หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 75
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเขียวและมีอารมณ์หงุดหงิดแต่ฉีเฉาชู่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
น้องสาวเขานั้นเป็นคนที่มีบุคลิกที่โหดร้าย เธอมีลิ้นที่แหลมคมและชอบทิ้งให้เขาโดดเดี่ยวในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เธอมีข้อเสียมากมาย แต่เธอก็เป็นน้องสาวที่สุดยอดของเขา
เขาไม่อยากที่จะต้องต่อว่าเธอ
นี่เป็นสาเหตุที่เขาทำได้แค่เพียงอดกลั้นจนหน้าเขียวและไม่พูดอะไร
แม้ว่าเขาจะถูกเรียกว่าคนรวยที่โง่เขลา แต่โรแลนด์ก็ดูไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะเขาเห็นแสงวูบวาบแปลก ๆ ในดวงตาของหญิงสาว มันแหลมคมเล็กน้อยและดูเหมือนจะวิงวอนเขาราวกับว่าเธอกำลังพูดว่า ถ้าคุณไม่กล้าจ่ายค่าเล่าเรียนตอนนี้และทำให้พี่ชายของฉันผิดหวังฉันจะขาหักนายทิ้งซะ
โรแลนด์มักจะเห็นการแววตาแบบนี้บ่อยครั้งในหมู่เพื่อนของเขา
ในฐานะเพื่อนสนิท บ่อยครั้งที่พวกเขามักจะทำแบบนี้กัน ปล่อยเพื่อนของตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดคนเดียวและกวนบาทากันและกัน ทว่าสิ่งเหล่านี้ล่วนแต่เป็นการที่ปฎิบัติต่อกันเป็นปกติสำหรับเพื่อนสมัยเด็ก หากมีคนภายนอกมาทำแบบเดียวกันกับหนึ่งในพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะตรงไปสอนบทเรียนพวกนั้นแน่นอน
นี่คือเหตุผลที่โรแลนด์ไม่ใส่ใจนัก เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและพูดว่า “งั้นสแกนนะ”
หญิงสาวหยิบสมาร์ทโฟนในเคสสีชมพูอ่อนออกมาก่อนจะเปิด QR code ของตัวเองขึ้นมา
โรแลนด์สแกน QR code นั้น และนามแฝงบนอินเทอร์เน็ตของหญิงสาวก็ขึ้นมาที่โทรศัพท์ของเขา
อวตารของเธอเป็นต้นกล้าที่กำลังเริ่มแตกหน่อ ชื่อบนโลกออนไลน์ของเธอคือ คลื่นยามค่ำคืนกระทบผืนทราย (ซีฉา)
เป็นนามแฝงออนไลน์ที่ดูดีใช้ได้
โรแลนด์กรอกจำนวนเงินลงบนโทรศัพท์ของเขา จากนั้นไม่นาน หญิงสาวที่เห็นการแจ้งเตือนการโอนเงินที่เด้งขึ้นบนโทรศัพท์ของเธอในจำนวนเงินเต็มจำนวน เธอมองโรแลนด์แบบแปลกๆและกล่าวว่า “มากินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันเถอะ”
“ไม่เป็นไรฉันกินข้าวเช้ามาแล้ว”
ก๋วยเตี๋ยวในหม้อมีกลิ่นหอมน่าอร่อยจริงๆ ความอยากอาหารของโรแลนด์ก็เริ่มเพิ่มมากขึ้น แต่เขาก็ไม่ใช่พวกชอบชิม ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเพียงการพบกันครั้งที่สองของพวกเขา พวกเขานั้นยังไม่คุ้นเคยกันนัก คำเชิญชวนของเธอก็แค่เป็นมารยาทเพียงเท่านั้น ถ้าเขารีบพุ่งไปกินก๋วยเตี๋ยวละก็เขาก็คงไม่ต่างอะไรจากคนโง่
อย่างไรก็ตามหญิงสาวกล่าวด้วยความจริงใจว่า “ในเมื่อคุณจ่ายค่าเล่าเรียนคุณก็ควรกินบะหมี่พวกนี้ด้วยกัน”
ฮะ? โรแลนด์ค่อนข้างแปลกใจ ที่นี่ดูแลเกี่ยวกับอาหารของผู้เรียนด้วย?
