หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 463 แผนร้ายของหรงไหว (2)
ความจริงเรื่องนี้สะเทือนใจต่อคนไร้เดียงสาอย่างหนานกงหย่ามากที่สุด น่าสงสารสาวน้อยผู้ที่ถูกเลี้ยงดูฟูมฟักมาราวกับไข่ในหินจากตระกูลหนานกงตั้งแต่เล็ก แม้แต่หนุ่มสาวจูบกันก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยซ้ำ ทว่ากลับต้องมาเห็นหนุ่มหล่อรูปงามสองคนจูบกันเช่นนี้ นางเองก็เป็นแค่สาวน้อยธรรมดาคนหนึ่ง ในเมื่อพี่ใหญ่เลือกคนที่โดดเด่นกว่าใครในทุกๆ ด้านให้นาง เพียงแต่ชื่อเสียงอาจจะเสื่อมเสียไปบ้าง แต่นางก็แค่มายืนยันให้แน่ใจหรือดูให้แน่ชัดว่าควรทำเช่นไรดีก็เท่านั้น เหตุใดต้องให้นางมาเจอ…ฉากเร่าร้อนอะไรแบบนี้ด้วย
ผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดหรงจิ่นก็ปล่อยคนในอ้อมอกออกอย่างรู้สึกดี จากนั้นก็หันไปมองหนานกงหย่าที่กำลังยืนตกตะลึงแน่นิ่งด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มแล้วเลิกคิ้วเอ่ย “ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้วกระมังว่าพวกเราเป็นอะไรกัน”
“พวก…พวกท่าน” หนานกงหย่าสีหน้าซีดขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง นางไม่รู้ว่าตนควรแสดงท่าทีตอบสนองเช่นไรถึงจะถูก ต้องก่นด่ากระมัง แต่พอเห็นหนุ่มน้อยชุดขาวใบหน้าแดงระเรื่อ หายใจหอบถี่ สายตาเลิ่กลั่กไปมาเช่นนั้น นางกลับก่นด่าไม่ออก กระทั่งนางรู้สึกว่ากู้หลิวอวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างกายอวี้อ๋องผู้นี้ใบหน้าน่ามองมากกว่านางที่ยืนอยู่ตรงนั้นเสียอีก นางจินตนาการไม่ออกเลยว่าหากกู้หลิวอวิ๋นจูบตนเหมือนที่อวี้อ๋องทำจะเป็นเช่นไร จากนั้นสีหน้าขาวซีดก็ไร้เลือดฟาดขึ้นมาทันที หนานกงหย่าจ้องหรงจิ่นตาเขม็งก่อนจะกระทืบเท้าร้องไห้วิ่งหนีไป
ครั้นเห็นอีกฝ่ายหนีไปเช่นนั้น หรงจิ่นก็ชอบอกชอบใจพลางก้มหน้ามองมู่ชิงอีในอ้อมอกตนเพราะไร้เรี่ยวแรงจะต้านทานได้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง “ชิงชิงดูสิ หนานกงหย่าไม่จริงใจกับเจ้าเลยสักนิด แค่นี้ก็เผ่นหนีแล้ว”
มู่ชิงอีเหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจอย่างอดไม่ได้ “หากนางจริงใจกับหม่อมฉันขึ้นมาจริงๆ จะทำเช่นไรเพคะ”
“เอ๊ะ” หรงจิ่นกะพริบตาปริบๆ แล้วแสดงท่าทีตอบสนองอย่างรวดเร็ว เอ่ยเสียงแน่วแน่ “เช่นนั้นก็ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด!”
