หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 413 โบยฉินอ๋อง (1)
“ชิงชิง ตราบใดที่เจ้าอยู่กับข้า หรงจิ่น...ให้เจ้าได้ทั้งชีวิต” หิมะด้านนอกปลิวว่อนเข้ามาในศาลา ชายหนุ่มรูปงามที่สวมชุดสีดำโน้มตัวลงไปจูบหญิงสาวชุดขาวที่กำลังนอนหลับอยู่บนเก้าอี้ ราวกับภาพวาดงดงามก็ไม่ปาน
นอกศาลา ปู้อวี้ถังยืนถือร่มอยู่ตรงนั้น เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมีหิมะโปรยปรายด้วยความสับสน ฤดูหนาวในเมืองหลวงมักจะมีหิมะตก
“เข้ามา มีเรื่องอันใด” หรงจิ่นสังเกตเห็นคนข้างนอกตั้งนานแล้ว เขาไม่สนใจและมองปู้อวี้ถังที่อยู่นอกศาลาด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์
ปู้อวี้ถังไม่ได้เดินเข้าไป เขายืนอยู่ด้านหน้าประตูแล้วเอ่ยเบาๆ “ทูลท่านอ๋อง เมื่อครู่มีการตามหานักฆ่าในจวนแต่ละตระกูลพ่ะย่ะค่ะ” ถึงแม้หรงจิ่นและมู่ชิงอีไม่ได้บอกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้จะปิดบังอะไร ด้วยความฉลาดและความรอบคอบของปู้อวี้ถัง เขาจะสังเกตความผิดปกติในเรือนของหรงจิ่นไม่ออกได้ที่ไหนกัน ท่านอ๋องและผู้ดูแลพาคนบาดเจ็บคนหนึ่งกลับมา ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็ต้องมารายงาน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเห็นภาพนี้
แต่หรงจิ่นกลับไม่สนใจความเข้าใจผิดของปู้อวี้ถัง เขาอุ้มมู่ชิงอีแล้วเดินออกมาข้างนอก จากนั้นก็เอ่ยอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องสนใจ ข้าจะดูว่าใครกล้าเข้ามาค้นจวนอวี้อ๋องของข้า”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง” มองดูแผ่นหลังที่เดินออกไปไกล ปู้อวี้ถังก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ช่างมันเถิด นี่ไม่ใช่เรื่องของตน
ยามเช้า เมื่อมู่ชิงอีตื่นขึ้นมาก็พบว่านอนอยู่บนเตียงของตัวเอง เมื่อคืนฟังเสียงพิณของหรงจิ่นแล้วเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลกู้ นางก็นอนไม่ค่อยหลับ การผล็อยหลับไปอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อคืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้นางนึกถึงตอนอยู่ที่จวนซู่เฉิงโหวในเมืองหลวงแคว้นหวา หรงจิ่นที่กำลังบาดเจ็บบุกเข้าไปในจวนซู่เฉิงโหวยามกลางคืน ต้องยอมรับว่า นางเชื่อใจหรงจิ่นแล้ว ดังนั้นนางจึงได้ผ่อนคลายเวลาอยู่กับเขา
นางหยัดกายลุกขึ้นนั่ง กล่องเล็กๆ ที่วางอยู่ข้างหมอนทำให้นางแปลกใจ มู่ชิงอีเปิดกล่องก็พบว่าข้างในมีกำไลหยกแกะสลักดอกกล้วยไม้อย่างประณีต ไม่ใช่กำไลที่คนทั่วไปสวมใส่ แต่เป็นกำไลที่แกะสลักลายดอกไม้ที่พิถีพิถัน จากนั้นก็เชื่อมต่อเข้าด้วยกันดูเป็นธรรมชาติแต่กลับไม่เหมือนกำไลหยกทั่วไป ดูงดงามประณีตยิ่งกว่า
