หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 94 ความรักในครอบครัวที่น่าขยะแขยง (3)
เรื่องผื่นบนใบหน้าของมู่ชิงอีนั้นมู่เชินก็รู้อยู่แล้วแต่ไม่ได้รู้ลึกมากนัก บ่ายวันนี้มู่ฉังหมิงเพียงแค่ทานอาหารกับน้องหญิงสี่ครั้งเดียวเท่านั้น ตกเย็นใบหน้าของน้องหญิงสี่ก็ถูกทำลายเสียแล้ว เรื่องเช่นนี้มู่เชินไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญจริงๆ อีกทั้งมู่เชินยังค้นพบว่าหลังจากที่กลับมาจากวันงานฉลองของโอรสสวรรค์ สีหน้าของมู่ฉังหมิงที่มองมายังตนมีความเย็นชาอยู่ไม่น้อย แต่สีหน้าที่มองดูมู่หลิงนั้นกลับมีความห่วงใยรักใคร่มากขึ้นหลายส่วน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ให้ความสำคัญและดูนุ่มนวลเหมือนก่อนเกิดเรื่องที่วัดเป้ากั๋วแต่มู่เชินก็เข้าใจชัดเจนว่าท่าทางของท่านพ่อที่มีต่อมู่หลิงนั้นค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด ส่วนการกระทำและความสำคัญของเขาต่อหน้าท่านพ่อในทุกวันนี้ก็เปลี่ยนเป็นไม่ได้รับการพูดถึงในทันที
โหรวเฟย!
มู่เชินไม่เคยเข้าใจชัดเจนอย่างเช่นตอนนี้มาก่อนว่า โหรวเฟยนั้นสามารถเป็นได้แค่สิ่งกีดขวางและศัตรูของเขาเท่านั้น ไม่สามารเป็นสิ่งอื่นได้อีก!
หลิงเอ๋อร์ นำเทียบยาและยาขี้ผึ้งนี้ไปให้กับท่านแม่ของเจ้า หากอีเอ๋อร์อาการดีขึ้นแล้วก็ให้คนต้มยามาให้อีเอ๋อร์ มู่ฉังหมิงยกมือขึ้นแล้วยื่นยาขี้ผึ้งกับเทียบยาให้แก่มู่หลิง มู่หลิงดวงตาเป็นประกาย เขาเอื้อมมือไปรับมันมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า ลูกทราบแล้วขอรับ ขอท่านพ่อโปรดวางใจ
เมื่อเห็นมู่ฉังหมิงมองมู่หลิงอย่างรักใคร่ห่วงใย สายตาของมู่เชินก็เย็นยะเยือก
ทั้งๆ ที่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสะใภ้ซุนกับน้องหญิงสี่แล้วยังส่งมอบยาให้แก่สะใภ้ซุนอีก ท่านพ่อ ท่านพร้อมที่จะละทิ้งน้องหญิงสี่โดยสิ้นเชิงแล้วอย่างนั้นหรือ เช่นนั้น…น้องหญิงสี่ เจ้าวางแผนจะทำอย่างไรต่อไปกัน
หลังออกจากประตูใหญ่ของห้องหนังสือ สายตาของมู่เชินได้มองไปยังทิศทางที่เรือนหลานจื่อตั้งอยู่
ตนมักจะรู้สึกว่าน้องหญิงสี่ผู้นี้ไม่ใช่คนที่ยอมให้ผู้ใดมาบงการได้ง่ายๆ หากนางสามารถโต้กลับได้เล่า…
ข่าวการเสียโฉมอย่างกะทันหันของคุณหนูสี่แห่งจวนซู่เฉิงโหวไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายมากนัก เพราะคนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็ต้องตกตะลึงกับข่าวลือในเช้าวันถัดมา รุ่งเช้า องค์ชายแปดหนิงอ๋องถูกพาตัวกลับมาโดยองครักษ์ของจวนกงอ๋องจากใต้หน้าผาห่างจากตัวเมืองหลายสิบลี้ หนิงอ๋องทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังตกลงมาจากหน้าผาและเนื่องจากอาการบาดเจ็บเดิมของพระองค์ที่ยังไม่หายเป็นปกติดี ตอนนี้จึงยิ่งบาดเจ็บสาหัสอาการร่อแร่ เช้าตรู่ ท่านหมอที่มีชื่อเสียงเกือบทั่วทั้งเมืองหลวงได้รับเชิญจากกงอ๋องไปยังจวนหนิงอ๋อง เมื่อประตูวังเปิดออกเขาก็รีบส่งคนเข้าไปในวังเพื่อเชิญหมอหลวงมาหลายคน การกระทำอันใหญ่โตเช่นนี้ทำให้ทุกคนล้วนเชื่อมั่นว่าหนิงอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักจริงๆ เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ในหอนางโลมชุ่ยหงเมื่อเดือก่อน หนิงอ๋องก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ทุกคนได้แต่ลอบถอนหายใจ
ปีนี้ช่างเป็นปีที่เคราะห์ร้ายสำหรับหนิงอ๋องเสียจริง!
