หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 552 หนังสือขอหมั้นหมายอันล้ำค่า (2)
“ชิงชิง ข้านึกออกแล้วว่าจะมอบอะไรเป็นสินสอดทองหมั้น ชิงชิงแต่งงานกับข้าได้หรือไม่” หรงจิ่นโอบตัวนางพลางกล่าวอย่างปีติ
มู่ชิงอีพยักหน้าเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนใจ “เพคะ?…คืออะไรหรือ” มอบอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ตราบใดที่พี่ใหญ่ไม่ตกลงไม่ว่าจะมอบอะไรก็เปล่าประโยชน์แม้ว่านางจะรู้สึกผิดต่อความมุ่งมั่นของหรงจิ่น แต่มู่ชิงอีก็ไม่มีทางที่จะไม่เชื่อฟังพี่ใหญ่เพราะเรื่องนี้ และนางก็รู้ว่าพี่ใหญ่ไม่ได้ไม่เห็นด้วยที่นางกับหรงจิ่นจะแต่งงานกันจริงๆ เพียงแค่…อยากจะทำให้ใครบางคนยุ่งยากลำบากก็เท่านั้น
“ข้าจะมอบใต้หล้านี้เป็นสินสอดทองหมั้นของชิงชิง! มอบใต้หล้านี้เป็นสินสอดทองหมั้น…กู้ซิ่วถิงคงจะไม่มีทางไม่พอใจหรอกกระมัง” องค์ชายเก้าประกาศกร้าว
มู่ชิงอีพลันพูดไม่ออก “ใต้หล้า?”
องค์ชายเก้าครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อืม…ตอนนี้มีเพียงแคว้นเย่ว์ แต่อีกไม่นานก็จะมีทั้งหมดในใต้หล้าแล้ว” แต่ติดไว้ก่อนได้หรือไม่ องค์ชายเก้าที่กล่าวคำสัตย์ออกไปในส่วนลึกแอบรู้สึกหดหู่ใจอยู่เล็กน้อย แต่ในใจกลับกระตือรือร้นที่จะลองทำตามความคิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ใช่แล้ว ข้ารู้แล้วว่าต้องเตรียมอะไร ครั้งนี้กู้ซิ่วถิงต้องยอมตอบตกลงอย่างแน่นอน” หรงจิ่นกล่าวด้วยความมั่นใจ หากเขายังไม่ยอมตกลงข้าก็จะมัดเขาแล้วโยนกลับไปที่หนานอี๋ รับรองได้เลยว่าไม่มีใครรู้แน่นอน! องค์ชายเก้ากำลังลอบคิดแผนชั่วอยู่ในใจ
เมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดอย่างจริงจังของเขา มู่ชิงอีก็อดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขาไม่ต้องกังวลมากเกินไป ต่อให้พี่ใหญ่ตอบตกลงแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจัดพิธีอภิเษกสมรสได้ในช่วงนี้ เพียงแต่ว่า…“จวงอ๋องกับหนานกงอี้รู้ตัวตนของหม่อมฉันแล้ว จะไม่เป็นไรหรือเพคะ”
หรงจิ่นโบกมือเอ่ย “จวงอ๋องกับหนานกงอี้ล้วนเป็นคนฉลาด พวกเขาไม่มีทางแพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน อีกอย่าง…ต่อให้เอาไปพูดก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ตราบใดที่ชิงชิงยังอยู่ในคราบบุรุษพวกเขาก็ไม่สามารถแต่งงานกันได้ ดังนั้นถ้าหรงเซวียนเปิดเผยเรื่องนี้จริงๆ ไม่แน่ตนอาจจะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ
กลับมาถึงจวนจวงอ๋อง หนานกงอี้ยังคงมึนงงอยู่ หรงเซวียนโบกมือให้หรงยางออกไปก่อนแล้วมองไปที่หนานกงอี้พลางเลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า “เป็นอะไรไป ยังไม่ได้สติกลับมาอีกหรือ”
หนานกงอี้ยิ้มแหย “มันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น…ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่ากู้หลิวอวิ๋นผู้นี้จะเป็น…สตรี” ในที่สุดสองพยางค์ที่พูดออกมาค่อนข้างลำบากก็ถูกพ่นออกมาจากปากของหนานกงอี้ ในขณะเดียวกันใบหน้าก็ดูเหยเกกว่าเดิม
มู่หรงเซวียนลูบคางเอ่ย “รูปร่างหน้าตาอย่างกู้หลิวอวิ๋น...ต่อให้เป็นสตรีก็ต้องงดงามเป็นอย่างมากแน่นอน เหตุใดเจ้าถึงทำท่าทางเหมือนนางเป็นผีก็มิปาน”
นางน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก! หนานกงอี้เหลือบมองหรงเซวียนอย่างเงียบๆ สมแล้วที่เป็นคนในราชวงศ์ ความสามารถในการยอมรับสิ่งที่น่าตื่นตกใจนั้นสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก
“ท่านพี่…นางเป็นอัครมหาเสนาบดีคนปัจจุบันในราชสำนัก หากเรื่องนี้แพร่ออกไปว่าอัครมหาเสนาบดีของแคว้นเย่ว์เป็นสตรี นักปราชญ์ทั้งใต้หล้าจะต้องเสียสติกันอย่างแน่นอน!”
