หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 293 ครั้งแรก ณ เมืองหลวงแคว้นเย่ว์ (4)
มู่ชิงอียิ้มพลางพยักหน้ากล่าว “ทำเหมยเหนียงลำบากแล้ว ขอบคุณมาก”
ครั้นเหมยเหนียงเห็นใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มน้อยที่แฝงไปด้วยความไร้เดียงสาตรงหน้าก็อดชะงักไม่ได้ ถึงแม้นางจะได้รับข้อมูลจากผู้ดูแลเฝิงมาก่อนและรับรู้ว่าเจ้านายที่จะมาสืบทอดกิจการตระกูลกู้ต่อเป็นหนุ่มน้อยหล่อเหลา เพียงแต่มองดูแล้วเหมือนหนุ่มน้อยตรงหน้าจะอายุยังไม่ถึงสิบห้าด้วยซ้ำ ความจริงก็ทำเอานางรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่เหมือนกัน หนุ่มน้อยรูปงามน่าเอ็นดูแบบนี้จะสามารถดูแลกิจการมากมายได้หรือ
“คุณชายพูดเกินไปแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นหน้าที่ที่เหมยเหนียงต้องรับผิดชอบ เช่นนั้นเชิญคุณชายทางนี้เถิดเจ้าค่ะ” เหมยเหนียงหันไปทำมือชื้อเชิญ
“คุณชาย” อู๋ซินมองมู่ชิงอีด้วยท่าทีอ้ำอึ้งเหมือนอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
มู่ชิงอียิ้มบางกล่าว “เชิญ”
ในเมื่อเหมยเหนียงสามารถใช้สถานะความเป็นหญิงดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลกู้ในเมืองหลวงแคว้นเย่ว์ได้ย่อมต้องมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ก่อนหน้าที่มู่ชิงอีและอู๋ซินจะมาถึงนางก็ได้เตรียมที่พักเป็นเรือนสี่ประสานโดยแบ่งเป็นสามส่วนซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมืองหลวงไว้เรียบร้อยแล้ว
ด้านบนของเรือนแขวนป้ายคำว่าตระกูลกู้ไว้อย่างเปิดเผย พื้นที่ของจวนขนาดกว้างขวาง อีกทั้งยังตกแต่งวิจิตรงดงามและโอ่อ่าโดยยึดตามรูปแบบความชอบของผู้มีความรู้อย่างตระกูลกู้ ห้องว่างด้านหน้าสุดจัดเป็นมุมทำงานและเลี้ยงรับรองแขกในวันปกติ ห้องว่างสองสามห้องตรงกลางเป็นห้องพักรับรองแขก ส่วนมุมของเจ้าของจวนกลับเป็นส่วนท้ายด้านหลังสุด รวมถึงมีสวนดอกไม้เล็กๆ ที่ทั้งงดงามและเงียบสงบช่วยสร้างความภิรมย์ใจด้วยอีกต่างหาก
เหมยเหนียงเดินนำอยู่เบื้องหน้า ยิ้มกล่าว “ก่อนหน้านี้ผู้ดูแลเฝิงส่งจดหมายมาบอกว่าคุณชายชอบความสงบ เหมยเหนียงเลยตั้งใจให้คนปลูกต้นไม้ดอกไม้บริเวณรอบๆ จวนห้องพักใหญ่ไว้ ด้านข้างยังมีหอเก็บตำราเล็กๆ แห่งหนึ่งด้วย เพียงแต่ตอนนี้ยังโล่งอยู่ อีกสองวันข้าจะจัดแจงหนังสือแล้วรีบเอาย้ายเข้ามา หากมีจุดใดที่บกพร่องไป คุณชายอภัยให้ด้วยนะเจ้าคะ”
มู่ชิงอียิ้มพลางกวาดตามองรอบๆ จวนก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เหมยเหนียงทำได้ดีมาก ลำบากเจ้าแล้ว พวกเราไปดูห้องหนังสือกันเถิด”
“เจ้าค่ะ คุณชาย”
เหมยเหนียงเดินนำมู่ชิงอีไปทางห้องหนังสือ ทว่ายามที่เดินมาถึงหน้าประตูห้องหนังสือกลับเห็นสาวน้อยแต่งชุดบ่าวรับใช้สองคนมายืนอยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว พอเห็นพวกเขาเดินมาก็รีบรุดหน้าเข้ามาทำความเคารพ “บ่าวขอคารวะคุณชายเจ้าค่ะ”
มู่ชิงอีมุ่นคิ้วเล็กน้อย นางไม่ได้ติดใจอะไรกับการจัดแจงเรื่องต่างๆ ของเหมยเหนียง เพียงแต่สาวน้อยทั้งสองตรงหน้าล้วนเป็นเด็กอายุแค่สิบสี่สิบห้าปีเท่านั้น ใบหน้างดงามสะกดใจ รอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มน่าหลงใหล ถึงแม้จะสวมชุดบ่าวรับใช้แต่ดูท่าทางกลับไม่เหมือนคนเป็นบ่าวรับใช้เลย
“ผู้ดูแลเหมย นี่คือ?”
เหมยเหนียงเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับว่านางเองก็ไม่รู้เรื่องสถานการณ์ตรงหน้าเช่นกัน แต่ไม่นานก็คลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมออกแล้วเอ่ยอย่างนอบน้อม “แม่นางสองคนนี้ คนหนึ่งชื่อโจวหลีเอ๋อร์เป็นบุตรสาวคนโตของผู้ดูแลโจวที่คุมกิจการร้านอาหาร ส่วนอีกคนหลีหรูหลานบุตรสาวคนรองของผู้ดูแลหลีที่คุมกิจการโรงงานทอผ้าห้องเสื้อ ก่อนหน้านี้ผู้ดูแลโจวกับผู้ดูแลหลีเคยเปรยๆ ว่าจะให้พวกนางมาคอยรับใช้คุณชาย แต่ข้า…”
เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นเหมยเหนียงไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าเหตุใดแม่นางสองคนนี้ถึงมาปรากฏตัวในจวนตระกูลกู้ได้
ถึงแม้แม่นางสองคนนี้จะถือว่าเป็นคนของตระกูลกู้ แต่ต่อหน้าคนภายนอกกลับเป็นสาวงามของตระกูลผู้มั่งคั่ง อีกทั้งล้วนเป็นคุณหนูที่ไม่ว่าจะหยิบจับทำอะไรก็ต้องมีคนคอยปรนนิบัติทั้งสิ้น ทว่าตอนนี้กลับส่งพวกนางมาเป็นบ่าวคอยรับใช้คอยปรนนิบัติแทน เห็นได้ชัดว่าต้องมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงแน่นอน
มู่ชิงอีรู้ว่าเรื่องนี้จะโทษเหมยเหนียงไม่ได้เลยมองสาวน้อยทั้งสองด้วยสายตาเย็นชาแล้วย่างกรายเดินเข้าห้องหนังสือไป
นางไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้ใช้บุตรสาวบุตรชายของผู้ดูแลรอบกาย ขอแค่สมัครใจยอมจงรักภักดีต่อตระกูลกู้ก็เพียงพอแล้ว นางไม่ติดใจอะไรหากจะให้โอกาสคนรุ่นหลังของพวกเขาบ้าง แต่พวกนางสองคนตรงหน้าไม่ได้มีความสามารถและรู้เรื่องรู้ราวเหมือนอิ๋งเอ๋อร์เลยสักนิด แค่ถูกนางทำตัวเย็นชาเมินเฉยใส่หน่อยก็เผยท่าทีน้อยใจฉายชัดผ่านแววตาแล้ว เห็นได้ชัดว่าปกติพวกนางเองก็เป็นลูกคุณหนูที่ถูกตามใจจนเคยตัวเช่นกัน
มู่ชิงอีเดินมาหลังโต๊ะหนังสือในห้องหนังสือแล้วนั่งลง จากนั้นก็พลิกสมุดบัญชีและเอกสารที่ตั้งไว้บนโต๊ะไปมา ก่อนจะเงยหน้าถามว่า “สมุดบัญชีของทุกร้านอยู่ที่นี่หมดแล้วหรือ”
เหมยเหนียงเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “เมืองหลวงแคว้นเย่ว์ รวมถึงสองเมืองละแวกใกล้เคียงเมืองหลวงมีร้านอาหาร โรงเตี๊ยม โรงน้ำชา โรงงานทอผ้า ห้องเสื้อและกิจการจำพวกอาหารธัญพืชซึ่งรวมแล้วมีทั้งหมดห้าสิบเจ็ดร้าน แต่ของตรงหน้านี้เป็นบัญชีกิจการร้านอาหารและห้องเสื้อของลูกน้องข้าเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้น…สมุดบัญชีของคนอื่นๆ เล่า หรือว่า…ผู้ดูแลคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าข้ากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ” มู่ชิงอีใช้นิ้วเคาะสมุดบัญชีบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจแล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ
“รายงานคุณชาย” สาวน้อยที่อายุมากกว่าหน่อยนามว่าโจวหลีเอ๋อร์ผู้เป็นหนึ่งในบ่าวรับใช้สองคนที่ถูกเมินใส่เดินก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่ง เอ่ยเสียงอ่อนหวาน “คุณชายโปรดอภัยให้ด้วย คุณชายมากะทันหัน ท่านพ่อเลยไม่ทันจัดการสมุดบัญชีเลยอาจช้าไปสักนิด ท่านพ่อบอกว่าคุณชายวางใจได้ ท่านพ่อจะรีบจัดการเรื่องบัญชีแล้วส่งมาให้คุณชายดูแน่นอนเจ้าค่ะ”
