หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 122 เป้าหมายขององค์ชายเก้า (3)
มู่ชิงอีส่ายศีรษะ “ทำให้องค์ชายต้องผิดหวังแล้ว ชิงอีความรู้ตื้นเขินเกรงว่าจะช่วยอะไรองค์ชายไม่ได้” ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหรงจิ่นอยากให้นางช่วยอะไร แต่หากเป็นเรื่องที่มีบรรดาราชนิกูลเข้ามาเกี่ยวด้วย คนที่มีแผนการปลิ้นปล้อนอย่างหรงจิ่นยังบอกว่าลำบากจนต้องหาคนนอกมาช่วย อย่างไรเสียก็คงมีไม่กี่เรื่องแล้ว อีกทั้งไม่ว่าหนึ่งในนั้นเรื่องไหนก็ล้วนวุ่นวายทั้งนั้น แค่มีหรงจิ่นก็วุ่นวายพอแล้ว นางไม่อยากสร้างเรื่องวุ่นวายให้ตัวเองอีก
หรงจิ่นมองมู่ชิงอีอย่างเศร้าใจ “ชิงชิงจะเบี้ยวอย่างนั้นหรือ”
มู่ชิงอีมองหรงจิ่นอย่างระอาอยู่บ้างและยากที่จะได้เห็นคำพูดที่จริงจังเช่นนี้เหมือนกัน “องค์ชายเก้า ชิงอีเหมาะแค่จะเป็นสตรีที่อยู่เรือน อีกอย่างหม่อมฉันก็เป็นคนแคว้นหวา ต่อให้ตามไปช่วยองค์ชายเก้าถึงแคว้นเย่ว์เรื่องที่ช่วยได้ก็ย่อมมีขีดจำกัด เกรงว่ากลับจะก่อเรื่องจนตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นเอาได้ เหตุใดองค์ชายต้องฝืนขอร้องด้วย” หรงจิ่นจ้องมู่ชิงอี ผ่านไปสักพักถึงข่มขู่อย่างไม่พอใจว่า “ข้าไม่สน! ชิงชิงต้องไปกับข้า ไม่เช่นนั้น…ไม่เช่นนั้นข้าจะไปบอกมู่หรงเสียว่าเจ้าหลอกเขา”
มู่ชิงอีมองใครบางคนที่โวยวายทำตัวเหมือนเด็กอย่างนึกปวดศีรษะ เห็นได้ชัดมากว่าคนอย่างหรงจิ่นใช้ความรู้สึกมาทำให้หวั่นไหวและใช้เหตุผลมาอธิบายให้เข้าใจไม่ได้ มู่ชิงอีเลยได้แต่ถอนหายใจยกมือขึ้นมานวดตรงหว่างคิ้วเอ่ย “องค์ชายเก้าน่าจะรู้ว่าหม่อมฉันมีเรื่องที่ต้องจัดการที่แคว้นหวามากมาย ถึงตอนนั้นเกรงว่าอาจไม่ได้มีชีวิตตามไปช่วยถึงแคว้นเย่ว์ด้วยซ้ำ อีกอย่าง…ตกลงองค์ชายเก้าอยากให้หม่อมฉันช่วยสิ่งใดกันแน่? พูดให้ชัดเจนเลยจะดีกว่า…” ใครจะไปรู้ หรงจิ่นอาจจะใช้นางเป็นวัวเป็นม้าไปชั่วชีวิตก็ได้ ถึงแม้หรงจิ่นจะช่วยนางซึ่งนางเองก็น้อมรับบุญคุณนั้น แต่นางยังไม่คิดจะขายชีวิตของตัวเองเสียหน่อย
หรงจิ่นกะพริบตาปริบๆ มองมู่ชิงอีอยู่นานถึงเปิดปากเอ่ย “ชิงชิง สู้พวกเรามากำหนดข้อตกลงต่อไปใหม่เป็นอย่างไรเล่า” มู่ชิงอีมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่รู้ว่าเขามีความคิดใหม่อะไรอีก
หรงจิ่นเท้าคางแล้วเอ่ยด้วยท่าทีสบายๆ “คนที่ชิงชิงต้องรับมือคงไม่ได้มีแค่มู่หรงอวี้กระมัง ทั้งยังมีจวนผิงหนานจวิ้นอ๋อง ไม่แน่อาจลามไปถึงจวนซู่เฉิงโหวด้วย กระทั่งองค์ชายคนอื่นๆ…ขอแค่เป็นเรื่องที่ชิงชิงอยากทำ ข้าช่วยชิงชิงให้สำเร็จได้ทั้งนั้น แต่หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ชิงชิงต้องตามข้ากลับไปเป็นผู้ช่วยในกองบัญชาการทหารที่แคว้นเย่ว์”
มู่ชิงอีมองหรงจิ่นที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ หลังจากแน่ใจว่าเขาไม่ได้ล้อเล่นจึงเอ่ยว่า “ผู้ช่วยในกองบัญชาการทหาร? องค์ชายเก้าเสียเรื่องไปตั้งมากมายเพื่อหาผู้ช่วยในกองบัญชาการทหารสักคนอย่างนั้นหรือเพคะ”
