หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 401 จวนอานซุ่นจวิ้นอ๋อง (4)
หลิงซู?
มู่ชิงอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หันไปมองหรงจิ่น หรงจิ่นเลิกคิ้วพลางเหลือบมองหลิงซูแล้วเบนสายตาไปที่อื่น
แค่ชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว หลิงซูก็สังเกตถึงคนที่อยู่ทางด้านนี้แล้ว นางรีบก้าวเข้ามาแล้วยิ้มเอ่ย “คาดว่าคงจะเป็นอวี้อ๋อง หม่อมฉันเสียมารยาทแล้วที่มาต้อนรับช้า โปรดอภัยให้ด้วยเพคะ”
หรงจิ่นเลิกคิ้วเอ่ย “เจ้ารู้จักสถานะของข้าได้อย่างไร”
หลิงซูยิ้มเอ่ย “อวี้อ๋องท่าทางน่าเกรงขาม สูงส่งอย่างไม่มีผู้ใดเทียบได้ หม่อมฉันจะไม่รู้ได้อย่างไรเพคะ”
หรงจิ่นพยักหน้า เล่นพัดหยกที่อยู่ในมือเอ่ย “เช่นนี้นี่เอง แล้วเจ้าเป็นใคร” หลิงซูเอ่ยตอบ “หม่อมฉันนามว่าหลิงซู เป็นผู้อาวุโสในเย่าหวังกู่ ได้พบท่านเป็นครั้งแรก หากมีสิ่งใดที่เสียมารยาท ขออวี้อ๋องโปรดอภัยด้วยเพคะ”
หรงจิ่นขมวดคิ้วเอ่ย “เหตุใดข้าต้องอภัยให้ด้วย”
หลิงซูตกตะลึง เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยเห็นคนหยาบคายเช่นนี้มาก่อน สิ่งที่นางพูดเดิมทีเป็นเพียงแค่มารยาทเท่านั้น แต่หรงจิ่นถามด้วยสีหน้าจริงจังราวกับว่านางไม่รู้จักถูกผิด เป็นคนได้คืบจะเอาศอกเสียอย่างนั้น
โชคดีที่หลิงซูไม่ใช่สตรีธรรมดาทั่วไป เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่ไร้เหตุผลเช่นนี้แต่สีหน้านางก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เพียงแต่ยิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบว่า “เป็นหลิงซูที่โง่เขลาไม่รู้จักพูดจา คุณชายท่านนี้…คงจะเป็นหัวหน้าผู้ดูแลกู้กระมัง”
มู่ชิงอียิ้มเล็กน้อย พยักหน้าเอ่ย “คารวะผู้อาวุโสหลิงซู ผู้น้อยนามว่าหลิวอวิ๋น”
หลิงซูมองมู่ชิงอี ขมวดคิ้วเล็กน้อยเอ่ย “สีหน้าคุณชายกู้ดูไม่ค่อยดี เหมือนว่าจะมีอาการหนาวสั่น ขอหลิงซูตรวจชีพจรให้คุณชายได้หรือไม่”
มู่ชิงอีก้าวถอยหลังเล็กน้อย ส่ายหน้าเอ่ย “แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่รบกวนแม่นางจะดีกว่า” แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของนางจะเรียกได้ว่าไร้ที่ติ แต่นางก็ยังเป็นสตรี เส้นชีพจรไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ผู้เชี่ยวชาญอย่างหลิงซูเกรงว่าจะสามารถเดาตัวตนของนางได้ด้วยการตรวจชีพจรเพียงครั้งเดียว
แม้ว่าจะถูกปฏิเสธ แต่หลิงซูก็ไม่ได้เซ้าซี้ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณชายกู้ก็ดูแลสุขภาพให้ดี แม้ว่าอาการหนาวสั่นจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ก็สามารถทำให้ไม่สบายได้ แต่หากมีไข่มุกเปลวเพลิงติดตัวไว้ คาดว่าคงจะดีขึ้น”
หรงจิ่นหรี่ตาลงเล็กน้อย ถามเสียงเรียบว่า “จะไปหาไข่มุกเปลวเพลิงได้ที่ไหน”
หลิงซูยิ้มเอ่ย “ไข่มุกเปลวเพลิงเป็นอัญมณีที่ซ่อนอยู่ในลาวาภูเขาไฟ พลังไฟตามธรรมชาติจะแรงมาก เป็นอัญมณีที่หาได้ยาก ไม่เคยถูกใช้ในเย่าหวังกู่ และไม่เคยถูกเก็บรวบรวมไว้ แต่หม่อมฉันเคยได้ยินว่าในจวนคุณชายเว่ยมีสร้อยข้อมือที่ทำจากไข่มุกเปลวเพลิงเพคะ”
