หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 24 สมบัติล้ำค่าของตระกูลกู้
“พี่สะใภ้กำลังจะไปที่ใดกันหรือ” มู่หรงอวี้เอ่ยถาม
พระชายาฝูเอ่ยตอบ “ได้ยินมาว่าจวนน้องหกนั้นทิวทัศน์งดงาม ข้าจึงอยากเดินเยี่ยมชมสักหน่อย”
มู่หรงอวี้พยักหน้าแล้วพูด “หมิงเยียนต้อนรับได้ไม่ดี พี่สะใภ้โปรดประทานอภัย” เมื่อเอ่ยจบก็หันไปมองคนสามคนที่อยู่ด้านข้าง “ข้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับพระชายาสักหน่อย ต้องขอละเลยองค์ชายทั้งสองแล้ว เชิญทั้งสองร่วมดื่มน้ำชาที่ศาลาใหญ่ก่อนดีหรือไม่”
เกอซูฮั่นกวาดตามองไปรอบๆ พูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินมาว่าสวนในจวนกงอ๋องนั้นทิวทัศน์งดงาม ข้าเองก็อยากจะเดินชมบ้าง ไม่ทราบว่ากงอ๋องจะว่าอย่างไร”
“คือ…” มู่หรงอวี้ขมวดคิ้ว ตอนนี้ในเรือนมีสตรีมากมาย อีกทั้งยังมีหญิงสาวจำนวนมากที่ยังไม่ออกเรือน ทว่ากลับหาเหตุผลมาใช้เป็นข้ออ้างห้ามปรามชายหนุ่มไม่ได้ ยิ่งเมื่อมองรอยยิ้มของเกอซูฮั่นก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด มู่หรงอวี้พลันรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับหรงเหยี่ยนแล้ว คนผู้นี้ไม่ควรทำให้ขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง
ผ่านไปสักพัก มู่หรงอวี้ก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งพลางยิ้มบางๆ “เช่นนี้แล้ว เลี่ยอ๋องและตวนอ๋องไม่สู้ไปเดินชมสวนด้านนอกด้วยกันดีหรือไม่” ในเรือนนั้นมีสวนอยู่สองที่ ด้านนอกและด้านใน แม้จะเชื่อมต่อกันทว่ากลับแยกกันอย่างชัดเจน มู่หรงอวี้เอ่ยเช่นนี้แล้ว หากเกอซูฮั่นยังรู้มารยาทอยู่บ้างก็คงไม่ดึงดันเข้าไปในสวนที่อยู่ด้านในแล้ว
เกอซูฮั่นไม่เพียงไม่ดึงดัน ซ้ำยังพยักหน้าตอบรับอย่างง่ายดาย “เช่นนี้ก็ดี”
มู่หรงซีที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดพลันเอ่ยขึ้น “น้องหก ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหนูสี่ตระกูลมู่”
เมื่อคำนั้นถูกพูดออกมา สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องไปยังมู่ชิงอี มู่หรงอวี้ขมวดคิ้วมองไปยังมู่ชิงอีที่ยืนอยู่ด้านหลังพระชายาฝู “พี่รองรู้จักกับคุณหนูสี่ตระกูลมู่ด้วยเช่นนั้นหรือ”
มู่หรงซีไม่ปิดบังแม้แต่น้อย เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม “นับว่าเป็นญาติผู้น้อง” มู่หรงซีและมู่ชิงอีนั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ทางสายเลือด แต่มู่หรงซีเป็นลูกพี่ลูกน้องชายของกู้อวิ๋นเกอ ส่วนกู้อวิ๋นเกอนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องหญิงของมู่ชิงอี ดังนั้นหากมู่ชิงอีจะเรียกมู่หรงซีว่าพี่ชาย ก็ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกต้อง เพียงแต่มู่หรงซีพูดจาเปิดเผยเช่นนี้ ราวกับไม่สนใจท่าทีหลบหลีกที่ตนเคยมีต่อตระกูลกู้ ทำให้คิ้วของมู่หรงอวี้ขมวดแน่น หันไปมองสำรวจใบหน้างดงามภายใต้ท่าทางสงบนิ่งของมู่ชิงอีอีกครั้ง จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูด “ในเมื่อพี่รองมีเรื่องต้องคุยกับนาง เช่นนั้นก็เชิญพี่รองตามสบายพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงซีพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้มู่ชิงอี “ชิงอี ตามข้ามาเถิด”
