หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 116 ตัวอย่างสตรี ห้องหนังสือหยั่งเชิง (1)
หรงจิ่นยิ้มเอ่ยเสียงต่ำ “ถือว่าจูหมิงเยียนเรียนรู้แล้วรู้จักนำมาใช้ แต่ว่า…การลอกของคนอื่นเอามาเป็นของตัวเองออกจะดูชั้นต่ำไปสักหน่อย”
มู่ชิงอีกลอกตาใส่ เรื่องแบบนี้มีชั้นต่ำชั้นสูงด้วยหรืออย่างไร
เกอซูปิงถลึงตามองพวกเขาสองคนอย่างร้อนใจ มู่ชิงอีอมยิ้มเอ่ยเสียงเบา “อย่ารีบร้อนไปเลย คุณหนูตระกูลหลี่นั้นเป็นคนฉลาด น่าจะเตรียมพร้อมไว้แล้ว”
“แต่…นางสลบไปแล้วนะ”
ขณะที่เกอซูปิงกังวลใจ ฉับพลันด้านนอกก็มีเสียงหวาดกลัวของบ่าวรับใช้คนหนึ่งดังขึ้นว่า “ไอ๊หยา! มีคนตาย! ใครก็ได้รีบมาเร็ว เกิดเรื่องแล้ว!” ถึงแม้ในภูเขาปลอมแห่งนี้จะไม่มีคนแต่บ่าวรับใช้แถวๆ สวนดอกไม้กลับมีไม่น้อย บ่าวรับใช้คนนั้นเพิ่งกรีดร้องไม่นาน คนดูแลสวนที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ไม่ไกลก็พุ่งตัวเข้ามา ในขณะเดียวกันยังมีคนท่าทางเหมือนองครักษ์ก็พุ่งเข้ามาหาจากมุมที่ไม่ไกลเช่นกัน
เหตุการณ์ที่เปลี่ยนกลับตาลปัตรอย่างกะทันหันทำให้จูหมิงเยียนและชายผู้นั้นตกใจ ชายผู้นั้นหนีออกไปข้างนอกทันทีโดยไม่ต้องคิด ทว่าเขาจะสู้องครักษ์จวนจื้ออ๋องได้อย่างไร ยังไม่ทันหนีไปถึงมุมกำแพงก็ถูกคนควบคุมตัวได้แล้ว ส่วนจูหมิงเยียนอีกฝั่งใบหน้าซีดขาว ถ้าเมื่อครู่ชายผู้นั้นฆ่าหลี่จืออี๋ก่อนหนีไป บางทีนางอาจมีวิธีรับมือสถานการณ์ยามคับขันได้ แต่ตอนนี้ไม่ว่านางจะโกหกปลิ้นปล้อนอย่างไร หากหลี่จืออี๋ฟื้นขึ้นมาต่อให้นางพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ในระยะเวลาสั้นๆ จูหมิงเยียก็อดตกใจจนเหงื่อชุ่มตัวไม่ได้
ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวก็มีคนพุ่งเข้ามาไม่น้อย ในนั้นมีบ่าวติดตามของหลี่จืออี๋และคุณหนูตระกูลหลี่ตามหานางอยู่ พอเห็นหลี่จืออี๋นอนสลบไสลอยู่บนพื้นโดยไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง บ่าวของตระกูลหลี่ก็กรีดร้องตกใจเสียงแหลม “ท่านทำอะไรของคุณหนูของพวกเรา!”
ในสวนดอกไม้ของจวนจื้ออ๋องพลันวุ่นวายโกลาหล พระชายาจื้อที่พอรู้ข่าวก็เร่งรีบมา ทว่าสีหน้ากลับดูย่ำแย่จนยากจะบรรยายได้ โดยเฉพาะยามที่เห็นจูหมิงเยียนยืนตะลึงงันทำตัวไม่ถูกข้างภูเขาปลอม ถ้าไม่ใช่เพราะมาจากตระกูลผู้ดีเลยข่มใจตัวเองไว้ได้ละก็ เกรงว่าพระชายาจื้อคงโมโหโวยวายไปแล้ว ยามปกติเห็นจูหมิงเยียนผู้นี้ขัดหูขัดตายังพอปล่อยไปได้ เพราะอย่างไรเสีย จูหมิงเยียนก็โชคร้ายและตนนั้นยังมีจิตใจดีไม่ได้มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น แต่ว่า…นี่จูหมิงเยียนทำอะไรลงไป
พระชายาจื้ออดกัดฟันไม่ได้ นางกับจื้ออ๋องแต่งงานกันมาหลายปีกว่าจะมีทายาทได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในวันคล้ายวันเกิดของบุตรชายเพียงคนเดียวที่อายุครบหนึ่งขวบ พระชายาจื้อไม่ได้ร้องขอสิ่งใด เพียงแค่สุขสงบราบรื่นก็พอ แต่ว่าจูหมิงเยียนผู้นี้ก่อเรื่องให้นางเสียแล้ว!
