หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 70 การหายตัวไปของพระชายากง (2)
ในห้องหนังสือของจวนกงอ๋อง มู่หรงอวี้นั่งอยู่ที่โต๊ะทรงอักษรพลางแกว่งพู่กันที่อยู่ในมือไปมา ขณะที่ฟังรายงานของผู้ที่ยืนอยู่ด้านหน้า ก่อนที่จะกล่าวเบาๆ ว่า เรือนชุ่ยเวยเคยเป็นของตระกูลกู้ เหตุใดหนิงอ๋องถึงอยากไปที่นั่นกัน
ท่านอ๋องโปรดประทานอภัย กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทรงอักษรดูราวกับเป็นพ่อบ้านของจวนหนิงอ๋อง
มู่หรงอวี้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะวางพู่กันในมือลงแล้วถอนหายใจกล่าวว่า น้องแปดเติบโตแล้ว เขาเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง การแสดงออกของพ่อบ้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย อดลังเลที่จะพูดเกลี้ยกล่อมไม่ได้ องค์ชายหก องค์ชายแปด…อาจจะแค่เที่ยวเล่น…
มู่หรงอวี้ถอนหายใจแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า ในคืนนี้เจ้าจงไปที่เรือนนั้นของอานซีจวิ้นอ๋อง แล้วเขาไม่รู้สึกขัดหูขัดตากับจ้าวจื่ออวี้แล้วใช่หรือไม่ แล้วก็เพราะเหตุใดจู่ๆ เขาถึงอยากไปที่เรือนชุ่ยเวย
พ่อบ้านส่ายศีรษะอย่างุนงงแล้วตอบว่า ไม่กี่วันมานี้องค์ชายแปดอารมณ์ไม่ดี พระองค์ไม่เต็มใจที่จะให้ข้ารับใช้ในจวนติดตามไปด้วย อีกทั้งยังทรงนำองครักษ์ติดตามไปเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับจวน ทรงเสด็จไปที่จวนซู่เฉิงโหวพ่ะย่ะค่ะ
มู่ฉังหมิง? มู่หรงอวี้ขมวดคิ้ว
ในช่วงไม่กี่วันมานี้หลายสิ่งหลายอย่างวุ่นวายไปหมด เมื่อหนึ่งชั่วยามที่แล้วเขาทำให้เสด็จพ่อทรงกริ้วโดยบังเอิญ แล้วยังเรื่องที่โหรวเฟยตั้งครรภ์อีก เมื่อนางให้กำเนิดองค์ชาย เขาจะต้องพิจารณาความจงรักภักดีของมู่ฉังหมิง อีกทั้งยังมีเรื่องของจิ่วจ่วนหลิงหลง…หากเป็นเพียงข่าวลือก็ไม่เป็นไร แต่หากเป็นเรื่องจริงถึงแม้จะต้องมอบให้กับเสด็จพ่อในท้ายที่สุด ก็จะต้องถวายแด่เสด็จพ่อผ่านมือของเขากงอ๋องผู้นี้เท่านั้น
กู้ซิ่วถิงผู้ที่ซึ่งในอดีตเคยเก็บความลับโดยไม่ยอมปริปากใดๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะผ่อนปรนลงในช่วงสองสามวันมานี้ เรื่องนี้ทำให้มู่หรงอวี้ระมัดระวังมากขึ้น
หรือว่า…พรุ่งนี้ข้าควรจะไต่สวนกู้ซิ่วถิงอีกครั้งกระมัง
เจ้ากลับไปเถิด เรื่องนี้ข้าทราบแล้ว มู่หรงอวี้กล่าวอย่างแผ่วเบา
เช่นนั้นท่านอ๋อง…เรื่องขององค์ชายแปด… พ่อบ้านลังเลใจ เดิมทีเขาเป็นคนสนิทในวังของพระสนมอวิ๋นเฟย เพียงแต่เพราะอวิ๋นเฟยทรงกังวลเกี่ยวกับบุตรชายทั้งสองของนางที่ออกมาสร้างจวนของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรชายคนเล็กที่ซุกซนตั้งแต่วัยเยาว์ เขาจึงถูกส่งตัวออกจากวังและต้องพยายามทุ่มเทมากกว่าคนอื่นเล็กน้อย
มู่หรงอวี้เงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างเฉยเมยว่า ปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่เขาต้องการ ข้าจะส่งคนไปดูแลเอง มู่หรงอวี้รู้จักอารมณ์ของน้องชายผู้นี้ดี การที่นำกู้ซิ่วถิงไปจากเขา หากไม่ปล่อยให้เพลิงโทสะได้ระบายออกไปก็คงไม่หมด สิ่งที่มู่หรงอวี้ต้องเผชิญหน้าด้วยก็คืออิทธิพลของกู้ซิ่วถิงที่มีต่อมู่หรงอาน
โชคดีที่เดิมทีเขาวางแผนที่จะลงมือกับกู้ซิ่วถิงหลังจากที่น้องแปดอภิเษกสมรส แต่ยามนี้…ต้องรอเรื่องงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์และจิ่วจ่วนหลิงหลงให้ผ่านพ้นไปก่อน หลังจากนั้นเขาจะจัดการให้หมด เมื่อคนสิ้นชีพไปแล้ว น้องแปดก็คงไม่สามารถขอให้เขาที่เป็นพี่ชายชดใช้ด้วยชีวิตกระมัง
พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา
เรียนท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่พ่ะย่ะค่ะ! ก่อนที่พ่อบ้านจวนหนิงอ๋องจะออกไป เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก พ่อบ้านของจวนกงอ๋องปรากฏตัวที่ประตูและแอบชำเลืองมองไปที่พ่อบ้านอีกคน ก่อนที่จะกล่าวอย่างเร่งรีบว่า ท่านอ๋อง เรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ พระชายาหายตัวไปพ่ะย่ะค่ะ!