“การฝึกเหมียวเต๋าของพวกเรานั้นเป็นแบบดั้งเดิมการฝึกนั้นค่อนข้างหนักเลยทีเดียว มันต้องการยิ่งกว่าความแข็งแกร่งของร่างกายและความอดทน ดังนั้นพวกเราจึงเสริมยาจีนซึ่งช่วยบำรุงกำลังและเสริมแกร่งลงไปในอาหารเช้าเพื่อช่วยการไหลเวียนของเลือด” ฉีเฉาชู่อธิบาย “ทว่า ต้องขอโทษด้วยพวกเราไม่สามารถมอบสูตรอาหารที่ใช้ยาจีนนี้ให้นายได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราซึ่งรับหน้าที่ช่วยฝึกนายจะเป็นคนเตรียมอาหารเช้าให้นายเองในอนาคต”
“นี่พึ่งคิดได้หรือว่ามันเป็นแผนธุรกิจที่นายคิดตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการกันเนี่ย?” โรแลนด์ถามอย่างสงสัย
“พวกเราคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว และนักเรียนคนอื่นๆก็จะกินร่วมกับเราเช่นกัน”
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน นักเรียนสี่คนที่กำลังร้อนและชุ่มไปด้วยเหงื่อ ก็เดินมาจากทางสนามฝึกขนาดใหญ่ คนที่เดินนำหน้าคือเด็กหนุ่นที่ผิวไหม้แดดเล็กน้อย เขาตะโกนว่า “พี่สาวเร็วหน่อยช่วยตักบะหมี่ให้ผมที ผมหิวจะแย่แล้ว”
“อย่าพึ่งรีบ เช็ดเหงื่อก่อน” การแสดงออกของซีฉานั้นทั้งอ่อนโยนและใจดีต่อพวกเด็กหนุ่มพวกนั้นต่างจากท่าทีที่เธอแสดงต่อพี่ชายของเธออย่างชัดเจน เห็นได้ชัดราวกับเป็นคนละคน
ในขณะที่เด็กหนุ่มเหล่านี้กำลังเช็ดเหงื่อเด็กสาวก็ตักบะหมี่สี่ชามใหญ่ออกมาวางไว้บนโต๊ะ
จากนั้นฉีเฉาชู่และโรแลนด์ทั้งคู่ก็ได้รับชามมา
หญิงสาวก็มีชามเล็กๆของตัวเอง ภายในหม้อขนาดใหญ่นั้นเหลือเพียงน้ำซุป
เด็กทั้งสี่คนนั่งลงข้างโต๊ะและเริ่มกินบะหมี่
ฉีเฉาชู่ถือชามขนาดใหญ่ของเขาและนั่งลงที่มุมหนึ่ง ในขณะที่เขากินเขาส่งสัญญาณด้วยสายตาให้โรแลนด์รีบกิน
หญิงสาวถือชามของตัวเองและเฝ้าดูเขาอย่างเงียบๆ
โอเค… โรแลนด์ทำตามฉีเฉาชู่เลือกนั่งกินที่มุมหนึ่ง หลังจากเขาตักบะหมี่เข้าปากเขาก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าบะหมี่พวกนี้รสชาติดีทีเดียว
แม้ว่าจะมีรสชาติเป็นยา แต่ก็เข้ากันได้ดีกับก๋วยเตี๋ยว มันอร่อยมาก
หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่แล้วโรแลนด์รู้สึกดีและอบอุ่น เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พวกคุณมีค่าใช้จ่ายมากไหมสำหรับการใช้ยาจีนในการเคี่ยวก๋วยเตี๋ยวในทุกวัน?”
“มันเคยแพงมากๆมาก่อน” ฉีเฉาชู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ในช่วงสิบถึงยี่สิบปีที่ผ่านมาเราได้รับประโยชน์จากฟาร์มปลูกยาสมุนไพรจีนขนาดใหญ่ ตอนนี้ยาสมุนไพรมีราคาถูกลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนผสมของยาที่มีราคาแพงที่สุดตอนนี้ก็กลายเป็นถูกที่สุดแล้ว”
ตอนนี้โรแลนด์ยิ่งอยากรู้มากขึ้น “แล้วในตอนนั้นมันแพงขนาดไหนกัน?”
