หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 308 หัวหน้าผู้ดูแลจวนอ๋อง (4)
เช้าตรู่วันนี้ทุกคนต่างรับใช้เจ้านายด้วยความหวาดกลัว ไม่ง่ายเลยกว่าจะอดทนผ่านมันไปได้จนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งถึงตอนสุดท้ายมีบ่าวรับใช้คนหนึ่งทำน้ำหกรดตัวท่านอ๋องจนเลี่ยงเหตุการณ์อาละวาดไม่ได้ บ่าวที่มือไม้ซุ่มซ่ามผู้นั้นถูกโบยแล้วโยนออกนอกจวนทันที แต่เพราะเดิมทีครอบครัวบ่าวรับใช้ผู้นั้นเป็นคนที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้ท่านอ๋อง ทั้งเด็กทั้งคนแก่ของครอบครัวนี้ต่างทำงานอยู่ในจวน มารดาของบ่าวรับใช้ผู้นั้นกลับชักสีหน้าเข้ามาโวยวายต่อหน้าท่านอ๋องโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดเลย นี่จึงสร้างความไม่พอใจให้เขามาก หากไม่ใช่เพราะผู้ดูแลจวนรั้งไว้เกรงว่าครอบครัวนั้นคงจบชีวิตกันหมดแล้ว
“ท่านอ๋อง…” ผู้ดูแลจวนยืนนิ่งตรงหน้าหรงจิ่น เขาปาดเหงื่อพลางใช้น้ำเสียงเล็กแหลมเอ่ยด้วยท่าทีชั่งใจ
หรงจิ่นเอนกายอยู่บนเก้าอี้แล้วเหลือบมองเขาแวบหนึ่งด้วยท่าทีไร้เรี่ยวแรงกล่าว “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”
ผู้ดูแลจวนถอนหายใจเอ่ย “ท่านอ๋อง ถึงแม้คนพวกนี้จะเป็นบ่าวรับใช้ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคนที่ฝ่าบาททรงประทานให้ ท่านทั้งด่าทั้งตีจนเกินความเหมาะสมไปแล้ว แต่หากฆ่าพวกเขาแล้วถูกคนวางแผนเอาเรื่องนี้ไปกราบทูลถึงหูของฝ่าบาทคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก”
ผู้ดูแลจวนผู้นี้เป็นขันทีในวังที่คอยติดตามรับใช้หรงจิ่นมาตั้งแต่เด็ก ผ่านไปสิบกว่าปีแล้วแต่ไม่เคยถูกเปลี่ยนตัวเลย เพราะเหตุนี้หรงจิ่นยังพอไว้หน้าอยู่บ้าง หรงจิ่นออกวังมาอยู่จวนครั้งนี้คร้านจะหาผู้ดูแลจวนคนใหม่เลยลากเขาออกมาด้วย แต่ตามกฎของแคว้นเย่ว์แล้วขันทีห้ามแทรกแซงเรื่องภายนอก เพราะเหตุนี้เขาเลยทำได้แค่ดูแลเรื่องภายในจวนเท่านั้น
หรงจิ่นแค่นเสียงใส่ “แล้วจะให้ข้าไม่ถือความพวกเขาอย่างนั้นหรือ”
ผู้ดูแลจวนถอนหายใจกล่าว “หากท่านอ๋องไม่ชอบพวกเขา หาเหตุผลเปลี่ยนคนก็ได้แล้วนี่พ่ะย่ะค่ะ”
“จะทำอะไรก็ทำเถิด” หรงจิ่นโบกไม้โบกมืออย่างเกียจคร้าน “อย่าให้พวกเขามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก มิเช่นนั้น…ข้าจะฆ่าให้ตายทีละคนเลย!” ขณะที่พูดก็แผ่ไอเย็นยะเยือกดุดันออกมา ผู้ดูแลจวนถอนหายใจอย่างจนใจ หากจะให้เจ้านายน้อยผู้นี้ควบคุมอารมณ์คงเป็นไปไม่ได้ เขารีบคิดหาวิธีเปลี่ยนคนโดยเร็วดีกว่ากระมัง
“ทูลท่านอ๋อง ด้านนอกมีคุณชายท่านหนึ่งมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ”
หรงจิ่นดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นเอ่ยเสียงเรียบ “คุณชายที่ใดกัน”
“คุณชายผู้นั้นบอกว่าแซ่กู้ มาตามคำเชิญของท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
หรงจิ่นรีบลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตัวออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว “เชิญเขาเข้ามา…ช่างเถิด ข้าออกไปเองก็แล้วกัน!”