มู่ชิงอีผลักเขาออกในคราเดียว หลังจากจัดระเบียบเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินออกมา “ผู้ชายอย่างท่านทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ โกรธจนร้องไห้ได้ คิดว่าเก่งนักหรือ”
“ยัยเด็กนั่นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ข้าจะทำดีแค่กับชิงชิงคนเดียว” หรงจิ่นเอ่ยราวกับว่ามันควรเป็นเช่นนั้น
มู่ชิงอีหยุดชะงักฝีเท้า จากนั้นก็หันไปมองบุรุษหนุ่มชุดดำใบหน้าหล่อเหลาด้านหลังตนพลางถอนหายใจเสียงเบา ถึงแม้หรงจิ่นจะทำตัวเลวร้ายนับครั้งไม่ถ้วน แต่คำพูดของเขาในหลายๆ ครั้งกลับทำให้นางใจอ่อนและหวั่นไหวได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะคำพูดเหล่านี้เขาจะพูดกับนางเพียงคนเดียวเท่านั้น ขอแค่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เกรงว่าคงยากจะปฏิเสธความตั้งใจและความรู้สึกเช่นนี้ได้
“ชิงชิงเป็นอะไรไป” หรงจิ่นเอียงศีรษะมองมู่ชิงอีด้วยความเป็นห่วง มู่ชิงอีส่ายศีรษะพร้อมเงยหน้าขึ้นท่ามกลางสายตาฉงนของหรงจิ่น จากนั้นก็เขย่งเท้าเล็กน้อยประทับรอยจูบบนปากบางอันเย็นเฉียบกล่าว “วันนี้ทำได้ไม่เลว”
หรงจิ่นมองเงาแผ่นหลังชุดสีขาวที่หมุนตัวเดินจากไปด้วยท่าทีตะลึงงัน พลันไม่ได้สติไปชั่วขณะ เขายกมือขึ้นลูบปากบางเย็นเฉียบราวกับประทับกลิ่นหอมจางๆ ไว้ก็มิปาน
ครั้นเห็นน้องสาวยิ้มหน้าบานออกไปแต่กลับมาด้วยสีหน้าตื่นตกใจแดงก่ำเช่นนั้น หนานกงอี้ไม่เพิกเฉยรีบเข้าไปขวางน้องสาวที่คิดจะกลับเรือนตัวเองไว้แล้วพานางมาที่ห้องหนังสือของตน “หย่าเอ๋อร์ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ กู้หลิวอวิ๋นรังแกเจ้าหรือ” แต่พอคิดถึงนิสัยของกู้หลิวอวิ๋นแล้ว ต่อให้จะไม่ชอบใจเรื่องที่เขาจับคู่กับหย่าเอ๋อร์แต่ก็คงไม่ถึงขั้นรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เขาลังเลใจครู่หนึ่งก่อนถามว่า “หรือเป็นอวี้อ๋อง?”
หนานกงหย่าทั้งอับอายทั้งโกรธเคือง นางจ้องพี่ใหญ่ตาเขม็งเอ่ย “ไม่มีใครรังแกข้าทั้งนั้น! พี่ใหญ่ ข้า…ข้าไม่ชอบกู้หลิวอวิ๋น ข้าไม่อยากแต่งงานกับเขา” สุดท้ายนางก็ไม่ได้บอกเรื่องระหว่างกู้หลิวอวิ๋นกับอวี้อ๋องต่อหน้าพี่ใหญ่ ถึงแม้ข่าวลือในเมืองจะดังกระฉ่อนไปทั่ว แต่ข่าวลือก็เป็นเพียงข่าวลือเพราะไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยัน หากว่ากันตามจริงหนานกงหย่าเองก็ไม่อยากให้หนุ่มน้อยใบหน้าหล่อเหลาถูกคนติฉินนินทาเช่นกัน
หนานกงอี้กวาดตามองหนานกงหย่าด้วยท่าทีจริงจังอยู่นาน หลังจากมั่นใจว่านางจริงจังจริงๆ ถึงผ่อนลมหายใจเสียงเบา สีหน้าก็อ่อนลงมาก ถึงแม้ตอนแรกเขาอยากจับคู่กู้หลิวอวิ๋นกับน้องสาวตนเพราะแฝงเจตนาอยากดึงกู้หลิวอวิ๋นและอวี้อ๋องเข้าพวก ต่อให้กู้หลิวอวิ๋นกับอวี้อ๋องจะมีความสัมพันธ์บางอย่างจริงๆ ทว่าผู้ชายกับผู้ชายก็เป็นเพียงความสัมพันธ์ชั่วคราวไม่ยืดยาว แต่ถึงอย่างไรหนานกงหย่าก็เป็นน้องสาวของเขา หากหลังจากแต่งงานแล้วใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นสุข เขาเองก็คงไม่มีความสุขเช่นกัน หากหนานกงหย่าแย่งคนมาจากอวี้อ๋อง…วันข้างหน้าจะมีจุดจบน่าเศร้าเพียงใดคงมีคนนับไม่ถ้วนยืนยันได้
