หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 447 เผชิญหน้า (1)
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเว่ยอู๋จี้ไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ มู่ชิงอีก็ย่อมไม่มีทางยอมรับด้วยตัวเอง
แต่ในใจมู่ชิงอีก็อดคาดการณ์ไม่ได้ว่าหากถูกเว่ยอู๋จี้รู้ตัวตนที่แท้จริงของตนเข้า เช่นนั้น…ก็ไม่สามารถซ่อนตัวตนของหรงจิ่นไว้ได้ แต่โชคดีที่…ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อนของเว่ยอู๋จี้ อย่างน้อย…ทั้งสองฝ่ายนับว่าล่วงรู้จุดอ่อนของแต่ละคน
เว่ยอู๋จี้มองชายหนุ่มชุดขาวที่กอดเข่านั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างสงบนิ่ง บนตัวคลุมด้วยเสื้อคลุมสีม่วงทำให้ดูตัวเล็กบอบบางอย่างเห็นได้ชัด แต่ภายใต้แสงไฟใบหน้าที่งดงามราวกับหยกกลับดูตื่นตระหนก เผยให้เห็นความกังวลอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วขมวดมุ่น จากนั้นก็กลับมาสงบนิ่ง ราวกับว่าความกังวลที่เห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงเพราะเขาตาฝาดไป ไม่ได้มีอยู่จริง
เว่ยอู๋จี้อดชื่นชมในใจไม่ได้ เขาเห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามได้คิดวิธีรับมือไว้แล้ว คนอย่างพวกเขาเกิดมาเพื่อคิดเรื่องวางกลยุทธ์ เดินหนึ่งก้าวต้องคิดไปถึงสิบเก้า
เพียงแต่ว่าเว่ยอู๋จี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายหนุ่มรูปงามและอ่อนโยนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็น…สตรีนางหนึ่ง หลังจากที่เขาฆ่าคนที่ไล่ตามเขามาแล้วก็พาชายหนุ่มที่กำลังหลับไหลมาที่นี่ จึงได้รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้แตกต่างจากเด็กหนุ่มที่อ่อนแอและบอบบาง ต่อให้เป็นชายหนุ่มอายุสิบสี่สิบห้าที่ยังไม่โตเต็มที่ก็ยังแตกต่างจากเด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกปีอยู่ดี ในตอนนั้นเพียงแค่เนี่ยอวิ๋นจับชีพจรของมู่ชิงอีก็สามารถรู้เพศที่แท้จริงของนางได้แล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมาก หากเว่ยอู๋จี้ไม่สังเกตเห็น เช่นนั้นเขาคงจะตาบอดแล้ว
เว่ยอู๋จี้เป็นคนฉลาด เพียงแค่ใช้ความคิดเล็กน้อยก็สามารถเข้าใจถึงความผิดปกติ
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มชุดขาวที่กำลังหลับใหล เว่ยอู๋จี้ก็อดนึกถึงสตรีที่งามสง่าผู้นั้นในงานเลี้ยงวังหลวงของแคว้นหวาไม่ได้ องค์หญิงหมิงเจ๋อที่ทำให้เชียนหลิงอิจฉาทันทีที่พบเห็น
หากไม่รู้เรื่องราวมากมายเหล่านี้ ไม่ว่าจะพยายามคิดแค่ไหนก็คิดไม่ออก แต่เมื่อรู้ถึงส่วนสำคัญ ปัญหามากมายที่ไม่เข้าใจในตอนแรกก็จะถูกไขออกได้อย่างง่ายดาย
หากกู้หลิวอวิ๋นคือมู่ชิงอี แม้แต่เว่ยอู๋จี้ก็ยังต้องประหลาดใจกับสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดของสาวน้อยผู้นี้ ที่แท้…ละครในเมืองหลวงแคว้นหวาที่ทำให้ผู้คนแทบอ้าปากค้างถูกกำกับโดยเด็กสาวอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี บรรดาเชื้อพระวงศ์ที่ได้รับสมญานามว่าเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถต่างก็ถูกหลอกใช้