หรงจิ่นขยิบตาแล้วเอ่ย “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อ แต่ว่า…ชิงชิงต้องรู้ก่อนนะว่าการจะหาผู้ช่วยในกองบัญชาการทหารที่คุณสมบัติเพียบพร้อมสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย ในแคว้นเย่ว์ข้าหาตัวเลือกที่เหมาะสมไม่เจอ ส่วนเจ้าโง่ที่ไร้ความสามารถพวกนั้น ถ้าข้าใช้งานพวกเขาละก็คงต้องรับมือกับเรื่องที่ต้องตามมาภายหลังแทนพวกเขาอยู่หลายครา อย่างนั้นสู้ข้าลำบากจัดการเองดีกว่า แต่ชิงชิงไม่เหมือนกัน ชิงชิงพบเจอบรรดาที่ปรึกษาทางการทหารมากกว่าข้าจึงฉลาดขึ้นไปอีก แถมวิธีการก็ไม่เลว อีกทั้งเจ้าก็ไม่ใช้คนแคว้นเย่ว์ด้วย เช่นนี้ไม่ใช่คนมากความสามารถที่ข้ากำลังหาอยู่หรือ”
“แต่หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีนะเพคะ” มู่ชิงอีเอ่ยเตือน
หรงจิ่นไม่เข้าใจ “เรื่องนี้ข้ารู้ตั้งนานแล้ว มีปัญหาอันใดหรือ ชิงชิงเป็นสาวงาม…จะเป็นพระชายาข้าหรือผู้ช่วยในกองบัญชาการทหารดีเล่า ชิงชิงเลือกเองเถิด” มู่ชิงอีเพียงรู้สึกเอือมระอาสุดขีด แต่สัญชาตญาณอันน่าประหลาดใจอย่างหนึ่งบอกนางว่าตำแหน่งพระชายาอะไรนั่นเป็นตัวเลือกที่อันตรายถึงชีวิตได้ อีกอย่างถ้าเพราะความช่วยเหลือของหรงจิ่นต้องชดใช้ด้วยอิสระสักหนึ่งชั่วยามก็ยังพอว่า แต่ถ้าต้องชดใช้ชั่วชีวิตล่ะก็นางคงก็เสียเปรียบแย่ เมื่อจับจุดอ่อนได้ว่าเอาเรื่องไหนมาข่มขู่มู่ชิงอีได้ หรงจิ่นก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ถ้าชิงชิงไม่รับปาก ข้าก็จะไปขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้แคว้นหวาแล้วนะ” อย่างไรเสียตอนนี้ทั้งสามแคว้นก็ไม่อยากทำสงคราม งานฉลองวันคล้ายวันคล้ายวันพระราชสมภพครั้งนี้มีคนมามากมายก็เพื่อสร้างความปรองดองกัน ต่อให้หรงจิ่นเสนอขออภิเษกกับบุตรสาวตระกูลทรงอิทธิพลของแคว้นหวา คิดว่าฮ่องเต้ย่อมทรงอนุญาตอยู่แล้ว
มู่ชิงอีสีหน้ามืดมน มองค้อนใส่องค์ชายเก้าที่ทำตัวตื่นเต้นดีใจแล้วเอ่ยเสียงเข้มว่า “องค์ชายยอมช่วยหม่อมฉันต่อกรกับกงอ๋องและบรรดาท่านอ๋องเหล่านั้นได้ แต่…ถ้าคนที่หม่อมฉันคิดจะต่อกรด้วยคือฮ่องเต้แคว้นหวาเล่า”
“หา?” องค์ชายหรงจิ่นชะงักไปแล้วมองมู่ชิงอีด้วยแววตาเหนือความคาดหมาย แต่ก็แปรเปลี่ยนเป็นความฮึกเหิมยิ่งกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว ยิ้มกล่าว “ชิงชิงมือเติบจริงๆ แต่ว่าเรื่องนี้…ตอนนี้พวกเรายังต่อกรกับฮ่องเต้แคว้นหวาไม่ได้ ไม่งั้น…เรื่องนี้ก็เพิ่มลงไปในข้อตกลงของเราด้วยเลย รอชิงชิงช่วยข้าเรียบร้อยแล้ว ข้าก็จะมีความสามารถช่วยเจ้าต่อกรกับฮ่องเต้แคว้นหวาได้ พอถึงตอนนั้นเจ้าอยากจะต้มเขาหรือทอดด้วยน้ำมันก็เอาตามที่ชิงชิงชอบใจเลย” พอมู่ชิงอีเห็นองค์ชายหรงจิ่นยิ่งพูดท่าทางก็ยิ่งสะดีดสะดิ้งขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าตนพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง หากใช้ความสามารถในตอนนี้ต่อกรกับฮ่องเต้แคว้นหวาคงเหมือนมดที่อยากจะเขย่าต้นไม้ใหญ่ แล้วเขาจะดีอกดีใจขนาดนี้ทำไมกัน
“ถ้าอย่างนั้นองค์ชายเก้าควรจะพูดสักหน่อยหรือไม่ ว่าที่แท้แล้วท่านต้องการให้หม่อมฉันช่วยท่านอย่างไร” มู่ชิงอีเอ่ยถาม
องค์ชายหรงจิ่นที่กำลังดีอกดีใจเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองมู่ชิงอีอีกครั้งแต่ในแววตากลับประกายความเย็นชาและเย็นยะเยือกออกมา หรงจิ่นจับจ้องที่ดวงตาของมู่ชิงอีแล้วกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ข้าอยากได้ตำแหน่งองค์รัชทายาทของแคว้นเย่ว์”
