หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 61 ความจริงใจขององค์ชายเก้า (3)
รอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าของหรงจิ่นพลันจางหายทันที ขบริมฝีปากเล็กน้อยพลางมองไปที่มู่ชิงอีแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า คำกล่าวของชิงชิงเมื่อครู่นี้ หมายถึงข้าเช่นนั้นหรือ
มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขาแล้วยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร หรงจิ่นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
หากหญิงสาวโง่เขลาจนเกินไปก็ยากที่จะทนมองและเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ชายหนุ่มจะทนหญิงสาวที่เฉลียวฉลาดเกินไปได้เช่นไร ไม่ง่ายที่จะปิดบังความลับใด
เฝิงอิ๋ง เจ้าออกไปก่อน
เจ้าค่ะคุณหนู เฝิงอิ๋งชำเลืองมองชายหนุ่มชุดดำที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะหนังสือ
ใบหน้าที่หล่อเหลาและเครื่องแต่งกายที่งดงามนั้นแตกต่างไปจากเครื่องแต่งกายของบุรุษแคว้นหวาอย่างสิ้นเชิง มีเพียงคนเดียวในเมืองหลวงที่สามารถบุกเข้าไปในจวนของคนแคว้นเย่ว์ได้ก็คือองค์ชายเก้า หรงจิ่น
มองดูเฝิงอิ๋งถอยออกไปนอกประตู หรงจิ่นก็หย่อนตัวนั่งลงบนแขนเก้าอี้ของมู่ชิงอีอย่างไร้มารยาทด้วยท่าทางกะล่อน ชิงชิงช่างโหดร้ายยิ่งนัก หลังจากกลับมาจากวัดเป้ากั๋ว เจ้าไม่เขียนจดหมายถึงข้าเลย เป็นเพราะว่าเจ้าตกหลุมรักเกอซูฮั่นจริงๆ เช่นนั้นหรือ
มู่ชิงอีกลอกตาอย่างหงุดหงิด ตีมือข้างหนึ่งของหรงจิ่นที่กำลังยื่นมาจับคางของนางแล้วกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ควรเกี่ยวข้องกับองค์ชายเก้านี่เพคะ องค์ชายเก้ามาที่จวนซู่เฉิงโหวในตอนกลางวันแสกๆ เช่นนี้เพื่อบอกหม่อมฉันว่าท่านหึงหวง?
หึงหวง? ยิ่งไม่ให้เข้าใกล้เท่าไร หรงจิ่นก็เต็มใจที่จะยึดติดกับคนข้างกายมากขึ้น หากไม่ให้เขาแตะต้อง เขาก็จะยิ่งแตะต้อง เอนร่างกายตัวเองครึ่งหนึ่งแนบไปกับตัวของมู่ชิงอีโดยตรง เมื่อมู่ชิงอีก้มศีรษะลงก็ได้กลิ่นหอมจางๆ ดูเหมือนว่าเครื่องหอมโยวหันขององค์ชายเก้าจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเพคะ
หรงจิ่นก็พอใจอย่างเห็นได้ชัด ขอบคุณชิงชิง ข้าผู้นี้มาเพื่อขอบคุณเจ้าเป็นการส่วนตัว ในช่วงสองสามวันมานี้ ที่นี่มีแต่แมลงหวี่แมลงวันบินไปทุกหนทุกแห่ง กว่าข้าผู้นี้จะเข้ามาได้ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเลย นี่จริงใจพอหรือไม่
มู่ชิงอีขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องไปที่หรงจิ่นแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา องค์ชายเก้า ชิงอีไม่ชอบให้คนมาวนเวียนอยู่ข้างกายเพคะ หลังจากเผชิญหน้ากันหลายครั้ง มู่ชิงอีก็เข้าใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงหรงจิ่นโดยแสร้งทำเป็นคนบ้าและโง่เขลาได้ แต่การหยอกเย้าและการแสดงที่ไร้ความหมายนั้นทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดและเบื่อหน่าย