มู่หรงซีนั้นเคยเป็นชายรูปงามที่โด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตอนนี้พึ่งจะมีอายุเพียงยี่สิบเจ็ดปี ทว่ากลับมีประสบการณ์ที่ผู้คนบนโลกนั้นไม่มีทางได้สัมผัส แม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นที่หน่ายหนีของฮ่องเต้แคว้นหวา ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเขายังเพียงพอให้หญิงสาวต้องเหลียวมอง เมื่อเขาพูดเช่นนี้ สายตาอิจฉาริษยามากมายก็พุ่งตรงมาที่มู่ชิงอี
มู่ชิงอีกลับไม่สนใจ พยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย “เพคะ ผิงอ๋อง” มู่หรงซีเคยเป็นองค์รัชทายาท แม้ตอนนี้เขาถูกปลดแล้วต่ก็ยังเป็นเชื้อพระวงศ์ หากมู่ชิงอีแอบมาเจอกับเขาอาจจะถูกผู้คนนินทาได้ สู้เจอกันแบบเปิดเผยจะดีกว่า
มองมู่ชิงอีเดินออกไปพร้อมกับมู่หรงซี เกอซูฮั่นที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยกมือขึ้นลูบปลายคางด้วยท่าทางครุ่นคิด “หญิงผู้นี้เป็นลูกพี่ลูกน้องหญิงของกู้อวิ๋นเกอ หญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นหวาหรอกหรือ”
ด้านข้าง มู่หรงอวี้ใบหน้าพลันมืดมน เดิมทีคนในเมืองหลวงต่างก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงกู้อวิ๋นเกอต่อหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าเกอซูฮั่นไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด
หรงเหยี่ยนเองก็หัวเราะออกมา “แม้จะไม่เคยเห็นคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้ แต่เกรงว่าความงามของคุณหนูสี่ตระกูลมู่ผู้นี้ คงไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้กระมัง”
มู่หรงอวี้ดวงตาทะมึน เอ่ยเสียงเข้ม “เป็นคุณหนูสี่แห่งจวนซู่เฉิงโหว”
มุมหนึ่งของสวนเรือนกงอ๋อง มู่หรงซีมองหญิงงามตรงหน้าพลางถอนหายใจเบาๆ นี่คือเด็กสาวที่คอยติดตามอยู่ข้างๆ ลูกพี่ลูกน้องหญิงของตน ตอนนี้เติบโตเป็นหญิงงามมีเสน่ห์แล้ว แต่ว่ารูปร่างหน้าตาเช่นนี้…สำหรับนางแล้วไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย หลายปีมานี้สถานการณ์ขึ้นๆ ลงๆ เรื่องบางเรื่องตนเข้าใจดีกว่าใครทั้งนั้น ไม่อย่างนั้น สถานการณ์เลวร้ายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คงทำให้ชายที่เกิดมาสูงส่งเฉกเช่นเขาผู้นี้จบสิ้นไปนานแล้ว
“พี่ชาย…” ทั้งสองนั่งลงมองหน้ากันอย่างเนิ่นนานโดยไม่ปริปากพูดสิ่งใด สุดท้ายเป็นมู่ชิงอีเอ่ยปากเรียก