หนานกงอี้ยกมือขึ้นมาสยายผมของหนานกงหย่าเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ไม่ชอบก็ช่างเถิด วันหลังพี่ค่อยหาคนที่เหมาะสมโดดเด่นกว่ากู้หลิวอวิ๋นมาให้เจ้าแน่นอน” พอได้ยินเช่นนั้น หนานกงหย่าก็อดคลี่ยิ้มบางไม่ได้ “หากหาคนที่โดดเด่นกว่าคุณชายกู้…เกรงว่าคงหายากน่าดูนะเจ้าคะ”
บนโลกนี้ใช่ว่าจะหาคนที่หน้าตาหล่อเหลากว่ากู้หลิวอวิ๋นไม่ได้ คนที่สถานะสูงส่งกว่าเขาก็มีอยู่ไม่น้อย หากลองหาคนที่ปราดเปรื่องมีความสามารถก็คงมีเช่นกัน กระทั่งหาคนที่นิสัยดีกว่าเขาก็ย่อมมีอยู่แล้ว แต่หากจะหาใครสักคนที่ทั้งหน้าตาดี ชาติตระกูลดี มีความสามารถและนิสัยดี เกรงว่าคงหาไม่ได้จริงๆ
“คุณชายกู้เอง…ก็คงไม่เห็นข้าในสายตาเช่นกัน พี่ใหญ่ไม่รังเกียจข้าก็พอแล้ว” หนานกงหย่าเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ หนานกงอี้ยิ้มเอ่ย “ใครจะกล้ารังเกียจบุตรสาวของตระกูลหนานกงของเรากัน ในเมื่อหย่าเอ๋อร์ไม่ชอบเขาก็แล้วไป” นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้ว เดิมทีทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่ในขั้นหยั่งเชิงโดยไม่ได้ป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป ตอนนี้บุตรสาวของตระกูลหนานกงไม่ชอบกู้หลิวอวิ๋น ถึงแม้พูดในแง่ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายแล้วอาจดูไม่ดีเท่าไร แต่นี่เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่ไม่เสียหายสำหรับทั้งสองฝ่าย อีกทั้งยังสอดคล้องกับเรื่องที่ตระกูลหนานกงมอบเฟิ่งหลายฉินให้ด้วย
“อวี้เอ๋อร์…หย่าเอ๋อร์ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้เล่า” ขณะที่สองพี่น้องกำลังพูดคุยกัน หนานกงเจวี๋ยก็เดินเข้ามาข้างใน พอเห็นหนานกงหย่าเงียบไปเลยเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
“หย่าเอ๋อร์ขอคารวะท่านพ่อ คารวะ…จวงอ๋อง” หนานกงหย่ารีบโค้งตัวทำความเคารพ จากนั้นก็มองหรงเซวียนที่เดินตามหนานกงเจวี๋ยเข้ามาอย่างไม่คาดคิด ถึงแม้หรงเซวียนและหนานกงหย่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่อายุกลับต่างกันมากเหมือนคนละรุ่น ปกติจึงไม่ได้ผูกพันอะไรกันมากนัก เขาแค่พยักหน้านิ่งๆ “หย่าเอ๋อร์ลุกขึ้นเถิด”
หนานกงหย่าเองก็รู้ว่าพวกเขาคงมีเรื่องงานอยากสนทนากัน นางจึงโค้งตัวเอ่ยอย่างรู้กาลเทศะ “หย่าเอ๋อร์ขอตัวก่อน”
หลังจากเห็นหนานกงหย่าออกไป หนานกงเจวี๋ยถึงมองหนานกงอี้แล้วเอ่ย “หย่าเอ๋อร์เป็นอะไรไปหรือ” หนานกงเจวี๋ยออกศึกรบราฆ่าฟันมาครึ่งชีวิต อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย เพราะแม้แต่คนในครอบครัวยังยำเกรงไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา ในบรรดาบุตรชายบุตรสาวทั้งสามคนนอกจากหนานกงอวี้แล้ว หนานกงอี้บุตรชายคนโตและหนานกงหย่าบุตรสาวของเขายำเกรงและเว้นระยะห่างกับเขาพอสมควร ดังนั้นปกติยามหนานกงหย่ามีเรื่องอันใดกลับเล่าให้พี่ชายทั้งสองฟังแต่กลับไม่เล่าให้พ่ออย่างเขาฟังเสียส่วนใหญ่
หนานกงอี้ส่ายศีรษะเอ่ย “ไม่มีอะไรขอรับ หย่าเอ๋อร์ก็แค่มาบอกเรื่องกู้หลิวอวิ๋นกับลูกเท่านั้น”
หรงเซวียนเลิกคิ้วเอ่ยอย่างประหลาดใจ “กู้หลิวอวิ๋นทำไมหรือ ใช่แล้ว หลายวันก่อนข้าได้ยินว่าเจ้ามอบเฟิ่งหลายฉินให้กู้หลิวอวิ๋น หรือว่า…”
หนานกงอี้ส่ายศีรษะเอ่ย “เรื่องนี้ไม่สำเร็จ”