“เจ้าทำสิ่งใดลงไป” เวลานี้พระชายาจื้อจึงเอ่ยถามอย่างไม่เกรงใจไว้หน้า
“พระชายา” มู่หรงเสียขมวดคิ้วเอ่ยเตือนพระชายาที่ดูสติหลุดไปแล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากระแทกอารมณ์ใส่ พระชายาจื้อสีหน้าไม่ดีนัก ทว่ามีอีกคนที่สีหน้าดูไม่ได้เลยมากกว่าพวกเขา มู่หรงอวี้เดินก้าวไปข้างหน้าจูหมิงเยียนที่มีสีหน้าหวาดกลัวสติล่องลอยพลางขมวดคิ้ว หลี่จืออี๋ถูกคนพาตัวไปหาหมอแล้ว ถึงมู่หรงอวี้จะรู้ว่าจูหมิงเยียนกับหลี่จืออี๋บาดหมางกันแต่กลับไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
บ่าวรับใช้ที่เห็นเหตุการณ์ในตอนแรกยังไม่ไปไหนเอ่ยด้วยท่าทีอกสั่นขวัญแขวนว่า “บ่าว…บ่าวได้ยินเสียงคนคุยกันเลยเดินมาดู ตอนแรกเห็นพระชายารองกับคุณหนูตระกูลหลี่ทะเลาะกัน จากนั้นอยู่ดีๆ ก็มีบุรุษคนหนึ่งปรากฏตัวด้านหลังคุณหนูแล้วทำคุณหนูสลบไป…บ่าว บ่าวตกใจ จากนั้นก็ได้ยินพระชายารองคุยกับเขาว่าจะเอาคุณหนูตระกูลหลี่…เอาคุณหนูตระกูลหลี่ไป…บ่าวกลัวเลยตะโกนร้องขึ้นมา”
ยังพูดไม่ทันจบ ทุกคนที่จับจ้องไปยังจูหมิงเยียนก็พลันสีหน้าเปลี่ยน คนที่โกรธมากที่สุดคงไม่มีใครเหนือกว่าพระชายาจื้อแล้ว แต่ไหนแต่ไรมา นางก็ดูแคลนจูหมิงเยียนอยู่แล้ว ถึงจะสถานะสูงส่งแต่ไม่มีมาดความเป็นพระชายาเลยสักนิด นางคิดว่านางจัดระเบียบจวนจื้ออ๋องเป็นอย่างดี ถ้าวันนี้หลี่จืออี๋เป็นอะไรขึ้นมาในจวนจื้ออ๋อง ถึงหลี่จืออี๋จะน่าสงสารก็ตาม แต่ศักดิ์ศรีของจวนจื้ออ๋องก็คงไม่มีแล้วเช่นกัน เกรงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องราวจะคิดว่าจวนจื้ออ๋องเป็นแหล่งซ่อนมลทินเอาได้
พระชายาจื้อโกรธจนตัวสั่นชี้มู่หรงอวี้เอ่ยเสียงกร้าว “น้องหก! เจ้า…พระชายารองตัวดีของเจ้า! ตัวกาลกิณีที่ทำเรื่องน่าอับอายลามมาถึงจวนจื้ออ๋องของข้าแล้ว เจ้ายังเห็นพี่สี่ของเจ้ากับพี่สะใภ้อย่างข้าในสายตาอยู่หรือไม่!”
ใบหน้าหล่อเหลาของมู่หรงอวี้บึ้งตึง ดวงตาจับจ้องจูหมิงเยียนราวกับจะปล่อยพิษออกมา ทำเอาจูหมิงเยียนที่เดิมทีตื่นตระหนกหวาดกลัวอดสั่นสะท้านไม่ได้ “ท่าน…ท่านพี่…ไม่ใช่ความผิดหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เกี่ยวเลยนะเพคะ!”