นึกถึงเรื่องที่ช่วงนี้องค์ชายหรงจิ่นมักจะแอบทำอะไรอยู่คนเดียว ไม่ยอมให้ใครเห็น มู่ชิงอีก็ผุดรอยยิ้มบาง องค์ชายเก้าแกะสลักได้สวยมาก ต้องขอบคุณกำลังภายในอันแข็งแกร่งที่นักแกะสลักทั่วไปไม่มี คนที่สามารถทำอาวุธลับที่ละเอียดอ่อนเช่นนั้นได้ แน่นอนว่างานเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องยาก
มู่ชิงอีหยิบขึ้นมาก็สังเกตุเห็นหลังกลีบดอกไม้ยังแกะสลักคำว่า ‘ชิงชิง มีความสุขตลอดไป’
ของขวัญปีใหม่ใช่หรือไม่มู่ชิงอีครุ่นคิดด้วยความซาบซึ้ง นางเองก็เตรียมของขวัญปีใหม่ไว้เหมือนกัน ในเมื่อเขาไม่เรียกนางให้ตื่นมาฉลองปีใหม่ด้วยกัน เช่นนั้นประเดี๋ยวค่อยนำของขวัญไปมอบให้เขาก็ได้
“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” อิ๋งเอ๋อร์ยิ้มแล้วยกน้ำร้อนเข้ามา
มู่ชิงอีก้าวลงจากเตียง อิ๋งเอ๋อร์รีบหยิบเสื้อคลุมมาสวมให้นาง จากนั้นก็ยิ้มเอ่ย “พอดีเลยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องส่งคนมาดูว่าคุณหนูตื่นแล้วหรือยัง บอกว่าหากตื่นแล้วก็ให้ไปทานอาหารเช้าด้วยกัน”
มู่ชิงอีพยักหน้า แต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตา นางถาม “เมื่อคืนท่านอ๋องเป็นคนพาข้ากลับมาหรือ”
อิ๋งเอ๋อร์เอ่ยตอบ “ใช่เจ้าค่ะ ท่านอ๋องมาส่งคุณหนูด้วยตัวเอง คุณหนูจะฉลองข้ามปีกับท่านอ๋องที่เรือนไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเผลอหลับไป บ่าวยังได้ยินเสียงพิณอีกด้วย”
มู่ชิงอีหน้าแดง จะบอกอิ๋งเอ๋อร์ว่านางเผลอหลับไปเพราะเสียงพิณไม่ได้
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว มู่ชิงอีก็เดินไปโถงบุปผาข้างนอก ตอนนี้หรงจิ่นยังคงอยู่ที่เรือนชิงหนิงไม่ย้ายไปไหน นางก็ไม่ต้องออกไปไหนในยามเช้าที่หนาวเย็น อิ๋งเอ๋อร์เดินตามหลังนาง รีบหยิบเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกตัวหนามาสวมให้นาง “คุณหนู…หากท่านไม่สบาย ท่านอ๋องคงไม่ปล่อยบ่าวไปแน่”
มู่ชิงอีสวมเสื้อคลุมอย่างเอือมระอา
ช่วงนี้อิ๋งเอ๋อร์เชื่อฟังคำพูดของหรงจิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ มองดูสีหน้าของนาง อิ๋งเอ๋อร์ก็หัวเราะเบาๆ “เพราะบ่าวรู้ว่าท่านอ๋องทำเพื่อคุณหนูอย่างไรเล่า” ถึงแม้ท่านอ๋องจะชอบอารมณ์ร้อน คนในจวนล้วนแต่เกรงกลัวเขา แต่อิ๋งเอ๋อร์รู้ว่าท่านอ๋องดีกับคุณหนูจริงๆ ดีกว่าตัวเองเสียอีก
ทันทีที่เข้าไปในโถงบุปผาก็เห็นหรงจิ่นรออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เขานั่งอยู่ที่โต๊ะในโถงบุปผา ยิ้มแล้วมองดูมู่ชิงอีเดินเข้ามา “ชิงชิง สวัสดีปีใหม่”