เกิดเรื่องอันใดขึ้น สีหน้าของมู่หรงอวี้เปลี่ยนไป เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
พ่อบ้านถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วกล่าวอย่างใจเย็นว่า เมื่อเช้านี้พระชายาทรงเสด็จออกไปเพื่อทำเครื่องหอม ระหว่างเดินทางกลับได้หลงทางไป บ่าวพบรถม้าของพระชายาอยู่ข้างถนนซึ่งอยู่ไกลจากเส้นทางหลัก แต่ยามนี้…ยังไม่ทราบที่อยู่ของพระชายาเลยพ่ะย่ะค่ะ
มู่หรงอวี้กล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจว่า นางออกไปทำเครื่องหอมอะไรที่นอกเมือง
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของมู่หรงอวี้ พ่อบ้านก็ก้มหน้าไม่กล้าตอบว่าเพราะไม่ค่อยมีการร่วมห้องหอในช่วงสามปีที่ผ่านมา เช่นนั้นในสองปีมานี้ในทุกๆ เดือนของวันนี้ นางจึงไปวัดเจ้าแม่กวนอิมในเขตชานเมืองของเมืองหลวงเพื่อถวายเครื่องหอมและสวดมนต์เพื่อขอบุตร เรื่องเหล่านี้ท่านอ๋องย่อมทราบดีอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยกะทันหันจึงทำให้เขาโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก
ส่งคนออกไปตามหาเดี๋ยวนี้! มู่หรงอวี้สั่งด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว จูหมิงเยียนเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของผิงหนานจวิ้นอ๋อง ระดับของความโปรดปรานนั้นมากกว่าบุตรชายในจวนผิงหนานจวิ้นอ๋อง ซึ่งเพราะเหตุนี้เองที่ผิงหนานจวิ้นอ๋องจึงสนับสนุนจวนกงอ๋องโดยไร้เงื่อนไขใด หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับจูหมิงเยียนก็เป็นไปได้ที่ผิงหนานจวิ้นอ๋องจะต่อต้านจวนกงอ๋อง
พ่อบ้านพยักหน้ารับแล้วกล่าวว่า กระหม่อมส่งคนออกไปตามหาแล้วพ่ะย่ะค่ะ
มู่หรงอวี้พยักหน้ารับและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า ช่างเถิด ข้าจะไปด้วยตัวเอง ส่งสาส์นไปที่จวนผิงหนานจวิ้นอ๋องเพื่อให้พวกเขาออกตามหาด้วยกัน ขณะกล่าวมู่หรงอวี้ก็ได้เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ในยามนี้จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาเล็กน้อยของมู่หรงอาน ตอนนี้การค้นหาจูหมิงเยียนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หนึ่งชั่วยามต่อมา มู่หรงอวี้ก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการหายตัวไปของจูหมิงเยียน เมื่อเร็วๆ นี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในวังหลวงทำให้เขาต้องวิ่งวุ่นจัดการและในยามนี้ยังมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นให้เขาต้องคอยสะสางอีก
เรื่องที่ประสบความสำเร็จมีน้อยกว่าเรื่องที่ล้มเหลวเสียจริง!