มู่หรงอวี้ปิดตาลงและรู้ว่าเรื่องวันนี้คงปิดบังไม่ได้แน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรจะยอมรับต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ก็ไม่ได้ จึงทำได้แค่กล่าวว่า “พี่สี่ พี่สะใภ้สี่ หลังจากที่ข้าตรวจสอบชัดเจนแล้วต้องบอกความจริงกับพวกท่านอย่างแน่นอน”
ทว่าพระชายาจื้อไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ เอ่ยพลางยิ้มเย็นชา “ตรวจสอบให้ชัดเจน? มีอะไรที่ต้องตรวจสอบด้วยหรือ หรือว่าบ่าวในจวนข้าใส่ร้ายนางกัน? ช่างเถิด ชายผู้นั้นที่บ่าวรับใช้กล่าวถึงก็ถูกจับตัวไปแล้ว พวกเราไปไต่สวนที่นั่นเพื่อความกระจ่างกันเถิด อีกอย่างจะได้ทำให้ทุกคนรู้ว่าเรื่องโกลาหลเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจวนจื้ออ๋องเลย!”
มู่หรงอวี้ขมวดคิ้วเอ่ย “ท่านพี่สะใภ้ แต่วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของเซียวเอ๋อร์”
พระชายาจื้อเอ่ยเสียงเย็นชา “ที่แท้น้องหกก็ยังจำได้ว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของหลานเจ้า?” พระชายาจื้อไม่ไว้หน้าสักนิด ต่อให้เป็นมู่หรงอวี้ก็หมดคำพูดแล้ว แววตาที่มองจูหมิงเยียนก็ไร้ซึ่งความอ่อนโยนอีกต่อไป
“ทูลท่านอ๋อง พระชายา คุณหนูตระกูลหลี่ฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เบื้องหลังบ่าวรับใช้ของจวนจื้ออ๋องคนหนึ่งรีบเข้ามาแจ้ง
มู่หรงเสียขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยกับพระชายาว่า “พระชายา เจ้าไปดูคุณหนูตระกูลหลี่ก่อนเถิด” หลี่จืออี๋บาดเจ็บในจวนจื้ออ๋องก็แบกหน้าไปบอกจวนตระกูลหลี่ไม่ถูกอยู่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้มู่หรงเสียไม่คาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหลี่แต่ไม่ผูกพยาบาทกันก็ดีมากแล้ว แต่ยามนี้…เหมือนความแค้นนี้คงยังมาไม่ถึงจวนจื้ออ๋อง
มู่หรงอวี้ถอนหายใจแล้วเอ่ย “ท่านพี่หก ข้าเองก็ไปดูคุณหนูตระกูลหลี่ก่อนดีกว่า”
“เอาเถิด เชิญพระชายารองกงที่เรือนทางตะวันออกก่อน เดี๋ยวถามคุณหนูตระกูลหลี่แล้วค่อยว่ากัน”
คนมากมายแห่กันมาแล้วก็แห่กันกลับไป จูหมิงเยียนถูกบ่าวอาวุโสของจวนจื้ออ๋องเอ่ย “เชิญเพคะ” ไปเรือนตะวันออกด้วยเสียงเข้มงวดแต่มีมารยาท
หลังสวนภูเขาปลอม รอจนทุกคนไปกันหมดแล้วพวกมู่ชิงอีทั้งสามคนถึงโผล่ออกมาจากด้านใน หย่งจยาจวิ้นจู่สีหน้างงงันไม่เข้าใจว่าทั้งๆ ที่เมื่อครู่คุณหนูตระกูลหลี่ตกอยู่ในอันตราย แต่ทำไมช่วงเวลาพริบตาเดียวสถานการณ์กลับตาลปัตรกลายเป็นจูหมิงเยียนที่ซวยแทนได้
หย่งจยาจวิ้นจู่ส่ายหน้าแล้วตัดสินใจไปหาคนที่ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อย่างท่านพี่สิบเอ็ดแทน
หรงจิ่นยิ้มตาหยีมองแผ่นหลังของหย่งจยาจวิ้นจู่จากไปแล้วเอ่ยพลางเล่นหยกแขวนในมือว่า “บ่าวรับใช้คนนั้นโกหก” บ่าวรับใช้คนนั้นไม่ได้เห็นอะไรชัดเจนแน่นอน จากตำแหน่งที่นางอยู่และจุดที่นางปรากฏตัว นางเห็นได้แค่เหตุการณ์หลังจากหลี่จืออี๋สลบลงพื้นไปแล้วเท่านั้น ไม่เช่นนั้นคงถูกพวกนางสองคนสังเกตเห็นนานแล้ว แต่สิ่งที่นางพูดทั้งหมดเป็นความจริงโดยไม่มีเรื่องโกหกแม้แต่น้อย ถ้าหรงจิ่นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตลอดล่ะก็ แม้แต่เขาก็คงจับผิดสังเกตคำพูดของบ่าวรับใช้คนนั้นไม่ได้