หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 80 คุณชายพ้นอันตราย หนิงอ๋องถูกฆ่า (3)
หรงจิ่นมองไปที่เฝิงจื่อสุ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า ท่านเฝิงกังวลสิ่งใดหรือ ที่นี่ไม่ใช่ว่ามีข้าอยู่หรอกหรือ
เฝิงจื่อสุ่ยเงียบไม่พูดสิ่งใด
ชายคนนี้ไม่ต้องการที่จะบอกตน เขาปล่อยมู่หรงอานออกไปเพียงเพื่อทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยเหลือสาวงามใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง ตอนนี้คนก็ได้ปล่อยไปแล้ว ไม่กลัวว่ามันจะสายเกินไปหรืออย่างไร
ไม่ต้องรีบร้อนหรอก หลังจากแก้ปัญหาที่นี่แล้ว ข้าจะไปช่วยชิงชิงเอง หรงจิ่นพูดปลอบขวัญเฝิงจื่อสุ่ยที่ค่อนข้างร้อนรนอย่างอดทน น่าเสียดายที่ท่านเฝิงไม่รู้สึกว่าตนนั้นกำลังถูกปลอบโยนเลยสักนิด เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ จะลำบากองค์ชายทำไมเล่าพ่ะย่ะค่ะ
หรงจิ่นยิ้มและเอ่ยขึ้นว่า จะเป็นเรื่องเล็กน้อยไปได้อย่างไร เมื่อครู่คนที่เห็นหน้าข้านั้นก็มีไม่น้อยเลยทีเดียวนะ
เมื่อมองไปยังชายที่สวมใส่อาภรณ์ราคาแพง ใจของเฝิงจื่อสุ่ยก็พลันเต้นแรง ความหมายขององค์ชายคือ?
ฆ่าให้หมด หรงจิ่นสั่งออกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนราวกับว่ากำลังชวนไปดื่มชา
หางตาของเฝิงจื่อสุ่ยกระตุก ถึงแม้ว่าสายตาที่จ้องมองไปยังหรงจิ่นจะยังคงสงบนิ่ง แต่คลื่นที่ปั่นป่วนในใจของเขานั้นเกินความเข้าใจของคนภายนอกที่มองมา
องค์ชายเก้าในฐานะองค์ชายแห่งแคว้นเย่ว์กลับมาร่วมวงผสมกับเรื่องของตระกูลกู้ คงจะไม่ใช่แค่มีมิตรภาพกับหญิงสาวเพียงเท่านั้น ในเวลานี้เมื่อมองดูชายรูปงามที่ราวกับไร้พิษสงแต่เมื่อเอ่ยปากออกมากลับกุมชีวิตของคนนับร้อยไว้โดยไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำ องค์ชายเก้าคนนี้เกรงว่า…จะไม่ธรรมดาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเฝิงก็ไม่ใช่บุคคลนิรนาม ท่านรับประกันได้หรือไม่ว่าจะไม่มีผู้ใดรู้จักท่านเฝิง? หรงจิ่นมองไปยังเฝิงจื่อสุ่ยและเอ่ยอย่างสบายๆ ยอมที่จะฆ่าคนผิด แต่ต้องไม่ปล่อยไปผิดคน
เฝิงจื่อสุ่ยตกใจ ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา เมื่อมองไปยังใบหน้าอันสงบนิ่งของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้า ตนที่ภาคภูมิใจในตัวเองในช่วงครึ่งชีวิตที่มีประสบการณ์เปลี่ยนแปลงมาแล้วนับไม่ถ้วน จนทำให้ตัวเองกลายเป็นคนใจแข็งเช่นนี้ แต่เมื่อเทียบกับชายรูปงามที่ออกจะไม่ธรรมดาผู้นี้แล้ว ตนก็ยังห่างไกลจากความชั่วร้ายอยู่มาก เฝิงจื่อสุ่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแก่ลงเล็กน้อย
คนรุ่นหลังนี่ช่างน่าหวาดกลัว…
องค์ชายพูดได้ถูกต้องแล้ว ในที่สุดเฝิงจื่อสุ่ยก็เห็นด้วยกับคำพูดของหรงจิ่น
หรงจิ่นพยักหน้าอย่างพึงพอใจและพูดขึ้นว่า ดีมาก
คนของชิงชิงยังคงฉลาดอยู่มาก อย่างน้อยก็ไม่ใช่คนแก่ที่พูดถึงแต่ความเมตตากรุณาและศีลธรรม
องค์ชายเก้าโบกมือและพูดอย่างเคร่งขรึม ฆ่า!
น้อมรับพระบัญชา!