หรงจิ่นมองไปที่มู่ชิงอีอย่างตั้งใจ หลังจากนั้นไม่นานรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป ใบหน้าของหรงจิ่นหล่อเหลางดงามเป็นอย่างมาก เวลาที่เขายิ้มก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น นับว่าเป็นอาหารตาที่ดี แต่องค์ชายที่ดูสง่างามขี้เล่นผู้นี้ เมื่อเขาไม่ยิ้มแล้ว รัศมีของผู้ปกครองก็เผยออกมาโดยธรรมชาติ ใบหน้าที่หล่อเหลาก็ไม่ใช่เพียงเสน่ห์เย้ายวนอีกต่อไป แต่เป็นความรู้สึกกดดันที่ทำให้ผู้คนใจสั่นหวั่นสะพรึง
เมื่อมองไปที่มู่ชิงอี หรงจิ่นก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ยืนขึ้นและเดินไปยังที่ที่ไม่ไกลจากมู่ชิงอีแล้วนั่งลง จากนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ชิงชิงต้องการให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่
มู่ชิงอีมองกลับแล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า หม่อมฉันจะบังอาจรับความช่วยเหลือขององค์ชายเก้าได้เช่นไร มันเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ก็เท่านั้น แม้หรงจิ่นจะแสดงความสนิทสนมขนาดไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันมาก่อน หากไม่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เกิดขึ้น คนอย่างหรงจิ่นจะยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างไร แต่มู่ชิงอีก็ไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ ความสัมพันธ์ในเชิงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทำให้นางรู้สึกสบายใจมากกว่าเรื่องมิตรภาพที่หรงจิ่นชอบกล่าวถึงบ่อยๆ
ดวงตาของหรงจิ่นหม่นลงเล็กน้อย เขาเอียงศีรษะมองไปที่มู่ชิงอีแล้วกล่าวว่า ชิงชิงพอจะมีสิ่งใดให้ข้าแลกเปลี่ยนอีกได้บ้าง
มู่ชิงอีกล่าวอย่างสงบด้วยรอยยิ้มว่า หากไม่มี องค์ชายเก้าจะมาอยู่ที่นี่ในยามนี้ได้เช่นไรเล่าเพคะ หากหรงจิ่นช่วยนางโดยไม่มีเหตุผลจริงๆ ไม่ต้องเอ่ยถึงตัวนาง เกรงว่าขนาดหรงจิ่นเองก็คงไม่เชื่อ
หรงจิ่นถอนหายใจเล็กน้อยและมองไปยังหญิงสาวงดงามที่นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า ใช่ ข้าต้องการทำข้อตกลงกับชิงอี แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าชิงอีต้องการทำสิ่งใด แต่ข้าเห็นว่าดวงตาของชิงชิงนั้น…เต็มไปด้วยความเกลียดชัง หรงจิ่นที่ตอนแรกอยู่ห่างจากมู่ชิงอีเพียงไม่กี่ก้าว แต่ชั่วพริบตาเดียวก็เข้ามาประชิดตัวมู่ชิงอีแล้ว เขายกมือขึ้นและสัมผัสดวงตาเรียวงามที่กำลังเคลื่อนไหวคู่นั้น กล่าวอย่างนุ่มนวลว่า ชิงชิงเกลียดจวนซู่เฉิงโหวเช่นนั้นหรือ บางที…ยังมีมู่หรงอวี้และมู่หรงอานด้วยใช่หรือไม่ แต่ไม่ว่าชิงชิงจะเกลียดชังผู้ใดก็ตาม ข้าผู้นี้ยินดีที่จะช่วยชิงชิงแก้แค้น
มู่ชิงอียกมือขึ้นจับมือของหรงจิ่น พลันประหลาดใจกับความสามารถของเขา ความสามารถของหรงจิ่นในการหลบหูหลบตาผู้คนจำนวนมากนี้ อีกทั้งยังลอบเข้ามาในจวนซู่เฉิงโหวซ้ำแล้วซ้ำได้อีก แสดงให้เห็นว่าวิทยายุทธของเขาไม่ได้อ่อนแอเลย นอกจากนี้เมื่อครู่ นางก็เห็นการเคลื่อนไหวของหรงจิ่นอย่างไม่ชัดเจนก่อนที่เขาจะมาถึงตัวนาง มู่ชิงอีไม่ใช่หญิงสาวที่ความรู้ประสบการณ์ตื้นเขิน นางได้เห็นยอดฝีมือมากมายในใต้หล้านี้มาแล้ว ความสามารถของหรงจิ่นถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว
