หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 82
โรแลนด์ออกจากสโมสรเหมียวเต๋าไปหลังจากฝึกตลอดช่วงเช้า
ก่อนที่เขาจะขี่รถจักรยานสาธารณะกลับไป ฉีเฉาชู่ยืนอยู่ด้านหน้าจักรยานของเขา เขานำบุหรี่ออกมาจากซอง จากนั้นก็ดึงบุหรี่ออกมา ก่อนจะเริ่มจุดมัน จากนั้นเขาก็ถามว่า “นายจะกลับมาตอนบ่ายไหม? การฝึกราวกับการพายเรือทวนน้ำนั้น หากนายไม่ฝึกฝนต่อเนื่องมันจะทำให้นายถดถอย ถ้านายมีเวลาว่าง อยากให้นายกลับมาอีกทีในตอนบ่าย นายอยากฝึกเร็วๆไม่ใช้เหรอ?”
โรแลนด์ส่ายหัว “โทษที ตอนบ่ายฉันมีธุระ”
จากนั้นโรแลนด์ก็ขี่จักรยานออกไป แน่นอนเขามีธุระอื่นในช่วงบ่าย ตอนนี้นั้นมีกลยุทธ์ต่างๆมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆถูกเปิดเผยออกมาในเว็บบอร์ด อาทิเช่น เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของเมือง เงื่อนไขสภาพแวดล้อม และสภาพสังคม และความลับขององค์กรบางอย่างของพวก NPC ข้อมูลพวกนี้มีค่ามากพอที่จะทำให้โรแลนด์สนใจ บางทีเขาอาจจะได้ใช้ข้อมูลพวกนี้ในอนาคต และนอกจากนี้เขายังจำเป็นต้องเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการต่อสู้และประสบการณ์ของพวกอาชีพอื่นๆ
แม้ว่าโรแลนด์จะรู้สึกมาตลอดว่าเกมนี้นั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็น ผู้เล่นไม่สามารถตายได้ และการกระทำบางครั้งของพวกเขาก็ไม่ได้รอบคอบนัก ดังนั้นมันจะกลายเป็นความขัดแย้งในอนาคตอย่างแน่นอน
ถ้าเขาไม่เข้าใจในอาชีพอื่นๆ เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้น เขาจะถูกโจมตีอย่างรุนแรงมากแน่ๆ
หลังจากโรแลนด์ขี่จักรยานออกไปแล้ว ฉีเฉาชู่หันกลับไปและตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าน้องสาวของเขาก็กำลังลากจักรยานออกมาเช่นเดียวกัน
“เธอทำอะไรน่ะ?” ฉีเฉาชู่ถามอย่างสงสัย
ซีฉาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไปซื้อของที่ร้านขายของชำ”
“ไม่ใช่ว่าเธอไปซื้อมาแล้วในตอนเช้าเหรอ?” ฉีเฉาชู่พบว่ามันแปลกๆ
“จู่ๆฉันจะอยากได้อะไรไม่ได้เลยรึไง?” ซีฉากล่าวอย่างไม่พอใจจากนั้นเธอก็ขี่จักรยานออกไป
ฉีเฉาชู่ตะโกนเรียกเธอจากด้านหลังว่า “แล้วเธอจะกลับมาทำอาหารกลางวันตอนกี่โมง?”
ทว่าซีฉาก็ไม่ได้สนใจเขา
ฉีเฉาขู่นั่งลงบนพื้นปูนซีเมนต์ที่สะอาดเรียบร้อย จากนั้นวัยรุ่นทั้งสี่คนเดินเข้ามาหาเขาพร้อมถามอย่างกังวลว่า “พี่ชาย เธอจะไม่เตรียมอาหารกลางวันให้พวกเราเหรอ?”