มีลมโชยอยู่ในลานเล็กๆ ของเรือน กลิ่นเลือดที่เข้มข้นคละคลุ้งแรงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ หรงจิ่นขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ ยกเท้าขึ้นและเดินไปที่ประตูหลัง ที่นี่ยกให้เป็นหน้าที่ของท่านเฝิงแล้ว ข้าจะไปดูชิงชิงเสียหน่อย
บนรถม้า มู่ชิงอีพยุงกู้ซิ่วถิงอย่างระมัดระวังลงบนเบาะนุ่ม ชั่วขณะหนึ่งนางไม่กล้าแตะต้องบาดแผลของกู้ซิ่วถิง พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง
กู้ซิ่วถิงเอนตัวลงบนเบาะในรถม้า พิงลงบนเบาะนุ่มแล้วส่ายหัวพร้อมเอ่ยยิ้มๆ ไม่ร้ายแรงอะไร หลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้ว ไม่เจอกันตั้งหลายปี…อีเอ๋อร์ มาให้พี่ใหญ่ได้มองเจ้าชัดๆ หน่อยสิ
พี่ใหญ่… มู่ชิงอีกัดริมฝีปาก น้ำตาคลอเบ้า
กู้ซิ่วถิงเมื่อเห็นนางมองดูบาดแผลบนร่างของตนแล้วเป็นทุกข์ เขาจึงยกมือขึ้นตบลงบนหลังมือของนางพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ หากไม่ใช่เพราะเจ้า ไม่แน่ว่าข้าอาจจะ…
ถ้าหากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของนางอย่างกะทันหันแล้วล่ะก็ ตอนนี้เขาอาจจะไปอยู่กับน้องสาวของตัวเองแล้วก็ได้ ท้ายที่สุดแล้วหากคนคนหนึ่งตั้งใจจะฆ่าตัวตายย่อมไม่สามารถป้องกันได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
มู่ชิงอีกะพริบตาทั้งน้ำตา แสร้งทำเป็นไม่พอใจ พี่ใหญ่พูดไร้สาระอันใดอยู่เจ้าคะ หลังจากนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย พวกเรายังต้องทำเพื่อตระกูลกู้ เพื่อ…ล้างแค้นให้ท่านแม่! พี่ใหญ่ยังต้องฟื้นฟูตระกูลกู้ขึ้นมาใหม่ จากนี้ไปชิงอียังต้องให้พี่ใหญ่ดูแลนะเจ้าคะ
ขณะที่พูด มู่ชิงอีก็ดึงหยกแขวนชิ้นหนึ่งออกจากแขนเสื้อของตนแล้วยื่นให้กับกู้ซิ่วถิงแล้วกล่าวว่า พี่ใหญ่ นี่…คืนกลับสู่เจ้าของเดิมเจ้าค่ะ เฝิงจื่อสุ่ยมอบหยกแขวนนี้ให้กับมู่ชิงอี นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงสถานะในอดีตของตระกูลกู้ กู้ซิ่วถิงเงียบไปครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นเพื่อผลักหยกแขวนออกไปพร้อมพูดเบาๆ ว่า นับตั้งแต่ท่านเฝิงมอบมันให้กับเจ้า มันก็เป็นของเจ้าแล้ว คืนกลับสู่เจ้าของเดิมอะไรกัน
แต่ว่า… มู่ชิงอีตกใจพร้อมกับขมวดคิ้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าในตอนนี้นางไม่ได้ใช้แซ่กู้ ถึงแม้ว่านางจะยังเป็นกู้อวิ๋นเกออยู่ก็ตาม หยกแขวนของผู้นำตระกูลกู้ก็ควรมอบให้แก่พี่ใหญ่แทนตัวของนางมากกว่า ในภายภาคหน้าตระกูลกู้จะต้องพึ่งพาพี่ใหญ่ในการฟื้นฟูตระกูลขึ้นมาใหม่
รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนริมฝีปากของกู้ซิ่วถิง มู่ชิงอีจึงส่ายหัวแล้วกล่าวว่า ตอนนี้พี่ใหญ่ยังบาดเจ็บอยู่มาก ดังนั้นข้าจะเก็บมันไว้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นใดค่อยว่ากันภายหลังเถิด ใบหน้าซีดเซียวของกู้ซิ่วถิงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและมู่ชิงอีรู้ดีว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียงกันเรื่องหยกแขวน ขณะที่นางกำลังคิดที่จะเอ่ยบอกให้กู้ซิ่วถิงควรพักผ่อน ทันใดนั้นก็มีเสียงเกือกม้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง
มู่ชิงอีขมวดคิ้ว ยกม่านรถออกแล้วมองไปข้างนอกพร้อมกับเอ่ยถาม อู๋ซิน?