ก่อนวันงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ ทุกคนในเมืองหลวงล้วนวุ่นวายและตื่นเต้นกังวล ในช่วงเวลานี้มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ผ่อนคลายอย่างแท้จริง คนหนึ่งคือหรงจิ่น องค์ชายเก้าแห่งแคว้นเย่ว์ซึ่งอยู่ข้างนอกและกำลังรอชมละครอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งคือมู่ชิงอีที่กำลังพักฟื้นอยู่ในเรือน มู่ชิงอีผู้ที่ท่านหมอวินิจฉัยว่าบังเอิญทานของผิดสำแดงทำให้มีผื่นแพ้ขึ้น ในปีนี้นางจึงไม่สามารถไปร่วมงานฉลองพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ได้ มู่ฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่แยแสต่อเรื่องนี้ ส่วนมู่ฉังหมิงก็แอบโล่งใจแม้ว่าจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติบางอย่างในเรื่องนี้ แต่เขาก็กล่าวเพียงไม่กี่คำเพื่อปลอบใจมู่ชิงอี
ในยามเช้าของวันงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์ หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วจวนซู่เฉิงโหวก็เงียบสงบ เจ้าขุนมูลนายของจวนรวมทั้งมู่ฮูหยินผู้เฒ่าได้ออกจากจวนด้วยรถม้า แม้แต่บ่าวส่วนใหญ่ก็ยังได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองได้ จวนซู่เฉิงโหวทั้งหมดพลันว่างเปล่าในทันที ในเรือนหลานจื่อนั้นนอกจากมู่ชิงอี จูเอ๋อร์และอิ๋งเอ๋อร์ ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว
คุณหนู ทุกคนในจวนนั้นออกไปหมดแล้วเจ้าค่ะ พวกเราก็ไปกันเถิด! ดวงตาที่งดงามของอิ๋งเอ๋อร์เป็นประกายด้วยความตื่นเต้นพลางมองไปยังมู่ชิงอี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความปรารถนาสูงสุดของท่านพ่อคือการได้ช่วยคุณชายใหญ่และคุณหนูใหญ่ แม้ว่าคุณหนูใหญ่จะไม่มีชีวิตอยู่แล้วแต่การได้ช่วยชีวิตคุณชายใหญ่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
มู่ชิงอีวางถ้วยชาลงอย่างสบายๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า ไม่ เจ้ากับจูเอ๋อร์อยู่ที่นี่
หา? อิ๋งเอ๋อร์ตกใจ มองไปที่มู่ชิงอีแล้วกล่าวด้วยความกังวลว่า คุณหนูต้องการออกไปเพียงผู้เดียวหรือเจ้าคะ
มู่ชิงอีกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ข้าจะออกไปกับอู๋ซิน เจ้ากับจูเอ๋อร์อยู่ที่นี่เผื่อไว้ในกรณีที่มีคนมาหาข้าอย่างกะทันหัน… อิ๋งเอ๋อร์ก็รู้ถึงความสำคัญเช่นกัน หลังจากฟังคำกล่าวของมู่ชิงอีนางจึงพยักหน้ารับแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า อิ๋งเอ๋อร์เข้าใจแล้ว คุณหนูโปรดวางใจ อิ๋งเอ๋อร์ทราบว่าต้องทำอย่างไร จูเอ๋อร์นั้นยังเยาว์วัยและนางเคยอยู่แต่กับมู่ชิงอีจึงไม่เคยเห็นสิ่งใดในใต้หล้านี้ หากมีเหตุฉุกเฉินใดๆ จูเอ๋อร์จะไม่สามารถจัดการกับมันเพียงลำพังได้อย่างแน่นอน
มู่ชิงอีพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจแล้วกล่าวว่า ดีมาก อู๋ซิน
อู๋ซินที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเดินออกมาอย่างเงียบเชียบ พฤติกรรมการไปมาไร้ร่องรอยของเขาทำให้จูเอ๋อร์ตกใจทุกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจและผายมือเอ่ยเชิญ คุณหนู เตรียมการพร้อมแล้วขอรับ
มู่ชิงอียืนขึ้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า รอประเดี๋ยว
ผ่านไปไม่นาน ชายหนุ่มสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลจากจวนซู่เฉิงโหว ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเทาท่าทางดูเยือกเย็นเฉยเมย ส่วนชายหนุ่มอีกคนในอาภรณ์สีขาวดิ้นทองดูมีอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีเท่านั้น หน้าตาละเอียดอ่อนและหล่อเหลา รอยยิ้มงดงามดุจพิมพ์หยก เปรียบเสมือนคุณชายน้อยที่เป็นที่โปรดปรานจากตระกูลชั้นสูง ราวกับไม่รู้จักความทุกข์ยากในใต้หล้านี้