“ฉันเคยได้ยินมาจากคุณปู่ว่าย้อนกลับไปตอนที่เขายังวัยรุ่นก่อนที่จะมีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้น การกินก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามที่เต็มไปด้วยยาจีนมีค่าใช้จ่ายพอๆกับค่าใช้จ่ายค่าอาหารของคอรบครัวขนาดห้าคนในหกถึงเจ็ดวัน” ฉีเฉาชู่ถอนหายใจอย่างหนักและพูดว่า “ในอดีตมีคำพูดว่าคนจนเรียนเพื่ออ่านและมีเพียงแค่คนรวยเท่านั้นที่จะเรียนศิลปะการต่อสู้มันเป็นเรื่องจริง ปัจจุบันการเป็นอยู่ดีขึ้นมาก ทุกคนสามารถเติมเต็มท้องของตัวเองได้ ทว่าในตอนนี้ผู้คนไม่สนใจที่จะเรียนศิลปะการต่อสู้อีกต่อไปแล้ว สถานะของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ก็ตกต่ำลงไปด้วยเช่นกัน”
โรแลนด์อยากจะบอกว่าตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งสถานะของนักศิลปะการต่อสู้ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทว่าเขาก็ไม่อยากดูโง่โดยการพูดคำเหล่านั้นออกมา
ขณะนี้หญิงสาวทานอาหารเสร็จแล้ว เธอวางชามลงและพูดกับเด็กชายทั้งสี่ว่า “พวกนายล้างชามไปนะ ฉันพาศิษย์น้องของพวกนายไปห้องเก็บของสักหน่อยเพื่อเลือกของสำหรับฝึก”
เด็กทั้งสี่ตอบรับคำพูดของหญิงสาว
ในขณะเดียวกันโรแลนด์ก็ชี้ไปที่ตัวเอง “ฉัน? ศิษย์น้อง?”
“ ใช่นายนั่นแหละ” ฉีเฉาชู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้นายเป็นศิษย์น้องเล็กแล้ว”
“นี่มันยุคไหนแล้ว นั่นมันล้าหลังไปแล้ว” โรแลนด์รู้สึกไม่ชอบใจกับคำเรียกเช่นนี้
อย่างไรก็ตามหญิงสาวที่อยู่ข้างๆกล่าวว่า “คุณคิดว่ามันแปลกหรือเปล่าหากมีคนเรียกกันว่าพี่สาวและน้องชายในมหาลัย”
“ก็คงไม่แปลกอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่แปลกอะไร” หญิงสาวยืนขึ้นและพูดว่า “ตามฉันมา”
“ก็ได้ศิษย์น้องก็ศิษย์น้อง” โรแลนด์ลุกขึ้นยืนและเดินตามหลังหญิงสาวไป
ทั้งสองออกจากห้องครัวที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงแล้วมุ่งหน้าไปทางด้านหลังของโรงเก็บของขนาดใหญ่
โรแลนด์ที่เดินตามหญิงสาวจากทางด้านหลังได้กลิ่นหอมอ่อนๆลอยอยู่ในอากาศ มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายกลิ่นของดอกหอมหมื่นลี้
โรแลนด์นั้นเป็นคนชอบกลิ่นของดอกหมื่นลี้อยู่แล้ว เขาจึงหายใจเข้าลึกๆไปอีกสองถึงสามครั้ง
ในขณะที่หญิงสาวกำลังนำทางอยู่ เธอก็ถามขึ้นมาว่า “ทำไมคุณถึงอยากเรียนทักษะเหมียวเต๋างั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณค่อนข้างเก่งมวยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