ภายในจวนหนิงอ๋อง มู่หรงอวี้นั่งอยู่ในโถงรับรองนอกห้องนอนของมู่หรงอาน เฝ้ามองดูผู้คนที่กำลังยุ่งอยู่กับการเข้าๆ ออกๆ ด้วยไอเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา คนรับใช้ในจวนหนิงอ๋องต่างก็รู้ดีว่าตอนนี้กงอ๋องนั้นอารมณ์ไม่ดีล้วนไม่กล้าย่างกรายเข้าใกล้อ๋องท่านนี้ เพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ภายในห้องนอนหนิงอ๋อง ท่านหมอเจ็ดแปดคนกำลังรวมตัวกันอยู่รอบๆ เตียงของมู่หรงอานเพื่อจับชีพจรและตรวจดูบาดแผล ส่วนที่เหลืออยู่อีกด้านกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยเสียงที่แผ่วเบา ในเวลานี้ไม่มีผู้ใดคิดที่จะเมินเฉยความเห็นของเพื่อนร่วมอาชีพ เมื่อเห็นหนิงอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ผู้ใดก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะสามารถช่วยเขาได้ แต่…เพียงแค่มองไปที่ใบหน้าของกงอ๋อง หากหนิงอ๋องเป็นอะไรไปล่ะก็พวกเขาต้องจบไม่สวยอย่างแน่นอน
มู่หรงอวี้ในเวลานี้รู้สึกฉุนเฉียวกลัดกลุ้มใจจนเกือบที่อยากจะชักดาบของตนเพื่อฟาดฟันคนเหล่านี้ที่อยู่ต่อหน้าตน รูปลักษณ์ที่สุภาพอ่อนโยนในอดีตนั้นไม่สามารถรักษาไว้ได้อีกต่อไปทำได้เพียงนั่งอยู่ในโถงรับรองโดยใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดเพื่อรอผลวินิจฉัยจากท่านหมอ ตัวของเขาเข้าไปพัวพันกับทุกสิ่งหลังจากที่จูหมิงเยียนถูกนำกลับไปยังจวนกงอ๋องเขาก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะจัดการอย่างไร ท่านแม่ถูกลดตำแหน่งให้เป็นนางสนมชั้นผิน สมบัติของตระกูลกู้และจิ่วจ่วนหลิงหลงก็ไม่ได้ครอบครองเลยสักชิ้น อีกทั้งกู้ซิ่วถิงยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย! แต่ละเรื่องจัดการได้ยากแต่ทุกเรื่องล้วนจำเป็นต้องได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วน แต่ว่าจวนหนิงอ๋องยังไม่มีนายหญิง ท่านแม่ก็ถูกสั่งห้ามและจูหมิงเยียนไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ในตอนนี้ ด้วยเหตุผลนี้ ถึงแม้ว่ามู่หรงอวี้จะยุ่งขนาดไหน เขาก็ต้องมาที่จวนหนิงอ๋องเพื่อจัดการด้วยตัวเองเท่านั้น
ท่านอ๋อง ด้านนอกประตู องครักษ์จากจวนกงอ๋องเข้ามาและเอ่ยอย่างระมัดระวัง
มู่หรงอวี้ชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยว่า พูด
องครักษ์พูดขึ้นด้วยเสียงที่หนักแน่น องครักษ์ทั้งหกที่ติดตามหนิงอ๋องเมื่อวานนี้ยังคงไร้ร่องรอยแต่กระหม่อมมีความมั่นใจถึงเจ็ดส่วนว่าคนเหล่านี้…น่าจะตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ สถานที่ที่หนิงอ๋องตกลงมาจากหน้าผานั้นมีบ้านเรือนอยู่เบาบาง นอกจากนี้วันนั้นประชาชนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็ไปชุมนุมกันที่แม่น้ำหยางหลิ่วจึงไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ในขณะนั้น เกรงว่าอยู่ๆ ม้าที่หนิงอ๋องขี่คงสูญเสียการควบคุมพุ่งตรงไปยังหน้าผาแต่เนื่องจากหน้าผานั้นไม่ได้สูงชันมากนัก อีกทั้งหลังจากที่หนิงอ๋องถูกสลัดออกจากม้าแล้วตกลงมานั้นก็ได้ถูกกิ่งไม้ใต้หน้าผาขวางกั้นไว้ ดังนั้นจึงไม่… ตกลงไปตาย