มู่ชิงอีพลันนึกถึงเมื่อคืนที่ตัวเองเผลอหลับไป นางยิ้มเอ่ย “ท่านอ๋อง สวัสดีปีใหม่”
หรงจิ่นกะพริบตา “ของขวัญของข้า เจ้าเห็นแล้วหรือยัง”
มู่ชิงอียิ้มเอ่ย “ท่านอ๋องกำลังเตือนว่าหม่อมฉันควรให้ของขวัญท่านเช่นนั้นหรือ”
หรงจิ่นยิ้มอย่างแผ่วเบาแต่ไม่ได้พูดอะไร มู่ชิงอีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีจะให้ท่านเมื่อคืน แต่ใครจะรู้ว่าหม่อมฉันจะเผลอหลับไป…ดังนั้นจึงต้องให้ช้าหน่อย”
นางหยิบจี้หยกชิ้นหนึ่งออกมาวางบนมือหรงจิ่น “ถึงแม้หยกเย็นที่ได้รับในพระราชวังเมื่อวานจะดีกว่า แต่หยกชิ้นนี้เตรียมไว้แล้ว ท่านรับไว้เถิด”
หรงจิ่นถือขึ้นมาดู มันคือหยกเย็นที่หายาก ความแตกต่างจากหยกเย็นที่ได้รับเมื่อคืนก็คือ มันไม่มีกลิ่นสมุนไพรของสำนักเย่าหวังกู่ หลังจี้หยกแกะสลักคำว่า ‘สงบจิตสงบใจ’ แค่ดูก็รู้ว่ามันคือลายมือของมู่ชิงอี ถึงแม้นางจะไม่ได้แกะสลักด้วยตัวเอง แต่หรงจิ่นชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น บนจี้หยกยังมีเชือกสีแดงที่ผูกเป็นปมมงคลอย่างประณีต ทิ้งเชือกสองสามเส้นไว้ข้างล่าง ช่างเหมาะกับชุดแพรสีดำของหรงจิ่นเสียจริง
หรงจิ่นรู้ว่าที่มู่ชิงอีมอบหยกเย็นให้ตัวเองเป็นเพราะสุขภาพของเขา หวังว่ามันจะสามารถช่วยให้เขาสงบจิตสงบใจ ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาจะสูญเสียการควบคุมเมื่อไร แต่ชิงชิงกลับไม่เคยคิดที่จะจากเขาไป แล้วยังคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาให้เขา…
หรงจิ่นถือจี้หยกไว้ในมือแน่น ตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ
เขาถือจี้หยกไว้ในมืออย่างเงียบเชียบครู่หนึ่ง กว่าจะได้สติกลับมา เขายัดจี้หยกใส่มือมู่ชิงอี จากนั้นก็ดึงหยกเย็นที่ได้มาจากพระราชวังเมื่อคืนออกมา มองนางแล้วเอ่ยว่า “แขวนมันให้ข้าเถิด”
มู่ชิงอียิ้มบาง จากนั้นก็ยกมือขึ้นผูกจี้หยกเข้ากับเข็มขัดตรงเอวของเขา
หรงจิ่นมองจี้หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวตัวเองด้วยความพึงพอใจ เขาพยักหน้าอย่างมีความสุข มองไปที่มู่ชิงอีแล้วถามว่า “ของที่ข้ามอบให้เจ้าล่ะ?”
มู่ชิงอีกลอกตาใส่เขาอย่างเอือมระอา “อยู่ในห้องเพคะ” กำไลที่งดงามประณีตย่อมเป็นของสตรี แต่ตอนนี้นางปลอมตัวเป็นผู้ชาย หากนำมาสวมใส่ ไม่เพียงแต่ไม่เหมาะสม ซ้ำยังอาจทำให้ผู้คนสงสัย
หรงจิ่นกำลังคิดว่า ต่อไปให้ของชิงชิงต้องให้สองชิ้น ตอนนี้ชิงชิงมักจะปลอมตัวเป็นผู้ชาย มอบของผู้หญิงให้…นางก็ไม่ได้ใช้
แค่มองสายตาของเขาก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร มู่ชิงอีส่ายหน้าด้วยความขบขัน จากนั้นก็ดึงตัวเขาไปนั่งทานอาหารที่โต๊ะ