“ไปกินข้าวที่บ้านตัวเองซะนะวันนี้”
ฉีเฉาชู่พูดออกมาอย่างขมขื่น จากนั้นเขาก็สูบบุหรี่เข้าไปอีกครั้งก่อนจะพ่นควันออกมา
โอ้…แม้ว่าเด็กทั้งสี่จะลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยอมจากไปในที่สุด
ฉีเฉาชู่รออยู่จนเกือบชั่วโมงและเมื่อเห็นว่าน้องสาวของเขายังคงไม่กลับมา เมื่อเขาคิดว่าจะไปสั่งอาหาร เขาก็มองเห็นน้องสาวเขากลับมา ภายในตะกร้าของจักรยานนั้นมีผักอยู่สองชนิดและหนังสืออยู่
ฉีเฉาชู่เดินไปทักเธอและตะโกนออกมาว่า “น้องสาว ในที่สุดเธอก็กลับมาสักที ฉันคิดว่าเธอจะไม่สนใจเสียแล้วว่าฉันจะเป็นหรือตาย”
ในขณะที่เขากำลังพูดเขามองเข้าไปในตะกร้าและพบว่ามีเขียนบนหน้าปกหนังสือว่า “อาหารเช้าชั้นเลิศที่เต็มไปด้วยความรักที่จะทำให้คนรักของคุณเต็มไปด้วยความสุข”
เมื่อฉีเฉาชู่เห็นชื่อปกของหนังสือนั้น เขาก็รู้สึกสับสนทันที…น้องสาวของเขานั้นช่างไร้เดียงสาและตรงไปตรงมา เธอเลือกที่จะจีบเจ้าหมูอ้วนเชี่ยนั่นด้วยตัวของเธอเอง เขารู้สึกอกหักอย่างแท้จริง
เมื่อซีฉาเห็นการจ้องมองของพี่ชายของเธอเธอก็หน้าแดงและจ้องเขากลับไปอย่างดุร้าย
ฉีเฉาชู่แสร้งทำเป็นว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย
หลังจากโรแลนด์กลับบ้านเขาก็เริ่มกินอาหารกลางวันและงีบหลับ จากนั้นในตอนบ่ายจากนั้นเขาก็เริ่มท่องเว็บบอร์ดตามปกติ
เขาเปิดดูเว็บบอร์ดไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงเวลาเข้าเกม
ภายในหอคอยเวทมนตร์หลังจากที่เขาเริ่มศึกษาเวทย์ที่พัฒนาของความสามารถทางภาษาเป็นเวลากว่าสองชั่วโมง เขาก็มึนหัวเล็กน้อยก่อนที่จะยืนขึ้น
ภายนอนหน้าต่างในตอนนี้นั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองนั้นมืดเรียบร้อยแล้ว มีเพียงแค่ตรงบริเวณปราสาทนั้นที่ยังคงสว่างไสว
ดูเหมือนจะมีงานเลี้ยงอยู่ที่นั่น
“บางทีคงเป็นพวกคนจากสำนักงานใหญ่ที่ไปยังคฤหาสน์ของนายกเพื่อพอพักฟรี” โรแลนด์พึมพัมอย่างครุ่นคิด
แน่นอนว่าโรแลนด์นั้นถูก จอห์นนั้นเป็นคนที่จัดงานเลี้ยงที่ปราสาทในตอนนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อต้อนรับบาร์ดและพรรคพวก
เหล่าขุนนางและนักเวทย์ต่างเป็นตัวตนที่ได้รับการยกย่องจากในทุกๆที…ยกเว้นก็เพียงแต่จากผู้เล่น
งานเลี้ยงที่ปราสาทเป็นไปอย่างสนุกสนาน , รื่นรมย์ และฟุ่มเฟือย แก้วนับไม่ถ้วนล้วนแล้วแต่มีค่ามากกว่าพวกจัณฑาลนับสิบเท่า มันถูกใส่ไว้ด้วยไวน์สีแดงและเหลือง เหล่าขุนนางต่างจิบมันด้วยท่าทางที่สง่างาม จากนั้นก็เริ่มคุยโม้โอ้อวดใส่กันและกัน
ในขณะเดียวกันที่ระเบียงชั้นสองจอห์นและบาร์ดกำลังมองเห็นกลุ่มคนที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงการแสดงออกของพวกเขาค่อนข้างจะดูน่าเกรงขาม
จอห์นจิบไวน์ผลไม้และพูดว่า “คนพวกนี้มีตัวตนเป็นขุนนางทว่ากลับไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นขุนนางเลยแม้แต่น้อย ช่างน่าเบื่อเสียจริง”
“อะไรคือจิตวิญญาณของขุนนางกัน?” บาร์ดหัวเราะออกมา
“เหมือนคุณไงมิสเตอร์บาร์ด” จอห์นกล่าวออกมา “ด้วยสถานะของทั้งการเป็นนักเวทย์และขุนนางมีเพียงคนที่มีจิตวิญญาณเช่นนี้ควรจะถูกเรียกว่าขุนนาง ในขณะที่พวกนั้นกลับมีเพียงแค่เปลือกนอก มีจิตวิญญาณที่อ่อนแอ และเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง เลวร้ายเสียยิ่งกว่าสามัญชนเสียอีก”
บาร์ดแกว่งไวน์ในแก้วอย่างเบาๆ “มิสเตอร์จอห์น มาตราฐานของคุณนั้นแน่นหนาเกินไป ข้าคิดว่าพวกนั้นค่อนข้างไม่เลวเลยทีเดียว”
“ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ข้าเองก็สามารถยอมรับในความไร้ความสามารถของพวกนั้นได้เช่นกัน” จอห์นถอนหายใจออกมา “ทว่าหลังจากข้าได้เห็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆแล้วนั้น ข้าก็พบว่าคนพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์ พวกเขานั้นไม่สามารถปกป้องเมืองหรือเป็นกำลังให้ประเทศได้เสียด้วยซ้ำ และตอนนี้พวกนั้นก็ไม่ยอมกระทั่งจ่ายภาษี”
บาร์ดหัวเราะ มีขุนนางไม่มากนักที่ยอมจ่ายภาษี นี่เป็นเรื่องปกติเลยทีเดียว
จากนั้นเขาก็ถามอย่างสงสัยว่า “แล้วอะไรทำให้ความคิดของคุณเปลี่ยนไปกัน?”
