเล็กน้อยก็ไม่นับว่าเป็นอะไร
หรือว่าจะลองไปที่สโมสรฝึกอาวุธดี? โรแลนด์จำได้ว่าในบรรดาอาวุธพื้นฐานที่นักเวทย์สามาถเชี่ยวชาญได้ ดาบนั้นเป็นหนึ่งในนั้น
ดาบไงล่ะ
บางทีเขาอาจจะลองเรียนวิชาดาบกองทัพจากเบทต้าดู
ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วพื้นฐานของนักเวทย์นั้นเร็วกว่าคนธรรมดาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และเขาก็ยังไม่ได้เรียนเวทย์บัฟใดๆมาเลย ดังนั้นเขาคงยังไม่ได้ใช้มันในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ตามเตรียมตัวไว้ก่อนก็น่าจะดีกว่า! ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ควรเรียนรู้มันไว้ เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่มีอะไรดีกว่านี้ที่จะทำในตอนกลางวันแล้วหละ
เขาค้นหาในเว็บและพบว่าที่จริงแล้วไม่มีที่ไหนในใจกลางเมืองที่สอนวิชาดาบเลย
ก็ตามนั้น…เมืองเล็กลำดับสิบแปดค่อนข้างคลาดแคลนในบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยสี่อยู่อย่างไม่ขาดแคลน แต่มันยากที่จะหาสถานที่บรรเทิงในแบบเฉพาะหรือการเรียนเรื่องเฉพาะอื่นๆ สิ่งพวกนี้ถือว่ายังขาดอยู่อีกเยอะ
เมื่อเขากำลังรู้สึกผิดหวังเขาก็พบว่ามีสโมสรฝึกเหมียวเต๋าขึ้นบนแผนที่ โดยลักษณะของที่ตั้งน่าจะอยู่ในเขตชานเมืองด้านตะวันออก
เทคนิคเหมียวเต๋า!
ทางตอนใต้ของซินเจียงซึ่งมีผู้คนจำนวนมากซึ่งเป็นชาติพันธุ์ม้ง และในฐานะชนกลุ่มน้อยชาวม้งมีสิทธิพิเศษในการพกพาดาบ
อย่างไรก็ตามสังคมนี้ปลอดภัยและมั่นคงขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่คนในกลุ่มชาติพันธุ์ม้งจะเดินถือดาบไปมาเต็มที่ก็แค่สวมใส่ชุดประจำชาติเป็นครั้งคราวเท่านั้น ในตอนนี้พวกเขาก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปไมว่าจะเป็นเรื่องของพฤติกรรมและสังคม
ถึงแม้ว่าโรแลนด์จะรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เพียงแค่ผิวเผินทว่าโรแลนด์ก็รู้ว่าเพลงดาบของกลุ่มม้งนั้นไม่ใช่เหมียวเต๋า เพลงดาบเหมียวเต๋านั้นพึ่งเกิดขึ้นหลังจากการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และมันยังเป็นชื่อของดาบชนิดหนึ่งอีกด้วย
ว่ากันว่าเทคนิคเหมียวเต๋านั้นอ้างอิงมาจากเพลงดาบสองมือของพวกวาจิน ทว่ารูปแบบการโจมตีนั้นถูกพัฒนามาให้เข้ากับนิสัยคนจีนซึ่งแข็งแรงและมั่นคงกว่า
อย่างไรก็ตามความสูงเฉลี่ยของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ชาวจีนนั้นจะสูงมากกว่าพวกที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ชาวหวอเหริน
สโมสรเหมียวเต๋าแห่งนี้เป็นเพียงแค่โฆษณาเพื่อดึงดูดคน หรือจริงๆแล้วมันเป็นสถานที่ฝึกเหมียวเต๋าแบบดั้งเดิมของจีนจริงๆ?
เข้าจะรู้ได้ถ้าได้ลองไปดู
โรแลนด์ใช้จักรยานสาธารณะและไปยังชานเมืองตามการนำทางของแผนที่ เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
หลังจากออกจากใจกลางเมือง คนบนถนนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดและสองข้างทางเริ่มมีพื้นที่เพาะปลูกพืชผักและผลไม้ปรากฏให้เห็น
โรแลนด์พบกับสโมสรเหมียวเต๋าบนที่ดินว่างเปล่าที่เตรียมเปิดให้พัฒนา
สโมสรเหมียวเต๋านั้นค่อนข้างดูกว้าง แต่มันค่อนข้างเรียบง่ายและดูดิบเถื่อน
แผ่นเหล็กชุบสังกะสีสองแผ่นรวมกันเป็นเพิงที่ใช้กั้นแดดและฝน จากนั้นก็มีพื้นปูนเรียบมันวาวกว้างซึ่งสามารถสะท้อนแสงได้เล็กน้อย
กำแพงอิฐสีแดงสูงถึงหน้าอกของโรแลนด์ล้อมรอบพื้นที่เอาไว้
ป้ายไม้ที่แขวนไว้ที่ทางเข้าประตู ซึ่งแตกต่างจากสถานที่เรียบง่ายและหยาบกร้านป้ายนี้ค่อนข้างประณีต
มันเป็นฐานไม้สีน้ำตาลรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ได้รับการขัดเงาให้เป็นมันวาวมีคำสองคำสลักไว้ว่า”สโมสรเหมียวเต๋า” สลักลึกลงไปหนึ่งในสามของไม้ มันดูเฉียบคมและโอ่อ่า
สายตาของเขามองผ่านกำแพงรอบด้านไป โรแลนด์เห็นนักเรียนสี่คนในชุดเครื่องแบบถือดาบไม้ยาวที่มีตราของสโมสรอยู่บนดาบไม้
ด้านข้างเด็กสาวคนหนึ่งกำลังถือถังรดน้ำลงบนพื้นซีเมนต์ เพื่อที่จะคอยลดอุณหภูมิของพื้นลง
มีชายหนุ่มอีกคนพิงเสาโลหะซึ่งรับน้ำหนักของเพิงสนามฝึกอยู่ เขากำลังมองดูเด็กนักเรียนทั้งสี่คนฝึก
เมื่อสายตาของโรแลนด์มองไปยังชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็หันไปมองโรแลนด์
ดวงตาของชายหนุ่มเหมือนปลาตายการมองของเขาดูปราศจากความมันวาวหรือประกายของชีวิตใดๆ
อย่างไรก็ตามโรแลนด์กลับรู้สึกกดดันเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้
****
[1] บรรพบุรุษของชาวจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี
苗刀 เหมียวเต๋า เป็นทั้งชื่อดาบ และชื่อเทคนิคดาบครับ
苗 เหมียว ในนิยายคือใช้คำนี้ครับ แต่ถ้าจากเนื้อเรื่อง/อ้างอิงต่างๆผมว่าเขาน่าจะหมายถึง 苗族 เผ่าม้ง มากกว่าครับ ขออนุญาติใช้คำว่า เผ่าม้งแทนนะครับ
倭人 หวอเหริน คือการออกเสียงแบบจีน / Eng ใช้วาจิน** เป็นการออกเสียงแบบยุ่น ขอใช้ว่าวาจินนะครับมันอ่านคล่องกว่า แปลความหมายอารมณ์พวกคนญี่ปุ่นโบราณจำพวกซามูไรอะไรงี้ครับ