ในทางกลับกัน หากกู้หลิวอวิ๋นคือมู่ชิงอี เช่นนั้น…อวิ๋นอิ่นที่หาเรื่องตัวเองอยู่เสมอผู้นั้นคือใคร ไม่ต้องบอกก็รู้ เมื่อคิดถึงหลายปีมานี้ที่อวิ๋นอิ่นหาเรื่องตัวเอง เว่ยอู๋จี้ก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอวิ๋นอิ่นถึงหาเรื่องตัวเอง ชื่อเสียงด้านความเจ้าคิดเจ้าแค้นของอวี้อ๋องนั้นเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในและนอกเมืองหลวง
เพียงแต่ว่าแม้แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าหรงจิ่นจะสามารถบรรลุความสำเร็จได้ขนาดนี้ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น สามารถกล่าวได้ว่า สมแล้วที่เป็น…บุตรชายของสตรีผู้นั้น
“คุณชายกู้…เรื่องวันนี้คุณชายกู้สามารถเก็บเป็นความลับได้หรือไม่” เว่ยอู๋จี้ถามด้วยรอยยิ้ม
มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้น มองสำรวจเขาอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง ถามกลับเสียงเรียบว่า “วันนี้เกิดอะไรขึ้น คุณชายเว่ยหมายถึงเรื่องที่ประสบอันตรายกับข้าอย่างนั้นหรือ”
เว่ยอู๋จี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ การพูดคุยกับคนฉลาดนั้นทั้งสะดวกและสบาย หรงจิ่นช่างโชคดีจริงๆ “คุณชายกู้ฉลาดเช่นนี้ อวี้อ๋องช่างโชคดีเสียจริง” เว่ยอู๋จี้กล่าวตามที่คิด
มู่ชิงอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลิวอวิ๋นเพียงแค่อ่านหนังสือมามากก็เท่านั้น ตอนนี้ในเมืองหลวงหากจะพูดถึงเรื่องความฉลาด ก็ควรจะเป็นผู้อาวุโสหลิงซูถึงจะถูก”
เว่ยอู๋จี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่ค่อยเข้าใจเจตนาว่าเหตุใดนางจึงได้กล่าวประโยคที่ฟังดูแปลกๆ เช่นนั้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่ในไม่ช้าเว่ยอู๋จี้ก็เข้าใจทันทีว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้ารู้แล้วว่าเขาดูออกว่านางปลอมตัวมา กระทั่งชี้ให้เห็นโดยตรงว่าระหว่างนางกับหลิงซูอาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างที่คนนอกไม่ควรรู้
ไม่ว่าจะเป็นกู้หลิวอวิ๋นหรือมู่ชิงอีต่างก็มีหลักประกันมากพอที่จะข่มขู่เขาได้ เว่ยอู๋จี้ยิ้มอย่างลำบากใจ
หลังจากเงียบไปนานเว่ยอู๋จี้ก็ถอนหายใจอย่างหมดปัญญา เอ่ยเสียงเรียบ “แม่นางมู่ จากกันที่แคว้นหวาครั้งนั้น…คิดไม่ถึงว่าตอนนี้แม่นางมู่จะทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจได้เช่นนี้”
มู่ชิงอีขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับแอบรู้สึกโล่งใจ ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็สงสัยซึ่งกันและกัน เมื่อพูดออกมากลับทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง เลิกคิ้วพลางยิ้มแล้วกล่าวเสียงเรียบว่า “ขายหน้าคุณชายเว่ยแล้ว”
เว่ยอู๋จี้เลิกคิ้วเอ่ย “เกรงว่าจะเป็นข้าที่ขายหน้าแม่นางมู่” ในเมื่อหรงจิ่นคืออวิ๋นอิ่น เช่นนั้นเรื่องที่อวิ๋นอิ่นรู้มู่ชิงอีย่อมไม่มีทางที่จะไม่รู้ เกรงว่าสิ่งที่ผ่านมาการกระทำหลายอย่างของเขาจะเป็นเพียงการแสดงในสายตาของทั้งสองคนเท่านั้น