โรแลนด์ไม่อาจพูดได้ว่าเขาต้องการเรียนรู้เทคนิคของอาวุธเพื่อป้องกันตัวเองจากนักรบหรือโจรในระยะประชิดภายในเกม เขาครุ่นคิดประมาณสองวิก่อนที่จะตอบว่า “ฉันแค่รู้สึกว่าทักษะมวยนั้นมีขีดจำกัด หากต้องปะทะกับคนที่มีอาวุธ โอกาสชนะมันมีไม่มากนัก”
“พี่ชายของฉันบอกว่าเขาอาจจะไม่สามารถเอาชนะคุณได้ถ้าหากเขาไม่มีอาวุธ นั่นหมายความว่าคนธรรมดาไม่สามารถเอาชนะคุณได้ต่อให้พวกนั้นมีอาวุธก็ตาม”
เธอหยุดก่อนจะหันกลับมามองเข้าไปยังดวงตาของโรแลนด์ “คุณแทบจะไม่มีความจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะเหมียวเต๋าเลยแม้แต่น้อย”
โรแลนด์ยังมองเข้าไปในดวงตาของเธอ นัยน์ตาของเธอสวยงามราวกับอัญมณีแก้วสีดำสนิท
“ศิษย์พี่หญิงดูเหมือนจะไม่อยากให้ฉันเรียนทักษะเหมียวเต๋าเลยนะ”
หญิงสาวสะดุ้งไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็หันกลับมาเริ่มเดินช้าๆอีกครั้งและพูดว่า “ฉันไม่รู้เทคนิคเหมียวเต๋าดังนั้นไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าศิษย์พี่หญิง ฉันแค่กังลว่าคุณจะสนใจมันเพียงชั่วครู่เท่านั้น หลังจากผ่านไปไม่กี่วันความคิดของคุณอาจจะเปลี่ยนไป คุณจะเริ่มคิดว่าค่าเรียนมันแพงเกินไปและไม่อยากจะเรียนมันอีกต่อไป จากนั้นก็จะพยายามขอเงินคืนจากเรา พี่ชายฉันเป็นคนที่ภาคภูมิใจและหยิ่งทระนงในตัวเองสูง แม้ว่าภายนอกเขาจะยิ้มอยู่ตลอด ทว่าจริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวและบอบบาง ในที่สุดก็มีนักเรียนเข้ามาหลังจากเขารอมานาน ถ้าคุณออกไปเขาจะต้องเสียใจมากแน่ๆ”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกฉันจะไม่ออก จนกว่าฉันจะชำนาญมัน” โรแลนด์กล่าวอย่างสบายๆ
“ฉันแค่อยากจะบอกว่าทุกวันนี้วัยรุ่นไม่มากนักที่สามารถอดทนต่อความากลำบากได้” เสียงของหญิงสาวค่อนข้างเบา “ในอดีตมีญาติทั้งสนิทและไม่สนิทกว่ายี่สิบคนมาขอเรียนกับดาบกับพี่ชายของฉัน ทว่าตอนนี้กลับเหลืออยู่แค่สี่คน พวกเขาไม่ยอมเรียนมันด้วยซ้ำถึงแม้ว่ามันจะฟรีก็ตาม”
โรแลนด์ก็ยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า “ฉันก็จะเรียนมันต่อไปอยู่ดี”
หญิงสาวหยุดเดินอีกครั้งและมองมาที่เขา “จริงๆนะ?”
โรแลนด์อยากจะบอกว่าแม้ว่าเขาจะไม่เรียนต่อจริงๆเขาก็คงไม่ขอเงินคืนหรอก ทว่าเมื่อเขาเห็นสายตาของหญิงสาวดูท่าทางจริงจัง ดวงตาของเธอมันทั้งดูดื้อดึงและแข็งกร้าว ทว่ามันก็มีประกายราวกับกำลังขอร้องและอ้อนวอนอยู่ โรแลนด์จึงเลือกกลืนคำพูดทั้งหมดของเขาลงไป
“จริงสิ“
น้ำเสียงของเขายังคงดูสบาย ๆ แต่ก็มีความจริงจังและจริงใจให้เห็น
หญิงสาวมองไปที่โรแลนด์สักพักแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันจะเชื่อคุณ แต่ถ้าคุณหยุดเรียนรู้กลางทางจริงๆฉันจะเกลียดคุณตลอดไป”
******
汐沙 ซีฉา