มู่หรงซีดวงตาไหววูบ มองสาวน้อยที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับลูกพี่ลูกน้องหญิงของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ช่างเถิด เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายก็ไม่ผิด เจ้ายังอยู่อย่างสบายดี แต่หากมีสิ่งใดจัดการได้ยากก็มาหาข้าได้ที่จวนผิงอ๋อง แม้ข้าจะไม่มีอำนาจแล้ว แต่ช่วยเหลือเจ้าเล็กๆ น้อยๆ ยังคงพอทำได้บ้าง”
มู่ชิงอีมองเขาเนิ่นนาน ก่อนที่จะถามออกมา “พี่ชาย…ท่านรู้ว่าพี่ใหญ่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
มู่หรงซีนิ่งเงียบ เพียงมองสีหน้าของเขา มู่ชิงอีก็รู้คำตอบแล้วว่ามู่หรงซีนั้นรู้ นางจับเข่าทั้งสองข้างแน่น พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ถามพี่ชายออกไปว่าเหตุใดถึงไม่ช่วยพี่ใหญ่ แต่นางก็เข้าใจดี ตอนนี้พี่ชายกำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายในทุกย่างก้าว ตราบใดที่เหล่าองค์ชายยังสนใจในตำแหน่งองค์รัชทายาท แน่นอนว่าต้องหวังให้โอรสขององค์รัชทายาทที่เกิดจากพระชายาเอกนั้นจากไปถึงจะเป็นการดี ยิ่งไปกว่านั้น ในยามนี้อำนาจของจวนผิงอ๋องนั้นเทียบกับจวนกงอ๋องและจวนหนิงอ๋องไม่ได้เลย หากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ สุดท้ายคนที่ลำบากก็จะกลายเป็นพี่ใหญ่
แต่นางจะทนได้เยี่ยงไร…พี่ใหญ่ของนาง พี่ใหญ่ที่นางภาคภูมิใจ ถูกมู่หรงอานกักขังอยู่ในจวน อ้อนวอนขอชีวิตหรือความตายยังไม่ได้
มู่หรงซีหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด ตนยังจำได้ดี คำพูดสุดท้ายที่ลูกพี่ลูกน้องชายเอ่ยบอกหลังจากที่เจอกันครั้งสุดท้าย…บอกว่าไม่ต้องช่วยเขา ดูแลอวิ๋นเกอให้ดี แต่ตนกลับทำไม่สำเร็จ ในคืนที่อวิ๋นเกอถูกทำร้าย คนของจวนอ๋องมาขัดขวางเขา เมื่อเขาไปถึง หอนางโลมชุ่ยหงก็กลายเป็นทะเลเพลิงแล้ว
เสด็จพ่อ หากท่านต้องการกำจัดตระกูลกู้ให้สิ้นซาก เหตุใดท่านถึงไม่ฆ่าลูกไปพร้อมกันเลยเล่า…
“พี่ชาย ขอโทษ…” มู่ชิงอีเอ่ยเสียงเบา ความจริงเมื่อเกิดเรื่องราวพวกนี้ขึ้น พี่ชายอาจจะเจ็บปวดกว่าพวกนางก็ได้ นางจะโทษพี่ชายเรื่องช่วยเหลือพี่ใหญ่ได้อย่างไร
มู่หรงซียิ้มขมขื่นพลางส่ายหน้า มองมู่ชิงอีและเลิกคิ้วถาม “ไม่เจอกันหลายปี เจ้าเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนยิ่งนัก”
มู่ชิงอีก้มหน้า พูดเสียงทุ้มต่ำ “พี่ชาย หม่อมฉันจะช่วยพี่ใหญ่ออกมา โปรดช่วยหม่อมฉัน…”
มู่หรงซีตกใจ มองสำรวจมู่ชิงอีอีกครั้ง สบตากับสายตามุ่งมั่นของนาง มู่หรงซีเห็นได้ว่านางจริงจัง สายตามุ่งมั่นแบบนี้เขาเคยเห็นในแววตาของหญิงสาวอีกคน เมื่อใดที่นางใช้สายตาเช่นนี้เอ่ยออกมา นั่นหมายถึงนางได้ตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดของนางได้
“มีความมั่นใจหรือไม่ อย่าลืมล่ะ หากผิดพลาด…ราคาที่ต้องจ่ายนั้นถึงชีวิต” มู่หรงซีเอ่ยเสียงเข้ม จ้องมองไปยังดวงตาของมู่ชิงอีด้วยท่าทางเคร่งขรึมและระแวดระวัง มู่ชิงอียิ้มบางๆ มองมู่หรงซี “เมื่อสองวันก่อนหม่อมฉันไปเจอพี่ใหญ่ที่จวนหนิงอ๋องมา เขากำลังอดอาหารเพื่อทรมานตัวเอง…ใกล้จะสิ้นใจเต็มทีแล้วเพคะ”