มู่ชิงอีเพียงแต่ยิ้มไม่ได้กล่าวอะไร และไม่ได้ปฏิเสธ ตอนนี้แม้ว่าเว่ยอู๋จี้จะจับจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของหรงจิ่นได้ แต่จุดอ่อนของเว่ยอู๋จี้ที่อยู่ในมือพวกเขาก็ไม่น้อยเลย
“ขออภัยคุณชายเว่ย ในเมื่อพูดออกมาแล้ว ชิงอีมีเรื่องอยากจะถาม…สิ่งที่คุณชายเว่ยเตือนในวันนี้ทำไปเพื่ออะไรกันแน่ หรือจะบอกว่าคุณชายเว่ยที่ฐานะร่ำรวยที่สุดในใต้หล้าไม่ออกไปท่องโลกภายนอกอย่างเป็นอิสระแต่กลับมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมความขัดแย้งในเมืองหลวงเหล่านี้ ต้องการจะทำอะไรกันแน่” มู่ชิงอีถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เว่ยอู๋จี้มองนางอย่างจริงจัง “แม่นางมู่…เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าปิดปากเจ้าจริงๆ หรือ”
มู่ชิงอียิ้มเอ่ย “หากคุณชายเว่ยจะฆ่าปิดปากข้า เช่นนั้นจะช่วยข้าทำไมกันเล่า”
“ยิ่งไปกว่านั้น…ก็เป็นข้าที่พาแม่นางมู่ออกมาจากเมืองหลวง หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นข้าย่อมไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้” เว่ยอู๋จี้กล่าวเพิ่มเติมจากสิ่งที่นางไม่ได้พูด ลุกขึ้นมองมู่ชิงอีพลางถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “แม่นางมู่เพียงแค่เชื่อว่าข้ากับอวี้อ๋องไม่ได้เป็นศัตรูกันก็พอแล้ว”
มู่ชิงอีเลิกคิ้วเอ่ย “คุณชายเว่ยคิดว่า…พูดเช่นนี้จะสามารถโน้มน้าวข้าได้หรือ”
คนฉลาดอย่างพวกเขาเชี่ยวชาญในการเกลี้ยกล่อมผู้อื่น แต่ตัวเองกลับไม่เก่งในการเชื่อใจผู้อื่น ดังนั้นเว้นแต่ว่าเว่ยอู๋จี้จะสามารถนำหลักฐานที่โน้มน้าวนางได้ มิเช่นนั้น…ต่อให้เว่ยอู๋จี้จะพูดคำพูดสวยหรูแค่ไหน มู่ชิงอีก็ไม่มีทางเชื่อเขา
เว่ยอู๋จี้ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ข้าบอกไม่ได้”
“ทำไมเล่า” มู่ชิงอีถามด้วยความสงสัย
เว่ยอู๋จี้เพียงแต่ยิ้มอย่างอึกอัก ส่ายหน้าแล้วเดินไปอีกด้านหนึ่ง หันหลังให้กองไฟพลางเอามือไขว้หลัง เห็นได้ชัดว่ายอมแพ้ที่จะเกลี้ยกล่อมมู่ชิงอีแล้ว เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “ดูเหมือนว่าคืนนี้คงจะต้องค้างที่นี่หนึ่งคืนแล้ว พรุ่งนี้จะมีคนมารับ กลับไปตอนฟ้าสว่างจะปลอดภัยกว่า แม่นางมู่ทนนอนพักผ่อนที่นี่ไปก่อนเถิด”
มู่ชิงอีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณคุณชายเว่ย”
มู่ชิงอีค่อยๆ เอนกายพิงเชิงเขาด้านหลัง กองไฟอันอบอุ่นนี้ทำให้นางผ่อนคลายก่อนจะผล็อยหลับไป อย่างไรเสียนางก็เป็นเด็กสาวที่ถูกเลี้ยงอยู่ในจวนส่วนตัวมาตั้งแต่เด็ก ร่างกายของมู่ชิงอีจึงไม่ค่อยดีนัก วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายจึงสลบไปอีกครั้ง หลังจากฟื้นขึ้นมาก็ใช้พลังงานทั้งหมดพยายามพูดทดสอบเว่ยอู๋จี้ เวลานี้เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทนแล้ว อาศัยกองไฟอันอบอุ่น ไม่ช้าก็ค่อยๆ จมลงไปในห้วงความฝัน
เพิ่มขนาดช่อง ดึงมุมขวามือลง