หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) - ตอนที่ 95
เขาคุยกับทั้งคู่ไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งถึงเวลาประมาณสองทุ่ม จากนั้นเขาก็ขี่จักรยานกลับบ้านไปอย่างช้าๆ
หลังจากที่เขากลับมาแล้วเขาก็เริ่มอาบน้ำ มันยังคงมีเวลาเหลือประมาณชั่วโมงหนึ่งก่อนที่เกมจะเปิดให้บริการ โรแลนด์จึงเปิดเข้าไปดูในฟอรั่มอย่างที่ทำเป็นประจำและพบว่าฟอรั่มที่ก่อนหน้านั้นล่มได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว
ผู้เล่นนั้นยังคงเคืองกันอยู่ แต่มีโพสต์ที่เกี่ยวกับการปลุกปั่นน้อยลงกว่าเดิมมาก และโพสต์ส่วนมากก็เริ่มมีการพูดคุยกันด้วยเหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนนั้นต่างออกมาพูดแทนโรแลนด์
โรแลนด์นั้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเริ่มค้นหาโพสต์ที่เกี่ยวกับกลยุทธ์ต่างๆภายในฟอรั่ม
ในตอนนี้นั้นเขามุ่งเน้นความสนใจไปที่หัวข้อเกี่ยวกับอาชีพย่อยเมื่อถึงเลเวลห้า ในตอนนี้ผู้เล่นส่วนมากที่ไปถึงเลเวลห้านั้นมักจะเป็นสายอาชีพนักรบ
สายอาชีพนี้นั้นเรียบง่ายและหยาบกระด้าง ไม่จำเป็นต้องคิดถึงสิ่งต่างๆมากมาย เพียงแค่เรียนรู้เทคนิคดาบกองทำขั้นพื้นฐานและต่อสู้ พวกเขานั้นมีทั้งพลังชีวิตและความแข็งแกร่งที่มากมาย และถึงแม้ว่าไม่ต้องมีอุปกรณ์ใดๆก็ตามพวกเขาก็สามารถต่อสู้กับพวกมอนส์เตอร์ได้ หากพวกเขามีอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมละก็ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นก็จะยิ่งโหดร้ายจนน่าหัวเราะ
อย่างเช่น ประธานฮวงซึ่งมีเซ็ตอุปกรณ์เวทย์ระดับต่ำและได้เรียนรู้เทคนิคดาบกองทัพพื้นฐานนั้นและด้วยเทคนิคการฟาดฟันอันแสนสะดวกสบาย เขานั้นสามารถโค่นหมีคลั่ง , ก๊อปลิน หรือสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายอื่นๆภายในป่าได้ราวกับพวกนั้นเป็นแค่พืชผัก
มอนสเตอร์พวกนั้นไม่สามารถแม้กระทั้งทำลายเกราะของเขาได้ด้วยซ้ำ ประธานฮวงนั้นอัปโหลดวีดีโอการต่อสู้ของเขาในทุกวัน ซึ่งเขานั้นดูค่อนข้างน่าเชื่อถือในระดับนึงเลยทีเดียว
จัดการมอสเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง และสามารถทำภารกิจได้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่พวกเขานั้นจะสามารถเลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกันแล้ว นักเวทย์นั้นน่าอดสูมาก…ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถเลเวลอัพได้จากการเรียนเวทย์ก็ตาม แต่เวทย์มันเรียนกันง่ายซะที่ไหน?
และยิ่งไปกว่านั้นการเรียนเวทย์ในแต่ละครั้งก็ค่อนข้างอันตราย การทำผิดพลาดในแต่ละครั้งนั้นหมายถึงการฆ่าตัวตายด้วยการหัวระเบิด
ในปัจจุบันนั้นเลเวลโดยเฉลี่ยของนักเวทย์นั้นคือเลเวลสอง โรแลนด์นั้นน่าจะเป็นคนที่มีเลเวลสูงที่สุดในตอนนี้ และหลักจากที่เขาทำภารกิจหลักของดันเจี้ยนได้สำเร็จในตอนนี้นั้นเขาก็เกือบจะเลื่อนขั้นเป็นเลเวลห้าเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าจะไม่มีแผนกลยุทธ์สำหรับนักเวทย์เกี่ยวกับคลาสย่อยที่จะได้รับตอนเลเวลห้า เขานั้นก็ยังคงพยายามหาข้อมูลของอาชีพอื่นและนำแนวคิดของพวกเขานั้นมาปรับใช้กับของตัวเอง
หลังจากอ่านไปได้สักพักหนึ่ง โรแลนด์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขานั้นต้องโพสต์เกี่ยวกับเวทย์ที่พัฒนาแล้วของความสามารถทางภาษาลงบนฟอรั่มและ @ ฝ่ายข้อมูล และอธิบายความสงสัยของเขาไปและขอให้ทางนั้นช่วยตรวจสอบให้ เขานั้นต้องการผสานความสามารถทางภาษาและความสามารถทางอักขระ ทว่าเขานั้นกลับเหลืออีกหนึ่งก้าวเสมอก่อนที่จะสำเร็จ และตอนนี้เขานั้นไม่สามารถหาจุดที่ทำให้มันสำเร็จได้
