หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 77
โรแลนด์กลับมายังบ้านหลังจากนั้นก็เริ่มกินมื้อเที่ยงหลังจากนั้นก็งีบไปพักหนึ่งก่อนเปิดกระทู้ขึ้นมาเพื่อดูคนอื่นๆคุยโม้ใส่กัน
ท้ายที่สุดแล้วในบรรดาผู้เล่นกว่า 500,000 คน ก็มีผู้คนอยู่มากมายที่เต็มใจแบ่งปันเคล็ดลับและประสบการณ์ของพวกเขา โรแลนด์เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
เขาค่อยๆอ่านพวกมันอย่างข้าๆ บางคนก็คุยไร้สาระ บ้างก็พูดเกี่ยวกับเงื่อนไขและสภาพของเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ บ้างก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจุดอ่อนของสัตว์ป่า พฤติกรรม และลักษณะอื่นๆของพวกสัตว์ป่าและสัตว์อสูร
โรแลนด์นั่งอ่านมันด้วยความสบายใจ
บรรดาคนที่ใช้เวลาอยู่กับเว็บบอร์ดนั้นมักจะรู้ดีว่าเมื่อพวกเขาพบเจอหัวข้อที่น่าสนใจแล้ว พวกเขาจะสามารถฆ่าเวลาชีวิตได้นานมากในเว็บบอร์ด
ก่อนที่โรแลนด์จะรู้สึกตัว เมื่อเขาเริ่มเหนื่อย เขาก็พบว่ามันเย็นเสียแล้ว
หลังจากกินอาหารเย็นที่แม่เขาเป็นคนทำ เขาก็ไปอาบน้ำ จากนั้นเขาก็ฝึกท่าร่างม้าในห้องของตัวเอง ก่อนจะเริ่มกลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือห้องทดลองเวทย์ที่อยู่ในชั้นที่ห้า เขาตอบคำถามและคลายข้อสงสัยของพวกนักเวทย์ฝึกหัด จากนั้นเมื่อผ่านพ้นช่วงเช้าไปเขาก็กินอาหารมื้อเที่ยงที่วิเวียนเอามาให้ จากนั้นอัลโด้ก็เข้ามาหาเขาที่ห้องวิจัย
วิเวียนซึ่งอยู่ระหว่างถามคำถามกับโรแลนด์ ทว่าเธอก็ยิ้มและออกจากห้องวิจัยไปทันทีที่อัลโด้เข้ามา
อัลโดมองวิเวียนที่กำลังเดินออกไป และถามอย่างสับสนว่า “เจ้ายังไม่ได้แตะต้องตัวเธออีกจริงเหรอ?”
ปากของโรแลนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่อยากถูกจูงจมูกด้วยเรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงถามตรงๆไปว่า “ประธาน อะไรทำให้คุณมาที่นี่ในตอนนี้?”
ทันใดนั้นการแสดงออกของอัลโด้ก็เปลี่ยนเป็นรุนแรง เขากล่าวอย่างช้าๆว่า “คนจากสาขาใหญ่นั้นมาถึงแล้ว พวกนั้นจะมาอยู่ในเมืองภายในอีกชั่วโมงหนึ่ง”
“ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการอยู่แล้วเหรอ?” โรแลนด์หัวเราะออกมา ในที่สุดพวกนั้นก็มาถึงสักที
อัลโดหัวเราะดังๆ “ใช่ในที่สุดข้าก็สามารถหาใครสักคนเพื่อต่อต้านพวกสารเลวจากสำนักงานใหญ่ได้เสียที ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
“คุณควรจะพูดประมาณว่า ‘หวังว่าสำนักงานใหญ่จะไม่ทำให้ฉันผิดหวังไม่ใช่เหรอ?’ ฉันเองก็หวังว่าพวกนั้นจะเป็นเหมือนอย่างที่คุณพูดนะทั้งเจ้ากี้เจ้าการ , ละโมบ และวางตัวเป็นใหญ่” โรแลนด์ปิดหนังสือของเขาลง เขาก้าวหน้าในการผสานความสามารถทางภาษาได้อีกระดับเรียบร้อยแล้ว เขาสามารถใช้ความสามารถทางภาษาและความสามารถทางอักขระพร้อมกันได้แล้ว ทว่ามันก็ยังไม่สมบูรณ์ 100% มีบางประโยคที่เขามักจะได้ยินแปลกๆบ้าง “แล้วคุณวางแผนจะทำอะไรต่อล่ะ?”