“แล้วอย่างไรเล่า” หรงเซวียนเลิกคิ้ว สำรวจมองหนานกงอี้เอ่ย “น้องข้า แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นขุนนางพลเรือน แต่อย่างไรเสียก็เกิดในตระกูลหนานกง อย่าทำตัวเหมือนพวกนักปราชญ์ยากจนที่ไม่เคยเห็นโลกได้หรือไม่” หรงเซวียนเชี่ยวชาญด้านวรยุทธ์ ไม่ชอบพวกนักปราชญ์ที่ชอบวางกลอุบาย ที่สำคัญกว่านั้น หากตอนนี้เขาเป็นฮ่องเต้ เขาอาจจะโกรธหากมีสตรีได้เป็นอัครมหาเสนาบดี แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงท่านอ๋อง ใครจะเป็นอัครมหาเสนาบดีก็ไม่ใช่เรื่องของเขา ไม่ไปยุ่งเรื่องคนอื่นก็ไม่ต้องเป็นกังวล หากมีเวลาไปกังวล ไม่สู้รอดูว่าหรงจิ่นจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรเมื่อถึงเวลา ดูจากความสัมพันธ์ขององค์หญิงหมิงเจ๋อกับหรงจิ่น ไม่มีทางที่นางจะเป็นบุรุษไปตลอดชีวิตแน่นอน
จะว่าไปแล้ว…เมื่อนึกถึงชายหนุ่มรูปงามชุดขาวผู้นั้น หรงเซวียนก็อดตัวสั่นไม่ได้ กำชับหนานกงอี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “เจ้าดูยางเอ๋อร์ให้ดีๆ ไม่ว่ากู้หลิวอวิ๋นจะเป็นชายหรือเป็นหญิง พวกเราก็ไม่ควรทำให้นางขุ่นเคือง”
หนานกงอี้มองดูลูกพี่ลูกน้องชายของตัวเองอย่างสับสน ปกติจะเป็นเขาที่เกลี้ยกล่อมหรงเซวียน ตอนนี้กลายเป็นหรงเซวียนที่เกลี่ยกล่อมเขา มันค่อนข้างแปลกเล็กน้อย หรงเซวียนพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มไม่ค่อยสู้ดีนัก “องค์หญิงหมิงเจ๋อผู้นั้น…เจ้าลองคิดดู เราทุกคนคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแคว้นหวาเหล่านั้นเป็นแผนลับของกู้หลิวอวิ๋นกับกู้ซิ่วถิง แต่ตอนนี้…กู้หลิวอวิ๋นผู้นี้ไม่ได้มีอยู่จริง หมายความว่าตั้งแต่เริ่มต้น ทุกอย่างถูกควบคุมโดยองค์หญิงหมิงเจ๋อ บุตรสาวภรรยาเอกที่ไม่เป็นที่รักใคร่ผู้หนึ่งในจวนโหว ถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงของแคว้นหวาในเวลาไม่ถึงสองเดือน ทำลายความรุ่งเรืองของเชื้อพระวงศ์แคว้นหวาไปไม่น้อย หลังจากนางมาถึงแคว้นเย่ว์ พวกเราก็สูญเสียไปไม่น้อยเช่นกัน หนานกงอี้ ในเรื่องไหวพริบนั้นบรรดาพวกเรารวมถึงหรงเหยี่ยนที่ป่าวประกาศว่าตัวเองเป็นคนฉลาด ล้วนไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้”
หนานกงอี้พลันเหงื่อตก พยักหน้าเอ่ย “ข้ารู้แล้ว ท่านพี่วางใจเถิด”
หรงเซวียนพยักหน้า ถอนหายใจพลางกล่าวด้วยความอิจฉาว่า “พระเจ้าทรงเมตตาน้องเก้าไม่น้อยเลย” ไร้อำนาจ ขาดการสนับสนุนจากพรรคพวกแล้วอย่างไรเล่า มีมู่ชิงอีอยู่ บรรดาขุนนางพลเรือนกับขุนนางทหารทั้งราชสำนักก็ไร้ประโยชน์
“ท่านพี่ เรื่องนี้…จะแพร่งพรายออกไปหรือไม่” หนานกงอี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม
หรงเซวียนเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็ส่ายหน้าเอ่ย “ไม่ ไม่ต้องบอกใครทั้งนั้น รวมถึงยางเอ๋อร์กับท่านอาด้วย เรื่องนี้…ยิ่งยืดเยื้อไปนานเท่าไร…ก็จะยิ่งสนุกเท่านั้น ข้าอยากรู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นน้องสี่กับคนอื่นๆ จะมีสีหน้าอย่างไร ” สู้หรงจิ่นไม่ได้ก็ช่างเถิด แต่กลับสู้ไม่ได้แม้แต่สตรีคนเดียว เมื่อถึงเวลานั้นสีหน้าคนเหล่านี้ต้องดูไม่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นว่าเขาคิดเช่นนี้ หนานกงอี้ก็วางใจอย่างไร้ข้อสงสัย ในเมื่อตัดสินแพ้ชนะแล้ว การรับรู้ตำแหน่งของตัวเองจึงจะเป็นการดีที่สุด ไม่ใช่เรื่องดีหากยังไม่เต็มใจ หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง หนานกงอี้ก็ยิ้มเอ่ย “เช่นนี้ก็ดี อัครมหาเสนาบดี…กู้ แม้ว่าจะเป็นสตรี แต่ชั้นเชิงไม่แพ้บุรุษ ยางเอ๋อร์อยู่กับนางจะต้องได้เรียนรู้ไม่น้อยอย่างแน่นอน”
หรงเซวียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก “บอกยางเอ๋อร์ว่าต้องเคารพอัครมหาเสนาบดีกู้ ห้ามเสียมารยาท ที่สำคัญที่สุดคือ…ห้ามเข้าใกล้มากเกินไป! ” ผู้ชายที่ขี้หึงมักจะไม่มีเหตุผล เมื่อดูจากการกระทำของหรงจิ่นที่เชื่อฟังคำพูดของมู่ชิงอีอยู่เสมอจะเห็นได้ว่าเขาให้ความสำคัญกับมู่ชิงอีมากแค่ไหน หากบุตรชายเผลอทำให้หรงจิ่นต้องขุ่นเคืองเพราะเหตุนี้ เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าจะไม่มีแม้แต่โอกาสจะบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด
หนานกงอี้ผงะไปครู่หนึ่ง มองหรงเซวียนแล้วอดยิ้มไม่ได้ พยักหน้าเอ่ย “ข้าเข้าใจแล้ว”
ณ จวนตระกูลกู้ มู่ชิงอีออกไปต้อนรับคณะราชทูตแคว้นเป่ยฮั่น ที่สวนดอกไม้หลังจวนคุณชายซิ่วถิงกำลังเหลือบมองกระดาษตรงหน้าด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย เลิกคิ้วเอ่ย “นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความจริงใจของฮ่องเต้แคว้นเย่ว์? กระดาษหนึ่งแผ่น?”
องค์ชายเก้าใบหน้าบูดเบี้ยว กัดฟันเอ่ย “นี่คือกระดาษธรรมดาทั่วไป? นี่คือพระราชโองการต่างหากเล่า!”
“ดังนั้นความจริงใจของท่านก็คือมีพระราชโองการให้กระหม่อมรับปากยอมให้ชิงอีอภิเษกกับท่าน แต่กระหม่อมไม่ใช่คนแคว้นเย่ว์เสียหน่อย” คุณชายซิ่วถิงยิ้มพลางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ท่านช่วยอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยพูดได้หรือไม่ ท่านพี่!” คิดว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่แท้ๆ ของชิงชิงจริงๆ น่ะหรือ สำหรับสายตาคนนอกเจ้าก็เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องชายเท่านั้น! คนแซ่เดียวกันย่อมเป็นครอบครัวเดียวกัน เคยได้ยินว่าหากพี่ใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน พี่ใหญ่ก็เปรียบเสมือนบิดา ไม่สามารถคัดค้านได้ แต่ไม่เคยได้ยินว่าพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องก็สามารถออกความเห็นได้!
คุณชายซิ่วถิงเลิกคิ้ว หยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมาอ่านอย่างว่าง่าย
หรงจิ่นฮ่องเต้องค์ใหม่แห่งแคว้นเย่ว์ขอให้คำสัตย์สาบานว่าชาตินี้จะสู่ขอมู่ชิงอีเป็นภรรยาเพียงคนเดียว ไม่รับอนุ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่มีวันกลับคำ หากผิดคำสาบานขอให้ฟ้าดินลงโทษ!