หลังจากโพสต์รูปแบบเวทย์ไปแล้ว โรแลนด์นั้นก็มองไปที่เวลา เขาพบว่าตอนนี้มันเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปใส่ชุดนอนและนอนลงไปในแคปซูลเสมือนจริง
ไม่นานนัก โลกสีเทาก็เริ่มสว่างไสวและเวลาที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ก็เริ่มไหลเวียนขึ้นอีกครั้ง
โรแลนด์ออกไปนอกเมืองและพบเข้ากับฮอร์กที่กำลังยืนสั่งงานเหล่าขอทานอยู่
ในไซต์ก่อสร้างนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายปละเกือบทุกคนนั้นกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้นและเต็มไปด้วยเสียงตะโกน นอกจากนี้มันยังมีแขนสีฟ้าจำนวนมากลอยอยู่และคอยยกของหรือวัสดุที่มีน้ำหนักมาก
โรแลนด์นนั้นพบว่าจำนวนของคนงานนั้นมากขึ้นเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าการทำงานของพวกนายจะราบลื่นดีนะ…” โรแลนด์หัวเราะออกมา
ฮอร์กมองไปที่บ้านหนึ่งชั้นที่ถูกสร้างไว้กว่าสิบหลังด้วยรอยยิ้มและความยินดี “มันเริ่มมาถูกทางแล้ว แต่ว่าตอนนี้มีคนมากขึ้น ดังนั้นเลยต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้น และในตอนนี้พวกเรานั้นไม่มีแหล่งอาหารที่มั่นคง…ดังนั้น เหรียญทองของนายอยู่ไหนงั้นเหรอ?”
“เอ๊านี่แปดเหรียญทอง” โรแลนด์นั้นเอาพวกมันออกมาจากกระเป๋ามิติและยื่นมันให้กับฮอร์ก
ฮอร์กเหลือบมองเล็กน้อยและเก็บเหรียญทองทั้งแปดเหรียญนั้นลงกระเป๋ามิติ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ถ้าวันนี้เวลาภายในเกมหมดลง เดี๋ยวฉันจะโอนเงินให้ไปทางฟอรั่มในราคาตลาดเหมือนเดิมนะ”
โรแลนด์นั้นมีความสุขขึ้นมาทันทีเมื่อจะมีเงินกว่าแสนเหรียญสาวอ่อนเข้ามาในบัญชีของเขา
มีเพียงคนที่มีเงินเท่านั้นที่จะสามารถมีความมั่นใจได้และสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย
โรแลนด์ซึ่งกำลังมีความยินดีอยู่นั้นก็พูดต่อไปว่า “มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันต้องการในครั้งนี้”
“พูดออกมาได้เลยฉันจะช่วยนายอย่างแน่นอนถ้าฉันสามารถทำได้”
“ช่วยจับตาดูลูกชายของนายก ‘จอห์น’ ให้ฉันหน่อย”
มือของฮอร์กนั้นสั่นไปชั่วขณะ ฮอร์กหันกลับมามองโรแลนด์แล้วถามด้วยเสียงต่ำว่า “มีเบาะแสว่าเป็นหมอนั่นงั้นเหรอ?”
“อย่างน้อยก็ห้าสิบเปอร์เซ็นต์” โรแลนด์พูดเสียงเบาลงและพูดว่า “ในตอนแรกนั้นฉันไม่ได้สงสัยเขา ทว่าเขานั้นกลับทำเรื่องเล็กๆไว้เยอะมาก”
“เข้าใจแล้ว” ฮอร์กพยักหน้าตอบรับ “เดี๋ยวฉันจะส่งขอทานที่มีไหวพริบไปที่ถนนหลักแล้วคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของจอห์นทุกการกระทำ”
“โทษทีที่รบกวน”
“ไม่เป็นไร มันเป็นความคิดของนายอยู่แล้วที่จะรวบรวมพวกขอทานเพื่อให้เป็นผู้ช่วย ฉันน่าจะเป็นคนต้องขอบคุณนายมากกว่า” ฮอร์กมองไปบนท้องฟ้าจากนั้นใบหน้าของเขานั้นก็เต็มไปมืดมน “จอห์นนั้นเป็นลูกชายของนายก ถ้าเกิดว่าเป็นหมอนั่นจริงๆพวกเราจะทำยังไงกันดี?”
“พวกเราควรจะทำอะไรงั้นเหรอ? ก็วิ่งเข้าไปหาหมอนั่นอย่างบ้าคลั่งโดยตรงและจัดการจนกว่าหมอนั่นจะตาย” จำนวนกระดูกมากมายในถ้ำทำให้โรแลนด์นั้นรู้สึกไม่สบายใจจนกระทั่งถึงตอนนี้ “ฆาตรกรตัวจริงนั้นไม่สมควรได้รับโอกาสให้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้”
“นายกของเมืองนี้นั้นต่างจากขุนนางที่ฉันเคยจัดการก่อนหน้านี้ เมื่อกองทัพของพวกเขากลับมาเมื่อไหร่ พวกเขานั้นน่าจะมีทหารมากกว่าพันคน”
“ฉันก็ยังคงจะฆ่าเขาอยู่ดี หลักจากนั้นพวกเราก็แค่หนีออกจากเมืองไปก็พอ”
ฮอร์กยิ้มขึ้นมา “นับฉันรวมเข้าไปด้วย”
โรแลนด์ส่ายหัวออกมา “ไม่เป็นหรอก นี่มันเป็นภารกิจของฉัน”
ฮอร์กนั้นมีท่าทีขมขื่นไปเล็กน้อย “นายไม่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนงั้นเหรอ?”