“ในการต่อสู้ระหว่างมังกรยักษ์สองตัว เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่กระต่ายน่ารังเกียจที่แสนอ่อนแอต้องแอบไปซ่อมตัวและมองดูจากข้างนอกอย่างเงียบๆ” ประธานอัลโด้หัวเราะออกมา เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าที่เขาแสดงออกออกมามันดูขี้ขลาดขนาดไหน “ดังนั้นจากนี้ข้าจะหายตัวไปสักประมาณสามวันหากมีธุระสำคัญอะไร ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ภายในหอคอยเวทย์ เจ้าสามารถจัดการได้เลยเต็มที่”
“แล้วถ้าฉันหนีไปล่ะ?” โรแลนด์ถามออกมา
“มันไม่สำคัญเท่าไหร่หรอกต่อให้เจ้าขโมยทุกสิ่งภายในหอคอยเวทย์ไปก็ตาม” อัลโด้ยักไหล่ออกมา “ไม่ว่าทรัพยากรหรือเงินสุดท้ายมันก็จะกลับมาอยู่ดี หากเจ้าหนีไปพร้อมเงินจริงๆนั่นยิ่งดีเข้าไปอีก เรื่องต่างๆจะได้ง่ายขึ้น ข้าจะสามารถออกค่าหัวของเจ้าตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่ได้ ด้วยวิธีนี้สุดท้ายเจ้าและสำนักงานใหญ่ก็ต้องสู้กันจนลมหายใจสุดท้ายอยู่ดี”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้โรแลนด์ก็ยิ้ม “ดูเหมือนทุกอย่างจะอยู่ในการคาดการณ์ของคุณหมดเลยนะ”
อัลโด้ยักไหล่ออกมา “อ่าหะ ข้าต้องไปแล้วมันจะสายเกินไปหากข้าไม่ไปตอนนี้”
เมื่อพูดจบอัลโด้ก็ออกจากหอคอยเวทย์ไป
โรแลนด์ยืนอยู่ตรงหน้าต่างของชั้นบนและมองร่างของอัลโด้ที่เริ่มหายไปตามอาคารของเมือง
ถ้าหากสำนักงานใหญ่เป็นอย่างที่อัลโด้พูดจริงๆ สุดท้ายยังไงเขาก็ต้องจบลงที่การปะทะกับสำนักงานใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่เป็นอะไรที่อัลโด้จะใช้เขาเพราะในขณะเดียวกันสิ่งต่างๆของหอคอยเวทย์ต่างก็ตกอยู่ในมือของเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากร , เหรียญทอง หรือหนังสือในห้องสมุด
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นี่นอกเหนือจากเวลาที่ทดลองเวทย์ เขาก็ได้ใช้ระบบถ่ายภาพเพื่อบันทึกหนังสือกว่าครึ่งภายในห้องสมุดเรียบร้อยแล้ว นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของหอคอยเวทย์ ถึงแม้ว่าเขาจะเลิกทำงานกับหอคอยเวทย์แต่สุดท้ายเขาก็จะได้รับสิ่งตอบแทนอยู่ดี
นอกจากนี้เขายังไม่เชื่อใจอัลโด้โดยสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเจรจาแทนที่จะเลือกโจมตีทันที
ไม่จำเป็นต้องรีบตัดตัวเลือกของตัวเองหรอก
หลังจากรออยู่พักหนึ่ง โรแลนด์ก็ลงไปยังชั้นสองจากนั้นก็สั่นกระดิ่งสีทองเพื่อรวมตัวนักเวทย์ฝึกหัด
“ตอนนี้พวกนายได้เรียนพื้นฐานของแขนเวทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าการพัฒนานั้นช้าเกินไปหากจะให้นั่งเรียนอย่างเดียว มันจะดีกว่าหากได้ลองปฎิบัติจริง” โรแลนด์พูดขึ้น “นอกตัวเมืองมีบุตรทองคำสองคนกำลังรวบรวมขอทานอยู่ รวมถึงสร้างบ้านให้พวกนั้น ตอนนี้พวกนายทุกคนให้ออกไปและใช้แขนเวทย์เพื่อช่วยขนย้ายอุปกรณ์และขุดหลุดให้พวกนั้น ยิ่งได้ฝึกใช้มากเท่าไหร่พลังเวทย์ของพวกนายก็ยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้น”
เด็กฝึกหัดเวทย์มนต์มองหน้ากัน พวกเขาไม่เคยได้รับภารกิจเช่นนี้มาก่อน
ในความคิดของพวกเขา ภารกิจของนักเวทย์ควรจะเป็นการวิเคราะห์อุปกรณ์เวทย์หรือช่วยเหลืออะไรบางอย่างซึ่งมีเพียงนักเวทย์เท่านั้นที่สามารถทำได้ อาทิเช่น เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณร้าย หรือการแพร่กระจายของพลังเวทย์ด้านลบ
นับเป็นครั้งแรกที่ผู้ฝึกเวทมนตร์เช่นพวกเขาได้รับคำสั่งให้ไปทำงานก่อสร้าง
เมื่อเห็นข้อสงสัยของพวกนักเวทย์ฝึกหัดโรแลนด์ยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “นี่เป็นคำสั่งของประธาน หากพวกนายมีปัญหาอะไร อย่าต่อว่าฉันถ้าหากฉันจะให้ทำอะไรที่ยุ่งยากหลังจากนี้”
เมื่อได้ยินคำขู่พวกนักเวทย์ฝึกหัดต่างหยุดคำบ่นและคำประท้วงของตัวเองทันที พวกเขาทั้งหมดต่างทำตามคำสั่งของรองประธานอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นโรแลนด์ก็พูดกับวิเวียนว่า “นำทหารยามทั้งหมดไปด้วยและให้พวกนั้นปกป้องพวกเธอซะ“
วิเวียนพูดอย่างสับสนว่า “ถ้าหากไม่มีทหารยามอยู่ที่นี่แล้วใครจะปกป้องหอคอยเวทย์และท่านรองประธานกัน?”
