หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 169 การสารภาพรักที่ปัญญาอ่อนที่สุดในประวัติศาสตร์ (4)
หลังจากอ่านพระราชโอการและขอบคุณในพระมหากรุณาธิคุณเสร็จ ท่านขันทีผู้ถ่ายทอดพระราชโองการถึงได้ส่งพระราชสาส์นและสาส์นแต่งตั้งองค์หญิงมอบให้มู่ชิงอีพร้อมกัน จากนั้นก็อมยิ้มกล่าว “ยินดีกับองค์หญิงด้วยพ่ะย่ะค่ะ หากไม่มีอะไรแล้วกระหม่อมต้องขอตัวก่อน”
มู่ชิงอีรับมาพร้อมยิ้มบางกล่าว “ลำบากท่านขันทีอยู่ไม่น้อย อิ๋งเอ๋อร์ไปส่งท่านขันทีเถิด”
“เพคะ องค์หญิง” อิ๋งเอ๋อร์ทำความเคารพอย่างนอบน้อมแล้วเดินเข้าไปเชิญท่านขันทีเดินออกไปพร้อมกัน ครั้นเดินไปถึงหน้าประตูก็ยัดกระเป๋าหูรูดลวดลายสวยเรียบใส่มือเขา ถึงแม้กระเป๋าหูรูดอันนี้จะไม่ได้สวยเตะตาอะไรแต่เพราะชั้นผ้าที่บางเบาแค่อยู่ในมือก็สัมผัสรู้แล้วว่าของข้างในคืออะไร ท่านขันทีที่มาถ่ายทอดพระราชโองการฉีกยิ้มร่าขึ้นมาทันทีแล้วบอกให้อิ๋งเอ๋อร์ไม่ต้องไปส่งแล้ว ของในกระเป๋าหูรูดนี้อย่างน้อยต้องมีใบตั๋วเงินร้อยตำลึงหนึ่งใบและไข่มุกหลายเม็ดแน่นอน ในบรรดาองค์หญิงและพระสนมที่ใจกว้างขนาดนี้มีน้อยนัก ท่านขันทีตัดสินใจว่าหลังจากลับไปคงต้องชื่นชมองค์หญิงที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่ผู้นี้ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทหน่อยแล้ว
ภายในห้องโถงเงียบขึ้นมาชั่วขณะ จะมีเรื่องใดน่าโมโหเท่าอีกฝ่ายมีเรื่องให้น่ายินดีจนชวนให้รู้สึกอิจฉา ในขณะที่ตนนั้นกลับกำลังเสียใจเรื่องงานศพอยู่อีกเล่า ถึงแม้มู่ชิงอีจะไม่ได้แสดงท่าทีดีอกดีใจอะไรแต่สำหรับมู่ฉังหมิงแล้วฉากที่เห็นกลับเป็นการเหน็บแนมเยาะเย้ยชั้นดี ส่วนสะใภ้ซุนและมู่อวิ๋นหรงยิ่งอยากรีบเข้าไปบีบคอมู่ชิงอีให้ตายๆ ไปเสีย
เพียงแต่น่าเสียดายไม่ว่าพวกเขาจะคิดเช่นไรแต่ก็ทำอะไรมู่ชิงอีไม่ได้ นับตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนที่มู่ชิงอีลืมตาขึ้นมานางก็ได้ลิขิตไว้แล้วว่านางจะไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถบงการได้ง่ายๆ อีกต่อไป ดังนั้นมู่ชิงอีจึงแค่กวาดตามองทุกคนด้วยสีหน้าราบเรียบ จากนั้นก็รวบพระราชสาส์นและสาส์นแต่งตั้งส่งให้จูเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายแล้วหมุนตัวเดินออกไป
ครั้นกลับไปถึงเรือนหลานจื่อก็เห็นว่าหรงจิ่นตื่นแล้ว เขากำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอย่างสนุกสนานอยู่ในห้องหนังสือ พอเห็นมู่ชิงอีเข้ามาก็เอ่ยยียวนโดยไม่แม้แต่จะปรายตามองด้วยซ้ำว่า “ยินดีด้วย องค์หญิงหมิงเจ๋อ”
มู่ชิงอีเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “การแสดงความยินดีขององค์ชายเก้าจะเอ่ยแค่ประโยคเรียบง่ายแค่นี้เองหรือ”
หรงจิ่นวางหนังสือในมือลงแล้วยิ้มเอ่ย “ถึงอย่างไรชิงชิงก็ไม่ได้ชอบตำแหน่งองค์หญิงอะไรนี่อยู่แล้ว หากข้าแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการเช่นนั้นจะไม่ยิ่งสร้างความรำคาญใจให้เจ้ากว่าหรือ ข้าต่างหากที่เข้าใจเจ้ามากที่สุดแล้ว!”