“แค่คนที่ร่วมมือกัน ยังไม่ใช่เพื่อน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้การแสดงออกของฮอว์กก็บิดเบี้ยวไม่ใช่ด้วยความขุ่นเคือง ทว่าเป็นความผิดหวังด้วยความน้อยใจ
เมื่อเห็นท่าทางของฮอร์กโรแลนด์ก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “ล้อเล่นน่าแต่นายไม่ควรทำตัวบุ่มบ่ามแบบนั้นอีกแล้ว”
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้นล่ะ”
“เบทต้าและฉันนั้นต่างไม่มีอะไรให้กังวล พวกเราสามารถจากไปได้ทันทีหลังจากฆ่าเสร็จ ถ้าหากนายกนั่นมีอำนาจที่สูงส่งมากละก็ บางทีเขาอาจจะสามารถตามล่าพวกเราไปรอบโลกนี้ได้ และถึงแม้ว่าพวกฉันจะถูกฆ่า ถึงยังไงพวกเรานั้นก็สามารถคืนชีพขึ้นมาได้อยู่ดี” โรแลนด์ตบไหล่ของฮอร์กพร้อมอธิบายออกมา “แต่นายนั้นต่างออกไป ตอนนี้นายเป็นผู้นำของกลุ่มเล็กๆแล้ว ถ้าหากนายเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้และนายกนั้นมาก่อนกวนนาย นายก็สามารถคคืนชีพและหนีไปได้ ทว่าเหล่าขอทานที่พึ่งค้นพบหนทางในชีวิตแบบใหม่ล่ะ หรือถ้าจะให้พูดอีกอย่างก็คือพวกคนธรรมดาเหล่านั้นจะทำยังไง? พวกเขานั้นไม่สามารถคืนชีพกลับมาใหม่ได้”
ฮอร์กลูบหน้าตัวเองและพูดด้วยความเสียใจว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ถ้างั้นฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงพวกนายให้มากที่สุดก็แล้วกัน”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น”
หลังจากนั้นไม่นานนัก โรแลนด์ก็เรียกวิเวียนและนักเวทย์ฝึกหัดคนอื่นๆพร้อมกล่าวว่า “พวกนายสามารถกลับไปหอคอยเวทย์ได้แล้วในตอนนี้ ทว่าส่วนตัวฉันหวังว่าพวกนายจะกลับมาช่วยที่นี่หากมีเวลาว่าง พวกนายนั้นสามารถได้ทั้งเงินทั้งยังได้ฝึกฝนเวทย์อีกด้วย ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
เหล่านักเวทย์ฝึกหัดนั้นต่างเชื่อฟังคำแนะนำของโรแลนด์
โรแลนด์และพวกของเขาอีกสองคนนั้นทำให้บาร์ดตกใจกลัวเป็นอย่างมากในเมื่อวานนี้ โรแลนด์คิดว่าบาร์ดนั้นไม่น่าจะกล้าก่อปัญหาไปอีกสักพัก ดังนั้นเหล่านักเวทย์ฝึกหัดก็ควรจะกลับไปและเริ่มใช้ชีวิตตามปกติและเริ่มศึกษาเวทย์ต่อเสียที
เมื่อโรแลนด์กลับมายังหอคอยเวทย์พร้อมกับเหล่านักเวทย์ฝึกหัด เขาก็พบว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งรอเขาอยู่ที่หน้าหอคอยเรียบร้อยแล้ว
บาร์ดในชุดคลุมเวทย์สีเทา เดินมาข้างหน้าเพื่อเข้ามาหาโรแลนด์พร้อมรอยยิ้มแห้งๆ “มิสเตอร์โรแลนด์ เรามาเริ่มการอธิบายเวทย์ที่คุณเป็นเจ้าของกันเถอะ”
โรแลนด์เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ “คุณยินดีที่จะทำการตรวจสอบเวทย์จริงๆงั้นเหรอ? ฉันคิดว่าพวกนายต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำมันเสียอีก”
บาร์ดดูไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขาก็เลือกที่จะยิ้มออกมาด้วยความยากลำบาก “เป็นไปได้ยังไงกัน! พวกข้านั้นมักจะทำสิ่งต่างๆอย่างตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพเสมอ”
“อย่างงั้นเหรอ” โรแลนด์ยิ้มออกมาอย่างปลอมเปลือก
ขุนนางหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและตั้งใจจะก้าวออกไปเพื่อต่อว่าโรแลนด์ ทว่าเมื่อเขามองไปที่เพื่อนของตัวเองเขาก็อดกลั้นการกระทำนั้นไว้