“นี่…” ผู้ดูแลจวนตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าเจ้านายน้อยของตนจะออกไปต้อนรับคนๆ หนึ่งอย่างรู้มารยาทเช่นนี้เป็นด้วย “คุณชายกู้ผู้นี้คือ…” ใครหรือ ครั้นเห็นหรงจิ่นวิ่งพรวดพราดจากไปอย่างรวดเร็วดั่งลม ผู้ดูแลจวนก็แอบกลืนคำพูดนั้นลงท้องไปอย่างเงียบๆ
“ชิงชิง…” มู่ชิงอีถูกผู้ดูแลพาเข้ามาในจวน ระหว่างทางก็พอจะเห็นได้ว่าฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ปฏิบัติกับหรงจิ่นไม่เลวเลย ทั่วทั้งจวนอ๋องไม่เพียงแต่พื้นที่กว้างขวางเท่านั้น แม้แต่ขนาดยังห่างชั้นกับพวกจวนอ๋องทั่วไป ทิวทัศน์ในจวนงดงามน่ามองยิ่งเข้าไปอีก หากกล่าวถึงจวนคงเทียบได้กับสวนอุทยานหลวงแห่งหนึ่งด้วยซ้ำ
หรงจิ่นพุ่งตัวไปตรงหน้ามู่ชิงอีรวดเร็วดั่งลม จากนั้นก็จับแขนของมู่ชิงอีด้วยรอยยิ้มเปื้อนเต็มใบหน้าเอ่ย “ในที่สุดชิงชิงก็มาสักที” กระทั่งผู้ดูแลจวนที่พาตัวมู่ชิงอีเข้ามายังตกตะลึงตามไปด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสจนชวนให้ใครต่อใครต่างสงสัยว่าองค์ชายเก้าถูกคนสลับตัวไปหรือไม่
“องค์ชายเก้า” มู่ชิงอีสะบัดมือที่ดึงตัวเองไว้ออกอย่างไร้อารมณ์ นางไม่อยากถูกใครสงสัยว่าใช้ความงามยั่วยวนผู้ชายขณะที่สวมชุดบุรุษเช่นนี้หรอกนะ
หรงจิ่นมองค้อนผู้ดูแลจวนที่ทำสีหน้านิ่งตะลึงค้างอย่างเย็นชาแวบหนึ่งจนอีกฝ่ายรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที จากนั้นก็มุดตัวหายไปอย่างรู้กาลเทศะ
“ในที่สุดชิงชิงก็มาสักที เหตุใดถึงไม่บอกก่อนล่วงหน้าเล่าข้าจะได้ไปรับเจ้าดีๆ” หรงจิ่นเอ่ยพลางยิ้มตาหยี มู่ชิงอีแค่นเสียงเอือมระอาใส่ก่อนกัดฟันเอ่ย “ท่านอ๋อง ท่านยังจำได้หรือไม่ว่ากระหม่อมมาทำอันใด”
หรงจิ่นยู่ปากอย่างน้อยใจกล่าว “เหตุใดชิงชิงถึงต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยเล่า ก็ได้! ชิงชิงตามข้ามา”
“กระหม่อมมีนามว่ากู้หลิวอวิ๋น สมญานามจื่อชิง รบกวนท่านอ๋องเรียกกระหม่อมว่าหลิวอวิ๋นหรือจื่อชิงดีกว่า” ชิงชิงอะไรนั่น หากอยู่กันเป็นการส่วนตัวยังพอรับได้ แต่หากหลุดปากต่อหน้าคนภายนอกขึ้นมา มู่ชิงอีกังวลว่าตนอาจจะอยากฆ่าเจ้านายของนางเข้าสักวัน
“ชิง…เอ้ย จื่อชิง เรียกแบบนี้ดูห่างเหินจะตายไป” หรงจิ่นไม่พอใจนัก
“เดิมทีพวกเราก็ไม่ได้สนิทสนมกันอยู่แล้ว ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ” มู่ชิงอีเอ่ยอย่างไร้ความปรานี
หรงจิ่นยังคิดจะพูดอะไรต่อ ทว่าในเมื่อพวกเขาเดินมาถึงลานโถงหน้าห้องหนังสือแล้วเลยทำได้แค่กลืนคำพูดกลับไปอย่างไม่ชอบใจนัก
ในลานโถง เหล่าผู้ดูแลนอกและในจวนอ๋องต่างรอกันอยู่แล้ว พื้นที่ทั่วทั้งจวนอ๋องกว้างขวาง ตอนที่หรงจิ่นออกจากวังมาของที่ฮ่องเต้แคว้นเย่ว์ทรงประทานให้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นผู้ดูแลจวนก็ไม่น้อย รวมๆ กันแล้วผู้ดูแลจวนชายหญิงทั้งนอกและในมีราวๆ ยี่สิบสามสิบคนได้