หรงจิ่นเบนสายตาไปทางอื่น “ขอบคุณที่บอก”
หลิงซูยิ้มเล็กน้อย “แค่เรื่องเล็กน้อย อวี้อ๋องเกรงใจเกินไปแล้ว หม่อมฉันยังมีเรื่องต้องทำ ต้องขอตัวก่อนเพคะ” หลิงซูคารวะหรงจิ่นด้วยท่าทางนอบน้อม จากนั้นก็พยักหน้าให้มู่ชิงอีแล้วหันหลังเดินจากไป มองดูแผ่นหลังของนาง มู่ชิงอีถอนหายใจเบาๆ เอ่ย “ช่างเป็นสตรีที่เข้ากันได้กับทุกคน หากไม่ใช่เพราะเคยเห็นศิลปะการต่อสู้ของนาง เกรงว่าคงจะคิดว่านางคือผู้อาวุโสซู่เวิ่น” เมื่อเทียบกับซู่เวิ่นที่มีนิสัยตรงไปตรงมา หลิงซูเป็นเหมือนคนที่ดูแลจัดการเย่าหวังกู่มากกว่า ไม่เหมือนหมอที่อุทิศตนเพื่อศึกษาค้นคว้าวิชาการรักษา
ทั้งสองคนหาสถานที่ที่เงียบสงบแล้วนั่งลง มองดูหลิงซูเดินไปมาอย่างสงบนิ่งท่ามกลางบรรดาสตรีสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานเลี้ยง ไม่ได้มีท่าทีว่าอึดอัดหรือทำตัวไม่ถูก ราวกับว่าเมื่อนางเกิดมาก็ควรจะอยู่ในที่ตรงนั้น มู่ชิงอียังสังเกตุเห็นว่าหลิงซูมีความสามารถในการทำให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนในทุกสภาพแวดล้อม ต่อหน้าวีรบุรุษในยุทธภพนางก็คือมืออันบริสุทธิ์ของพระแม่กวนอิมที่สง่างามและใจดีแต่ไม่สูญเสียความสูงส่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรดาสตรีเหล่านี้ นางก็เป็นเหมือนสตรีสูงส่งที่อ่อนโยนและใจกว้าง
หรงจิ่นนั่งเท้าคางอยู่ขอบโต๊ะ หลับตาลงราวกับว่ากำลังพักผ่อน เงียบอยู่นานก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “เย่าหวังกู่…น่าสนใจ”
มู่ชิงอีเลิกคิ้วเล็กน้อย หรงจิ่นยิ้มเอ่ย “หรือว่าจื่อชิงไม่คิดเช่นนั้น ”
มู่ชิงอีเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นเพราะกฏของเย่าหวังกู่หรือ”
กฎที่สำคัญที่สุดของเย่าหวังกู่คือการไม่มีส่วนร่วมในความขัดแย้งทางโลก และไม่ควรมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ แม้ว่ากฎข้อนี้จะดูไร้เหตุผล แต่กลับเห็นได้ว่านับแต่นั้นเป็นต้นมาเย่าหวังกู่เป็นอิสรภาพจากแคว้นและกองกำลังอื่นๆ เป็นเพียงแค่ผู้รักษาเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลที่เย่าหวังกู่สงบสุขและมั่นคงมาหลายร้อยปี แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเย่าหวังกู่ตั้งใจที่จะยกเลิกกฎข้อนี้แล้ว บังเอิญที่ในเวลานี้ได้มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัว…หมอหญิงผู้ที่มีคุณสมบัติเก่งกาจไปทุกด้าน เกรงว่าครั้งนี้คงยากที่จะบอกได้ว่ามู่หรงอวี้หลอกใช้เย่าหวังกู่ หรือเป็นเย่าหวังกู่ที่หลอกใช้มู่หรงอวี้กันแน่
มองดูบรรดาองค์ชายที่นั่งคุยกันอยู่ตรงหน้า หรงเซวียน หรงเหยี่ยน หรงไหวซึ่งตอนนี้เป็นบรรดาองค์ชายที่ต่อสู้กันมากที่สุดในราชสำนัก ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว แม้ว่าจะไม่มีหญ้าเซียนเก้าเมฆาแล้ว แต่ความน่าดึงดูดใจของเย่าหวังกู่ก็ยังคงน่าทึ่ง
หรงจิ่นเอนกายพิงเสาอย่างเกียจคร้านพลางถามว่า “จื่อชิง เจ้าว่า…เหตุใดหลิงซูจึงได้บอกเรื่องไข่มุกเปลวเพลิงกับข้า”