ครั้นเห็นรอยยิ้มเริงร่าบนใบหน้าหล่อเหลานั้น มู่ชิงอีก็นึกถึงเรื่องที่ตนประสบเมื่อคืนได้ นางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยขึ้นว่า “ช่างเป็นคนที่เข้าใจดีจริงๆ เพคะ!” พอเห็นมู่ชิงอีทำสีหน้าไม่ชอบใจ หรงจิ่นจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “พูดถึงจู่ๆ ฮ่องเต้แคว้นหวาแต่งตั้งชิงชิงเป็นองค์หญิงเช่นนี้ก็ทำให้ข้าตกใจไม่น้อยเลย” หรงจิ่นฉลาดไม่เบาจึงย่อมมองความคิดที่ฮ่องเต้แคว้นหวามีต่อจังฮูหยินออกจากข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นการที่ฮ่องเต้แคว้นหวามองมู่ชิงอีที่ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงจังฮูหยินผู้นี้เป็นดั่งบุตรสาวได้ นับว่าเหนือคาดมากจริงๆ
มู่ชิงอีแค่นเสียงเบาและคร้านจะพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีกเลยเอ่ยถามเพียงว่า “ไม่กลับไปทั้งคืนแบบนี้ตวนอ๋องไม่เป็นห่วงหรือ” มู่ชิงอีพอจะมองออกว่าหรงเหยี่ยนไม่อยากให้หรงจิ่นยุ่มย่ามกับเหล่าผู้มีอิทธิพลในแคว้นหวาถึงได้จับจ้องไม่วางตาเช่นนั้น ทุกครั้งที่ออกงานสาธารณะ หากหรงจิ่นหายตัวไปเพียงครู่เดียวหรงเหยี่ยนก็จะตามหาตัวเขาแล้วราวกับเป็นห่วงน้องชายผู้นี้มาก แต่น่าเสียดายที่หรงเหยี่ยนกลับไม่รู้เลยว่าองค์ชายเก้าไม่เคยทำเรื่องสำคัญอะไรในงานที่เป็นทางการเช่นนี้หรอก
หรงจิ่นยิ้มกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป ขนาดเรื่องของเขาเองยังยุ่งไม่หวาดไม่ไหวแล้วจะมีเวลาไหนมาจับตาดูข้าได้เล่า” มู่ชิงอีกวาดตามองหรงจิ่นด้วยท่าทีจริงจัง ถึงแม้นางจะรู้จักหรงจิ่นมาไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ แล้ว แต่มู่ชิงอีไม่เคยคิดเลยว่าหรงจิ่นจะเป็นคุณชายอวิ๋นอิ่นที่ถูกไท่สื่อเหิงขนานนามว่าเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือในยุทธจักร เขาคงต้องผ่านความลำบากและการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงมานับครั้งไม่ถ้วน อีกอย่างหรงจิ่นมีฐานะเป็นองค์ชายจึงแทบไม่มีอิสระเพื่อฝึกฝนจนมีวิทยายุทธเก่งกาจเช่นนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรคร้ายประจำตัวของเขาอีก ระหว่างนี้ต้องผ่านความลำบากเช่นใดมาบ้างเกรงว่าหากไม่ใช่คนที่เจอเองกับตัวคงจะบอกไม่ได้
“ชิงชิงมองข้าเช่นนี้ หลงชอบข้าเข้าแล้วหรืออย่างไรกัน” หรงจิ่นมองมู่ชิงอีแล้วเอ่ยขึ้นพลางฉีกยิ้มกว้าง
มู่ชิงอีกลอกตาใส่เขาอย่างเอือมระอา “หากองค์ชายเก้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็เชิญกลับเถิด” รอยยิ้มบนใบหน้าของหรงจิ่นค่อยๆ จางหายไป ไม่ง่ายเลยกว่าจะมองมู่ชิงอีด้วยท่าทีจริงจังเช่นนั้น จากนั้นก็ถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า “ชิงชิงลำบากขนาดนี้ทำให้ข้าเป็นห่วงนัก ตกลงแล้วชิงชิงคิดจะทำอันใดกันแน่…หากเจ้าเพียงแค่อยากฆ่ามู่หรงอวี้กับมู่หรงอานเท่านั้นล่ะก็ ข้าช่วยเจ้าได้นี่นา”
มู่ชิงอีเชื่ออย่างสุดใจจริงๆ เพราะด้วยฝีมือวิทยายุทธของคุณชายอวิ๋นอิ่นแล้วขอแค่เจอโอกาสที่เหมาะสม หากคิดจะฆ่ามู่หรงอวี้ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เพียงแต่…เป้าหมายของนางไม่ได้มีแค่มู่หรงอวี้หรือมู่หรงอานเท่านั้น ต่อให้คุณชายอวิ๋นอิ่นจะมีวิทยายุทธล้ำเลิศเพียงใดก็มิอาจฆ่าทิ้งให้นางหมดได้ ในเมืองหลวงไม่ได้มีเขาเป็นยอดฝีมือแค่คนเดียวสักหน่อย สิ่งสำคัญก็คือ…นางไม่มีทางใช้วิธีการนี้ล้างแค้นแน่นอน