คนพวกนี้เพิ่งได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องกะทันหันจึงรีบวิ่งมาและกำลังคาดเดาไปต่างๆ นาๆ ว่าจู่ๆ ท่านอ๋องเรียกพวกเขามารวมพลทำอะไรกันแน่ ในเมื่อหลายวันมานี้ท่าทีที่ท่านอ๋องมีต่อทั้งนอกและในจวนก็ดูไม่ได้สนใจอะไรนัก วันๆ นอกจากระเบิดอารมณ์แล้วก็เตรียมระเบิดอารมณ์เท่านั้น ครั้นเวลานี้เห็นท่านอ๋องพาหนุ่มน้อยในชุดสีขาวเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามีความสุขก็อดชะงักกันไม่ได้
“คารวะท่านอ๋อง”ทุกคนต่างทำความเคารพ
หรงจิ่นเผยสีหน้าไม่ใส่ใจ เพียงโบกมือแล้วเอ่ย “ลุกขึ้นเถิด” เขาเดินไปตรงเก้าอี้ตัวหน้าสุดแล้วนั่งลง จากนั้นก็ชี้ไปทางเก้าอี้ที่ว่างข้างๆ “ชิง…จื่อชิงนั่งเถิด”
มู่ชิงอีเดินตรงเข้าไปนั่งด้วยท่าทีเอือมระอาท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
ราวกับหรงจิ่นมองไม่เห็นสีหน้าตกตะลึงของเหล่าบ่าวรับใช้ก็มิปาน เอ่ยเสียงเรียบว่า “นี่คือคุณชายกู้ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาจะเป็นหัวหน้าผู้ดูแลของจวนอ๋อง เขาสามารถจัดการเรื่องในจวนอ๋องได้ทุกเรื่อง คำพูดของเขาก็คือคำสั่งของข้า พวกเจ้า…เข้าใจหรือไม่”
ในลานโถงเงียบกริบไร้เสียงใดไปชั่วขณะ ทุกคนจับจ้องหนุ่มน้อยในชุดสีขาวที่หน้าตางดงามยิ่งกว่าท่านอ๋องของตนตรงหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า ชุดสีขาวปกติทั่วไปตัวนั้นช่างเข้าคู่กับชุดผ้าแพรสีดำลายเมฆของท่านอ๋องเหลือเกิน
“ท่านอ๋องทำไม่เหมาะสม” หลังจากบุรุษอายุราวห้าสิบกว่าปีคนหนึ่งได้สติก็รีบเปิดปากเอ่ยขัดทันที
“ไม่เหมาะสมหรือ” หรงจิ่นเลิกคิ้วแล้วหรี่ตามองบุรุษผู้นั้น “เจ้าเป็นใครกันถึงมาพูดกับข้าได้ว่าไม่เหมาะสม”
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นอดหน้าเขียวอย่างไม่สบอารมณ์ไม่ได้ กัดฟันเอ่ย “กระหม่อมนามว่าเซี่ยตงผู้ดูแลนอกจวนพ่ะย่ะค่ะ”
“หืม ว่ามาสิว่าไม่เหมาะสมเช่นใดหรือ” หรงจิ่นเอ่ยถาม
ผู้ดูแลเซี่ยกล่าว “ยังไม่พูดถึงเรื่องหัวนอนปลายเท้าของกู้หลิวอวิ๋น แถมอายุก็ยังน้อย แล้วจะมารับผิดชอบเป็นหัวหน้าผู้ดูแลจวนตระกูลอ๋องได้เช่นใด”
หรงจิ่นยิ้มเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก “ข้าคิดว่าเขารับผิดชอบไหว เขาก็ต้องรับผิดชอบไหว เข้าใจหรือไม่ จวนเป็นของข้า ข้าพอใจจะทำเช่นไรก็จะทำเช่นนั้น”
ผู้ดูแลเซี่ยฉุนเฉียวขึ้นมาทันที “ท่านอ๋องจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร กระหม่อมขอโน้มน้าวอย่างไม่น่าฟังว่า ท่านอ๋องโปรดพิจารณาไตร่ตรองให้ดีด้วยเถิด”
หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาดูชาญฉลาดอีกฝั่งก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันกล่าว “ผู้ดูแลเซี่ยพูดถูก ท่านอ๋องโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยเถิด คุณชายกู้อายุยังน้อยนัก แล้วจะดูแลจัดการเรื่องในจวนอ๋องมากมายขนาดนี้ได้เช่นไร”
หรงจิ่นเท้าคางอย่างเกียจคร้านเอ่ย “จวนอ๋องเล็กๆ แค่นี้จะมีเรื่องใดได้ จื่อชิงเป็นสหายคนที่ข้าเพิ่งรู้จัก ข้าเป็นคนเชิญเขามาเป็นผู้ดูแลจวนเองกับมือ ยังมีปัญหาใดอีกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น…หากจื่อชิงดูแลไม่ไหวก็ยังมีพวกเจ้าอยู่มิใช่หรือ หรือพวกเจ้าเพียงอยู่ทานข้าวในจวนไปวันๆ?”