อู๋ซินที่ขับรถม้าอยู่ด้านนอกตอบด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า ไม่ใช่คนของพวกเรา คงจะเป็นทหารที่ไล่ตามมาขอรับ
มู่ชิงอีขมวดคิ้ว จากการประมาณการของนางกับเฝิงจื่อสุ่ย ไม่ควรมีสิ่งใดผิดพลาดเว้นแต่มู่หรงอานและมู่หรงอวี้จะมาถึงพร้อมกัน มิฉะนั้นคนของพวกเขาย่อมสามารถรับมือได้อย่างแน่นอน เหตุใดจึงมีคนตามทัน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น
มู่หรงอวี้ต้องไม่ตามมาเร็วถึงขนาดนี้! มู่ชิงอีขมวดคิ้วและคิดทบทวนแผนทั้งหมดในใจอีกครั้งก็ไม่พบสิ่งใดที่ตกหล่นไป ตัวแปรเดียวคือ…
หรง จิ่น! มู่ชิงอีกัดฟันเอ่ยขึ้น แม้ว่าจะไม่รู้ว่าหรงจิ่นจะเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก นี่มันไม่ถูกต้องที่หรงจิ่นจงใจทิ้งให้เป็นแบบนี้ องค์ชายเก้าใจดีเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
กุก กุก กุก…กีบม้าที่ควบจากที่ไกลเริ่มเข้ามาใกล้ขึ้น รถม้าที่ลากรถหนักไม่สามารถหนีพ้นจากม้าพันธุ์ดีของมู่หรงอานได้ แค่เพียงครู่เดียวม้าพันธุ์ดีสองสามตัวก็วิ่งไล่กวดขึ้นมาจากด้านหลังและขวางหน้ารถม้าไว้ ท่าทางของมู่หรงอานนั้นมืดมน เย็นชา เต็มไปด้วยไอสังหาร แม้แต่ม้าที่อยู่ใต้บังคับของเขาก็ยังเดินไปรอบๆ ราวกับไม่สบายใจเล็กน้อย
กู้ซิ่วถิง ลงมา! มู่หรงอานตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ไม่มีอารมณ์ใดๆ อยู่ในน้ำเสียงของเขา เขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อกู้ซิ่วถิงได้ รวมถึงการทรยศต่อพี่ชายที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีมาโดยตลอด แต่เขาไม่อาจทนได้หากกู้ซิ่วถิงเป็นคนตั้งใจหนีไปจากเขาด้วยตัวเอง แม้กระทั่งการกระทำของเขาเองในตอนนี้มันก็อยู่เหนือจากการคาดการณ์ของตน
มู่หรงอานไม่เคยรู้อะไรคือความอ่อนโยน การให้ความสำคัญทำอย่างไร เขาเพียงรู้ว่าต้องการกู้ซิ่วถิงแต่กลับไม่ได้ จึงช่วยมู่หรงอวี้ร่วมกันวางแผนใส่ร้ายตระกูลกู้ จากนั้นก็ฉวยโอกาสกักขังกู้ซิ่วถิงไว้ในจวนของตัวเอง ดังนั้นแม้ว่าบางครั้งตนจะรู้สึกว่าชอบกู้ซิ่วถิงจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ปกป้องเขาจากการถูกทรมาน และยิ่งไม่คิดว่ากู้ซิ่วถิงวางแผนที่จะหลบหนีไว้ล่วงหน้า นี่จึงไม่อยู่ในขอบเขตที่มู่หรงอานจะทนได้อย่างแน่นอน
ตนต้องการให้กู้ซิ่วถิงมีชีวิตอยู่ แต่กู้ซิ่วถิงจะต้องอยู่ในสายตาของเขาเท่านั้น หากกู้ซิ่วถิงต้องการหลบหนีเขาไป เช่นนั้นก็ยอมที่จะให้ตายไปเสียดีกว่า
อู๋ซินลุกขึ้นจากรถม้าและจ้องมองไปยังคนสองสามคนที่อยู่ด้านหน้าอย่างระมัดระวัง ที่ข้างหลังเขา ม่านของรถม้าถูกดึงขึ้น มู่ชิงอีที่นั่งเงียบๆ อยู่บนรถม้ามองไปที่มู่หรงอาน สิ่งแรกที่มู่หรงอานเห็นไม่ใช่มู่ชิงอีที่นั่งอยู่ที่ประตูรถม้า แต่เป็นกู้ซิ่วถิงที่นั่งอยู่ด้านใน กู้ซิ่วถิงนั่งพิงเบาะนุ่มๆ ด้วยท่าทางอันสงบ จากนั้นจึงจ้องมองไปที่ร่างของมู่ชิงอีด้วยสายตาเหี้ยมโหด เจ้าเป็นใคร
Venus36
ลุ้นมากกกก ใจหายใจคว่ำ สงสารพี่ใหญ่ถูกทรมานซะเละ