หรงจิ่นมองมู่ชิงอีที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรแล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ตอนนี้…ข้าพอจะเดาออกแล้วว่าชิงชิงอยากทำอะไร แต่ว่าหากเจ้าทำตอนนี้จะอันตรายเกินไป ข้าเป็นห่วง” คิดจะฆ่าคนๆ หนึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ถึงแม้จะเป็นฮ่องเต้ขอแค่คิดย่อมหาวิธีได้อยู่แล้ว แต่เป้าหมายของชิงชิงไม่ใช่แค่คิดจะทำลายคนๆ หนึ่งเท่านั้น เรื่องแบบนี้…ความจริงเหมือนกำลังเล่นกับไฟ หากเผลอไม่ระวังอาจแพ้ภัยตัวเองได้
หรงจิ่นลูบไล้ใบหน้างดงามของมู่ชิงอีอย่างรักใคร่แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ทำไมข้ารู้สึกว่า…ชิงชิงไม่เหมือนบุตรสาวภรรยาเอกของจวนซู่เฉิงโหวเลยนะ” หรงจิ่นไม่ใช่คนโง่ที่จะหลอกได้ง่ายๆ ความจริงแล้วเขามีสัญชาตญาณการป้องกันตัวและสายตาอันแหลมคมที่คนทั่วไปมิอาจเทียบได้ จุดน่าสงสัยบนตัวมู่ชิงอีย่อมอยู่ในสายตาของเขานานแล้ว ความรู้ ประสบการณ์และนิสัยที่มู่ชิงอีมีไม่ใช่สิ่งที่บุตรสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งของจวนซู่เฉิงโหวจะมีได้เลย ไม่ว่ามู่ชิงอีจะฉลาดเพียงใด มีความเคียดแค้นในใจมากแค่ไหน ได้รับความไม่เป็นธรรมมามากเท่าไร สภาพแวดล้อมรอบตัวนางก็ได้กำหนดข้อจำกัดความสามารถของนางไว้แล้ว ทว่าความเฉลียวฉลาดที่มู่ชิงอีแสดงออกมากลับไม่สอดคล้องกับตัวของนางเลยสักนิด
“ชิงชิงรู้จักไท่สื่อเหิงได้อย่างไรหรือ” หรงจิ่นเอ่ยถามเสียงเบา น้ำเสียงที่เอ่ยถามแฝงความน่าหลงใหลจางๆ ไว้ด้วย
แววตาของมู่ชิงอีกลับไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร นางเอ่ยเสียงเรียบว่า “หม่อมฉันเคยบอกหรือว่ารู้จักไท่สื่อเหิงด้วย” หรงจิ่นจับเส้นผมของมู่ชิงอีขึ้นมาพลางยิ้มกล่าวว่า “นอกจากไท่สื่อเหิง ใครจะว่างมาจัดลำดับห้ายอดฝีมืออะไรนี่กัน ยิ่งไปกว่านั้นในนั้นยังมีเว่ยอู๋จี้ด้วย นอกจากตระกูลไท่สื่อที่รู้ข่าวสารว่องไว ในยุทธจักรแล้วจะมีใครอีกที่รู้ว่าเว่ยอู๋จี้มีวิทยายุทธขั้นสูง ตระกูลไท่สื่อได้ฉายาว่าเป็นตระกูลแห่งจอมยุทธ แต่ความจริงพวกเขารู้ความลับที่คนอื่นไม่รู้เยอะมาก ชิงชิงไม่รู้จักเขาจริงๆ หรือ…เช่นนั้นหากข้าไปสังหารเขาคงไม่เป็นไรสินะ”
มู่ชิงอีพูดไม่ออกไปชั่วขณะ นางเชื่อว่าหรงจิ่นเป็นคนพูดจริงทำจริงแน่นอนเลยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เขาไปหาเรื่องอะไรองค์ชายเก้าอย่างท่านเข้าหรือ” หรงจิ่นเลิกคิ้วเอ่ย “พูดความลับของข้าซี้ซั้ว เช่นนี้ยังไม่นับว่าหาเรื่องข้าอีกหรือ ชิงชิง…ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่”
มู่ชิงอีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จับจ้องบุรุษชุดดำตรงหน้าอย่างเย็นชา หรงจิ่นมักแสร้งทำตัวบ้าบื้อทึ่มต่อหน้านางแต่นางกลับลืมไปว่าถึงแม้หรงจิ่นจะไม่เคยรู้จักมู่ชิงอีมาก่อน แต่จากความขี้ระแวงและความหลักแหลมของเขาจะจับสังเกตความผิดปกติไม่ได้เชียวหรือ บัดนี้คงกล่าวได้ว่าบนโลกใบนี้มีเพียงหรงจิ่นต่างหากที่เข้าใจธาตุแท้ของนางอย่างแท้จริง อีกทั้งเข้าใจยิ่งกว่าพี่ใหญ่ของนางเสียอีก