หลายวันมานี้ มู่ชิงอีให้คนสืบหาข่าวเกี่ยวกับตัวตนของหรงจิ่น แม้ชื่อเสียงของหรงจิ่นในแคว้นหวานั้นยังไม่โด่งดังนัก แต่ทุกคนล้วนทราบดีว่าเขาเป็นบุรุษที่มีรูปโฉมหล่อเหลาที่สุดในแคว้นเย่ว์และยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้แคว้นเย่ว์อย่างมาก แต่ก็ไม่เคยมีข่าวลือใดที่บ่งบอกว่าเขานั้นยังเป็นผู้เยี่ยมยุทธ ตรงกันข้ามทุกคนทราบเพียงว่าหรงจิ่นป่วยและอ่อนแอ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเชื้อพระวงศ์ของแคว้นใด…มักน่าสนใจเสมอ
มู่ชิงอียกมือเปรียบเทียบนิ้วเรียวยาวแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ประการแรก ที่นี่คือแคว้นหวา องค์ชายเก้าจะช่วยอะไรหม่อมฉันได้ ประการที่สอง องค์ชายเก้าช่วยเหลือหม่อมฉัน แล้วหม่อมฉันต้องจ่ายด้วยราคาเท่าไร
หรงจิ่นยิ้มและกดนิ้วมือของนางลง ในเมื่อข้ากล้าทำข้อตกลงกับชิงชิง ก็ต้องมีความสามารถอย่างแน่นอน ส่วนราคานั้น…เหตุใดเจ้าไม่รอจนกว่าจะถึงยามนั้นเล่า ไม่ต้องกังวล ไม่ได้มากมายอะไร
มู่ชิงอีขมวดคิ้วในดวงตามีประกายขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า ตระกูลเหมยหรือเพคะ เหมยกุ้ยเฟยมารดาผู้ให้กำเนิดขององค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์นั้นเกิดในตระกูลเหมยของแคว้นเย่ว์ ในช่วงแรกนั้นโด่งดังเป็นที่รู้จักในฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวย แม้ว่าชื่อเสียงจะค่อยๆ ลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่กิจการของตระกูลเหมยก็แพร่หลายไปทั่วแคว้นมาช้านาน ดังนั้นหูตาจะต้องขยายออกไปนอกแคว้นด้วยอย่างแน่นอน
หรงจิ่นถอนหายใจ หญิงสาวที่เฉลียวฉลาดเช่นนี้ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตกัน อย่างไรก็ตาม ข้านั้นชอบชิงชิงที่เฉลียวฉลาด…เรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างข้ากับชิงชิงเพียงสองคน หากเป็นเช่นนี้แล้ว ชิงชิงจะร่วมมือกับข้าผู้นี้หรือไม่
ร่วมมือหรือเพคะ มู่ชิงอีเลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า หากองค์ชายเก้าต้องการจิ่วจ่วนหลิงหลง ก็เกรงว่าเราจะร่วมมือกันไม่ได้
จิ่วจ่วนหลิงหลงเช่นนั้นหรือ หรงจิ่นพ่นน้ำเสียงเหยียดหยามออกมา ข้าจะต้องการสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรกัน ชิงชิงแค่โยนของไร้ประโยชน์ออกไปก็เปลี่ยนทั้งเมืองได้แล้ว มันช่างเป็นการแสดงที่น่าดูชม
ข่าวของจิ่วจ่วนหลิงหลงมาอย่างกะทันหันและไร้เงื่อนงำจนเกินไป ราวกับว่ามันแพร่กระจายมาแล้วครึ่งทาง แต่ตราบใดที่คิดอย่างรอบคอบก็จะพบว่าเรื่องนี้ยังแยกออกจากตระกูลกู้ไม่ได้ และมีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่ยังคงเกี่ยวข้องกับตระกูลกู้ หากไม่ใช่เพราะหรงจิ่นที่ได้ล่วงรู้ถึงใบหน้าที่แท้จริงของมู่ชิงอีที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางที่สงบนิ่งของนาง บางทีเขาก็คงไม่สงสัยหญิงสาวงดงามที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ผู้ใดเล่าจะคิดว่าวิธีการของหญิงสาวผู้อยู่เบื้องหลังที่ท่าทางดูอ่อนโยนและสงบนิ่งดั่งดอกบัวในน้ำใสจะรุนแรงเช่นนี้