ดังนั้นเจ้าจะบอกข้าว่าที่น้องแปดตกลงมาจากหน้าผานั้นเป็นอุบัติเหตุ? นี่เป็นผลลัพธ์จากการที่เจ้าสืบค้นมาทั้งคืนอย่างนั้นหรือ มู่หรงอวี้กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
องครักษ์รู้สึกหนาวเย็นที่สันหลังรีบร้อนเอ่ยว่า กระหม่อมไม่กล้า ถ้าหากหนิงอ๋องตกลงมาจากหน้าผาโดยบังเอิญ เหล่าองครักษ์ที่ติดตามหนิงอ๋องจะต้องกลับมาโดยเร็วที่สุดเพื่อรายงาน หรือไม่ก็ลงไปเพื่อค้นหาหนิงอ๋อง แต่สถานที่ที่หนิงอ๋องได้ตกลงไปนั้นไม่มีร่องรอยของผู้ใดเลยพ่ะย่ะค่ะ ประชาชนในบริเวณรอบนอกเมืองหลวงก็ไม่มีใครพบเห็นพวกเขา ดังนั้นกระหม่อมจึงคิดว่า…หนิงอ๋องน่าจะถูกใครบางคนลอบทำร้ายและองครักษ์ก็เสียชีวิตแล้วด้วย นอกจากนี้คนที่ถูกหนิงอ๋องชิงตัวไป…อยู่ที่ใดนั้นไม่รู้แน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ
มือสังหารคือใคร มู่หรงอวี้เอ่ยถามขึ้น
กระหม่อมไร้ความสามารถ องครักษ์ก้มศีรษะและคุกเข่าลงกับพื้น
พวกเขาได้ทำการสืบค้นตั้งแต่เมื่อวานที่หนิงอ๋องได้หายตัวไปแล้วแต่ว่าตั้งแต่ต้นกลับไม่พบร่องรอยใดๆ ทั้งหมดนี้ราวกับว่าเป็นหนิงอ๋องเองที่ขี่ม้าของตนพุ่งลงไปยังหน้าผาอย่างไม่มีผู้ใดอธิบายได้ น่าจะเป็นหนิงอ๋อง คุณชายซิ่วถิงและองครักษ์ทั้งหกคนไปที่นั่นด้วยตัวเอง?
ท่านอ๋อง หนิงอ๋อง… องครักษ์กลืนน้ำลายพร้อมเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบากว่า ขอเพียงหนิงอ๋องฟื้นขึ้นมา เรื่องทุกอย่างก็จะกระจ่างขึ้นพ่ะย่ะค่ะ
มู่หรงอวี้กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา เช่นนั้นก็ทำให้เขาตื่นขึ้นมา!
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อวานนี้ มู่หรงอวี้รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่พบว่าอีกฝ่ายนั้นแม่นยำเกี่ยวกับเรื่องของเวลาและสถานการณ์ถึงระดับที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวเสียจริงๆ เดิมทีเขาควรจะไปยังเรือนชุ่ยเวยเพื่อนำตัวน้องแปดกลับมาทันทีที่ลงจากเรือมังกร แต่กลับมีเรื่องเวทีการประลองเข้ามาหยุดเอาไว้ เมื่อพิธีสิ้นสุดลงเขาก็รีบควบม้าไปยังเรือนชุ่ยเวยแต่มู่หรงอานก็ได้ออกไปแล้ว เมื่อเขากลับไปที่เรือนของตนมันก็ได้ถูกปล้นและกู้ซิ่วถิงถูกพาตัวไปแล้ว อีกทั้งมู่หรงอานก็สาบสูญไร้ร่องรอย ตั้งแต่ต้นจนจบเหลือเพียงองครักษ์แค่คนเดียวที่มุ่งเป้าชี้ไปยังองครักษ์ของมู่หรงอาน ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเอ่ยได้เพียงไม่กี่คำ องครักษ์ผู้นั้นก็เสียชีวิตลง หลังจากนั้นก็มีเรื่องของจูหมิงเยียนเกิดขึ้นอีก จนกระทั่งทำให้เขาไม่มีเวลาไปตามหาน้องแปดด้วยตัวเองและเรื่องทั้งหมดนี้ มู่หรงอวี้ค้นพบว่าในตอนท้ายเขาไม่พบพยานที่สามารถสอบสวนได้เลย
แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ที่วางแผนทำร้ายจวนกงอ๋องและจวนหนิงอ๋องทุกวิถีทางขนาดนี้
กู้หลิวอวิ๋น…กู้หลิวอวิ๋น…
ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งหมดที่เขาได้ยินก็คือชื่อของคนที่ตายไปหลายปีแล้ว เช่นนั้นเรื่องนี้…จะต้องเกี่ยวกับตระกูลกู้แน่! ผิงอ๋อง?
มู่หรงอวี้ส่ายหัวอยู่ในใจ ปฏิเสธการอนุมานของตัวเอง