ความลังเล ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่าหลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็พูดออกมาอย่างช้าๆว่า “ไม่นานมานี้มีคนสองคนมายังเมืองของพวกเขา หลังจากการสอบสวนเราก็พบว่าพวกนั้นเป็นบุตรทองคำ”
“เดี๋ยวนะบุตรทองคำคืออะไรกัน?” บาร์ดถามด้วยความประหลาดใจ
ดวงตาเบิกกว้างจอห์นจ้องมาที่เขา “คุณไม่รู้แม้กระทั่งว่าบุตรทองคำคืออะไรอย่างงั้นเหรอ?”
บาร์ดส่ายหัวแล้วยิ้ม “มิสเตอร์จอห์นคุณช่วยบอกข้าที่ได้ไหมว่าบุตรทองคำคืออะไร?”
“บุตรทองคำนั้นเป็นมนุษย์ที่เป็นอมตะที่มาจากดาวดวงอื่น” จอห์นหัวเราะออกมาและกล่าวว่า “พวกเขาส่วนมากนั้นมักจะเป็นพวกรักความยุติธรรม…”
บาร์ดประหลาดใจมาก “คุณพูดอะไรกัน? อมตะงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ นั่นน่าจะเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้ยืนยันความถูกต้องสินะ“
จอห์นมองไปที่บาร์ดด้วยสายตาแปลกๆ “เป็นไปไม่ได้ยังไงกัน! ข้าเห็นด้วยตาตัวเองแม้ว่าทั้งสองคนจะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่างกายของพวกเขาก็สามารถปรากฏขึ้นอีกครั้งจากที่โบสถ์แห่งชีวิต ข้าคิดว่ามันค่อนข้างแปลก จริงๆแล้วเมืองหลวงน่าจะรู้เรื่องราวและข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้เร็วกว่า ทำไมพวกคุณถึงไม่รู้เกี่ยวกับพวกบุตรทองคำกันล่ะ?”
บาร์ดยังแอบรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระ ทว่าจอห์นก็ดูเหมือนจะไม่ได้โกหกเขาและเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหกอีกด้วย
“มิสเตอร์จอร์น คุณช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับบุตรทองคำให้ข้างฟังทีได้ไหม?”
หลังจากผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมง จอห์นก็เล่าจบ บาร์ดก็เงียบไปเป็นระยะเวลาหนึ่งและจากนั้นเขาก็กลืนไวน์ผลไม้เข้าไปอย่างกระทันหัน ท่าทางของเขาไม่ได้ดูสง่างามอีกต่อไป แต่กลับดูวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
“หนึ่งในบุตรทองคำมีคนที่ชื่อว่าโรแลนด์ใช่ไหม?”
จอห์นพยักหน้า
บาร์ดตะลึง เขาค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้และดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เมื่อจอห์นเห็นท่าทางของบาร์ดเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้ายังเคยได้ยินข่าวลือมาว่ามีขุนนางบางคนแอบซ่อนศพของเหล่าบุตรทองคำเมื่อพวกเขาตาย ตามข่าวลือบอกว่าบางคนพยายามจะลิ้มรสพวกเขา ดูเหมือนว่ามันจะให้ผลบางอย่างที่วิเศษ”
ดวงตาของบาร์ดแข็งค้าง “วิเศษอย่างไร?”
“พวกเขาอายุน้อยลงหลายปี!”