มู่ชิงอีเหลือมองหลิงซูที่กำลังตรวจชีพจรให้ฮูหยินท่านหนึ่งอย่างมีนัยยะ ยิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบว่า “อาจเป็นเพราะ…แม่นางหลิงซูอยากจะช่วยหม่อมฉันจริงๆ”
หริงจิ่นแค่นเสียงแล้วเอ่ยอย่างเนิ่บนาบ “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็คงต้องยอมรับในน้ำใจนี้” มู่ชิงอีขมวดคิ้วเอ่ย “ท่านจะไปขอไข่มุกเปลวเพลิงกับเว่ยอู๋จี้จริงๆ หรือ ไม่ต้องหรอกเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ขี้หนาวนิดหน่อยก็เท่านั้น พอชินแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”
หรงจิ่นเอ่ยเสียงเบา “ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็แล้วไป ตอนนี้รู้แล้วจะปล่อยให้ชิงชิงทนทุกข์ต่อไปได้อย่างไร”
มู่ชิงอีถอนหายใจเบาๆ “หม่อมฉันไม่เป็นไรจริงๆ เพคะ”
หรงจิ่นเพียงแต่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร มู่ชิงอีรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้ฟังคำพูดของตัวเอง
“พี่เก้า…” ตงฟังซวี่แอบย่องเข้ามาหาพลางขานเรียกเสียงเบา
หรงจิ่นใช้พัดตีไปที่อกของเขา “เป็นถึงคุณชายแห่งจวนจิ้งหย่วนโหว แต่ดูเจ้าสิทำตัวราวกับขโมยก็ไม่ปาน” ตงฟังซวี่เกาศีรษะตัวเองแล้วมองไปที่หรงจิ่นราวกับเห็นผี พี่เก้าคงเพี้ยนไปแล้ว รู้จักพูดคำพูดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน…หรือว่าตนจะดูไม่เหมือนคนปกติทั่วไปยิ่งกว่าเขาเสียอีก?
ราวกับว่าเข้าใจในสิ่งที่เขาคิด หรงจิ่นพ่นลมหายใจเบาๆ เอ่ย “ไม่ว่าข้าจะไปที่ไหนก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ”
ตงฟังซวี่หัวเราะแห้ง ยิ้มพลางนั่งลงข้างๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “เป็นอย่างไร หมอหญิงเทวดาผู้นั้นสวยใช่หรือไม่ ได้ยินมาว่านางมีฉายาว่ามืออันบริสุทธิ์ของพระแม่กวนอิมในยุทธภพด้วย”
“ก็ไม่เท่าไร” หรงจิ่นเอ่ยเสียงเรียบ
ตงฟังซวี่เห็นด้วย เมื่อเทียบกับความงามของพี่เก้าและจื่อชิง ใบหน้าของหมอหญิงเทวดาผู้นี้จึงเรียกได้ว่าดูธรรมดาทั่วไป แต่ในฐานะสตรีวัยสะพรั่ง นางเป็นหมอเทวดา ซ้ำยังมีรูปลักษณ์ที่สะสวยเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
ตงฟังซวี่ยิ้มเอ่ย “ได้ยินว่าท่านน้าสี่อยากจะสู่ขอหมอหญิงเทวดาท่านนี้เป็นพระชายารอง แต่ว่าถูกปฏิเสธ”
“หรงเหยี่ยน?” หรงจิ่นเอ่ยพลางเลิกคิ้ว
“ใช่แล้ว” ตงฟังซวี่เลิกคิ้วอย่างเย่อหยิ่ง ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครได้อีก
หรงจิ่นแสยะยิ้มเอ่ย “ความโลภของเขาไม่น้อยเลย แต่เกรงว่าท้องของเขาจะไม่สามารถยัดเข้าไปได้มากขนาดนั้น”
ตงฟังซวี่ยิ้มเอ่ย “ท่านคิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่มีความคิดนี่หรือ มีใครบ้างที่ไม่อยากให้จวนตัวเองมีหมอเทวดาที่สามารถเรียกใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา ที่สำคัญกว่านั้นก็คือแน่นอนว่ามีเย่าหวังกู่อยู่เบื้องหลังหมอเทวดา” เพียงแค่กระดิกนิ้วก็สามารถเรียกบรรดาบุรุษที่อยู่ตรงนี้ได้เกือบทั้งหมดแล้ว