มู่ชิงอีไม่ได้ตกใจอะไร ถึงแม้ภาพภายนอกในยามปกติที่หรงจิ่นแสดงออกมาจะเหมือนคนเหลาะแหละไม่ได้ความคนหนึ่ง แต่ถ้าคนๆ หนึ่งสามารถแอบกุมอำนาจได้มากมายและมีร่างกายที่ชวนให้คนแปลกใจเช่นนั้น ถ้าเช่นนั้นไม่ว่าท่าทีที่แสดงออกมาในยามปกติจะเป็นเช่นไร หรือร่างกายสถานะไหน เขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดาๆ อย่างที่คนนอกมองกันแน่นอน องค์ชายผู้หนึ่งที่ไม่มีความทะเยอทะยานและกระหายในอำนาจคงไม่ปกปิดตัวเองทำตัวมีความลับที่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้ขนาดนี้อย่างเช่นหรงจิ่นกระมัง
ตำแหน่งองค์รัชทายาทแคว้นเย่ว์…ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์มู่หรงเทียนนั้นอายุมากกว่าฮ่องเต้แคว้นหวา ปีนี้พระชนมายุหกสิบห้าปีแล้ว แต่เขาใจอำมหิต แข็งแกร่ง ขี้สงสัยระแวงยิ่งกว่าฮ่องเต้แคว้นหวาเสียอีก มู่หรงเทียนคลองบัลลังก์มาเกือบสี่สิบปีแล้ว องค์ชายที่อายุมากที่สุดก็ปาเข้าไปสี่สิบแปดปี ทว่าแต่ไรมาไม่เคยได้รับแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท อีกทั้งถึงแม้แคว้นเย่ว์จะเคยมีประเพณีแต่งตั้งองค์รัชทายาทแต่กลับไม่ใช่เรื่องจำเป็น ในแคว้นเย่ว์มีเหล่าเชื้อพระวงศ์มากมายที่ไม่เคยถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ดังนั้นแทนที่หรงจิ่นจะพูดว่าอยากได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท สู้พูดว่าเขาอยากได้ตำแหน่งฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ว์จะดีกว่า ในเมื่อมีความเป็นไปได้มากที่ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์จะตัดสินใจว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่แต่งตั้งตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้ว
ครั้นเห็นมู่ชิงอีเงียบจาไม่พูดอะไร หรงจิ่นเองก็ไม่ได้เร่งนาง ในเมื่อเรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะตัดสินใจได้ในเวลาอันสั้น หรงจิ่นลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ชิงชิงค่อยๆ ไตร่ตรองดูก็ได้ ขอแค่ให้คำตอบข้าก่อนที่ข้าจะออกจากแคว้นหวาไปก็พอแล้ว” มู่ชิงอีเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ครั้งนี้หรงจิ่นไม่ได้ตอแยกัดไม่ปล่อยหากไม่ได้อย่างที่หวังเช่นเคย หรงจิ่นยิ้มกล่าว “เรื่องแบบนี้จะบีบบังคับได้อย่างไร ถ้าเกิดข้าเอาผู้ช่วยในกองบัญชาการทหารที่มีความคับแค้นขุ่นมัวในใจกลับไป ไม่ใช่ว่าจะเป็นการหาเรื่องให้ตัวข้าเองหรือ”
“องค์ชายเก้าตัดสินใจเรื่องนี้เมื่อใดกันเพคะ” มู่ชิงอีถามออกไปด้วยความใคร่รู้ เป็นไปไม่ได้ที่หรงจิ่นจะมีความคิดจับเอาหญิงสาวในเรือนมาเป็นผู้ช่วยในกองบัญชาการทหารแสนเพ้อเจ้อตั้งแต่แรกเช่นนี้
องค์ชายหรงจิ่นเอียงคอมองเปลวเทียนที่กำลังสั่นไหวอยู่ในตะเกียงภาพภูเขาแม่น้ำจากมุมที่ไม่ไกลนัก ยิ้มกล่าว “ตอนเห็นชิงชิงวางแผนจัดการมู่หรงอวี้ก่อนหน้านี้ก็มีความคิดนี้แล้ว แต่ที่ทำให้ข้าตัดสินใจได้อย่างแท้จริงกลับเป็นวันนี้ ข้าเชื่อใจชิงชิงมากนะ”