“ที่นี่คือหอคอยเวทย์ จะมีสักกี่คนเชียวที่กล้ามาสร้างปัญหาแก่พวกเรา?” โรแลนด์พูดเสียงเบา “นอกจากนี้ฉันยังเป็นบุตรทองคำ ฉันไม่กลัวต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
“รับทราบค่ะ ข้าจะทำตามคำสั่งของท่ารองประธาน” วิเวียนกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ
หลังจากที่ทุกคนออกจากหอคอยเวทมนตร์โรแลนด์ไปก็เริ่มศึกษาเวทย์ต่อ
เขาจงใจส่งทุกคนออกไปด้วยความกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เขาไม่กลัวที่จะตายก็จริง แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากนักเวทย์จากสำนักงานใหญ่ระบายความโกรธของพวกเขาใส่พวกนักเวทย์ฝึกหัด!
ด้วยพวกเขาจำนวนมาก โรแลนด์ไม่มั่นใจว่าจะสามารถปกป้องทั้งหมดไว้ได้
หลังจากรอที่เขารออยู่ในห้องวิจัย เขาก็ได้ยินเสียงที่พอใจดังมาจากด้านล่างของหอคอยเวทย์ “คนในหอคอยหายไปไหนกันหมด? พวกแม้งไปไหนกัน?
โรแลนด์ยืนขึ้นและเดินลงไปอย่างไม่เร่งรีบ
เมื่อเขามาถึงยังชั้นแรก เขาก็พบเข้ากับผู้เยาว์สองคนยืนอยู่บนพื้นที่มันวาว พวกเขานั้นสวมใส่ผ้าคลุมเวทย์และมีท่าทางที่หยิ่งผยอง
ด้านหลังของพวกเขานั้นมีคนหกคนที่อยู่ในชุดคลุมเวทย์เช่นเดียวกัน พลังจิตของพวกเขานั้นค่อนข้างอ่อนแอ บางทีพวกเขานั้นอาจจะเป็นนักเวทย์ฝึกหัดทั้งหมด
โรแลนด์ยืนอยู่บนบันไดและมองลงไปที่พวกเขา เขาถามคำถามที่เขารู้คำตอบอยู่แล้ว “ขอถามได้ไหมว่าพวกคุณเป็นใครกัน?“
“พวกข้ามาจากสำนักงานใหญ่ ลงมาต้อนรับพวกข้าซะ!”
ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนนักเวทย์ฝึกหัดตะโกนขึ้นมาที่โรแลนด์
สำหรับผู้เยาว์ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสำรวจและจ้องมองโรแลนด์อย่างระมัดระวัง
โรแลนด์มองไปที่เขาอย่างเงียบๆจากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพว่า “ถ้าอย่างนั้นงั้นโปรดตามฉันมา”
การแสดงออกของผู้เยาว์ทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างมาก แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไร พวกเขาทำเพียงแค่มองไปที่โรแลนด์อย่างเงียบ ๆ
นักเวทย์ฝึกหัดที่พูดก่อนหน้านี้พูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าโง่ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกเหรอ? พวกข้านั้นมาจากสำนักงานใหญ่ ท่าทางของเจ้านั่นมันอะไรกัน!”
เป็นพวกเผด็จการเหมือนที่คาดไว้เลย โรแลนด์รู้สึกว่าคำพูดของอัลโด้นั้นฟังดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อยๆ การทำแบบนี้เหมือนเจ้านายและทาส
นักเวทย์ฝึกหัดอีกคนมองไปรอบๆก่อนจะตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เจ้าคนน่ารังเกียจอัลโด้นั่นอยู่ที่ไหนกัน มันควรจะออกมาต้อนรับพวกข้า สิ่งที่เจ้านั้นทำก็เพียงแค่ส่งชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอมาต้องรับพวกเราเนี่ยนะ?! ผู้หญิงอยู่ที่ไหนกัน แล้วงานเลี้ยงต้อนรับล่ะ?”
ผู้เยาว์สองคนที่อยู่ด้านหน้านั่นน่าจะเป็นคนที่มาเพื่อทำงาน ทว่าพวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย ทว่าความเกรี้ยวกราดในดวงตาของพวกเขานั้นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขา…หยิ่งยโสมากกว่าที่เขาคิดไว้อีก และพวกเขาก็เอาแต่ใจอย่างชัดเจน
โรแลนด์รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
การได้ติดต่อกับคนประเภทนี้เป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก
เพราะมันจะค่อนข้างง่ายที่มากที่จะสูญเสียความยับยั้งชั่งใจและพุ่งไปต่อยหน้าพวกแม้ง