สาวน้อยที่มีนามว่าหรูหลานเองก็รีบพยักหน้าเอ่ย “พี่หญิงโจวพูดถูก คุณชายโปรดผ่อนผันสักสองวันเถิด”
มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยรูปงามน่าหลงใหลตรงหน้าด้วยท่าทีสงบ เลิกคิ้วถาม “ผ่อนผันสองวันหรือ”
ยามที่มู่ชิงอีแต่งเป็นหญิงก็งดงามเหนือใครแล้ว บัดนี้พอแต่งเป็นชายก็ยิ่งดูผึ่งผายห้าวหาญ แต่ยังคงหล่อเหลามากเช่นเคย นางเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วจ้องมองสาวน้อยหน้าแดงใจเต้นระส่ำทั้งสอง จากนั้นใบหน้างดงามแดงก่ำที่เปี่ยมล้นไปด้วยความขัดเขินก็มองนางแล้วโพล่งขึ้นว่า “คุณชายเป็นคนมีเมตตาย่อมไม่ถือโทษอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
มู่ชิงอีพยักหน้าเอ่ย “เอาเถิด ในเมื่อพวกเจ้าพูดมาแล้วว่าสองวัน เช่นนั้นก็สองวันแล้วกัน แต่หากหลังจากสองวันนี้ยังไม่เห็นสมุดบัญชี ข้าก็จะไม่พูดพล่ามอะไรมากแล้ว พวกเจ้าเข้าใจใช่หรือไม่”
สาวน้อยทั้งสองมองหน้ากันเชิงว่าไม่เข้าใจความหมายของมู่ชิงอี มู่ชิงอีจึงเอ่ยอธิบายเสียงเรียบ “ก่อนที่ข้าจะมาก็เคยบอกผู้ดูแลทุกคนไว้แล้วว่าให้เอาสมุดบัญชีมาให้ข้าดู ในเมื่อแม่นางทั้งสองบอกว่าเวลากระชั้นชิดไปจัดการไม่ทัน เช่นนั้นข้าก็จะให้เวลาพวกเจ้าอีกสองวัน หากถึงเวลาแล้วยังไม่เห็นสมุดบัญชี ข้าคงอดสงสัยในความสามารถของผู้ดูแลโจวกับผู้ดูแลหลีไม่ได้ว่าจะยังสามารถดูแลกิจการร้านค้ามากมายขนาดนี้ได้ต่อหรือไม่”
สีหน้าของสาวน้อยทั้งสองต่างซีดขาว จากนั้นก็ตีความจากคำพูดของคุณชายได้ว่าจะริบกิจการร้านค้าในมือของบิดา เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด บัดนี้พวกนางสามารถใช้ชีวิตสุขสบายได้ดั่งคุณหนูตระกูลผู้มีอำนาจล้วนเป็นเพราะกิจการในมือของบิดาทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่พวกนางกลับรู้แจ้งแก่ใจดีว่ากิจการพวกนี้ไม่ได้เป็นของตระกูลตน หากคุณชายถอนกิจการในมือของบิดาไป แบบนั้นไม่ใช่แค่พวกเขาจะตกอับ เพราะแม้แต่ชีวิตสุขสำราญเช่นนี้ก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว
“คุณชายพูดเรื่องน่าขันแล้ว” โจวหลีเอ๋อร์หน้าซีดแต่ยังฝืนยิ้มเอ่ย “ท่านพ่อต้องส่งสมุดบัญชีให้คุณชายดูตามเวลาแน่นอนเจ้าค่ะ”
มู่ชิงอีพยักหน้าอย่างพึงพอใจกล่าว “เช่นนั้นก็ดี แต่ไหนแต่ไรมาข้าเองก็ไม่เคยจุ้นจ้านเรื่องพวกนี้เช่นกัน ในเมื่อผู้ดูแลเฝิงและผู้ดูแลเหมยเชื่อมั่นในตัวผู้ดูแลคนอื่นๆ ข้าเองก็ไม่อยากผิดหวังกับผู้ดูแลคนอื่นๆ เช่นกัน พวกเจ้าว่า…ใช่หรือไม่เล่า”
“เจ้าค่ะ…คุณชายพูดถูกแล้วเจ้าค่ะ” สาวน้อยทั้งสองต่างรีบเอ่ยเห็นด้วย
“ดีมาก พวกเจ้าออกไปได้แล้ว”
สาวน้อยทั้งสองเองก็ไม่สนใจเรื่องใดอีกแล้วรีบวิ่งหนีออกไปตามๆ กันโดยไม่คิดอยากอยู่ต่อแม้แต่นิดเดียว
หลังจากเห็นพวกนางสองคนรีบแข่งกันหนีออกไป เหมยเหนียงก็อดปิดปากหัวเราะเสียงเบาไม่ได้ คุณชายผู้นี้ดูท่าทางไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนนิสัยเด็ดขาดและมองการณ์ไกลเช่นนี้ มิน่าเล่า ผู้ดูแลเฝิงถึงไว้ใจเขาขนาดนี้