หวนคืนชะตาแค้น - ตอนที่ 96 ความรักในครอบครัวที่น่าขยะแขยง (5)
ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ มู่หรงอวี้โค้งคำนับด้วยความเคารพ
ภายในห้องโถงไม่ได้มีเพียงมู่หรงอวี้คนเดียวเท่านั้น ยังมีผิงหนานจวิ้นอ๋องจูเปี้ยนและพระชายากงจูหมิงเยียนผู้ซึ่งถูกเรียกตัวมาก่อนหน้านี้อยู่ด้วย แต่ว่าในวันนี้ จูหมิงเยียนที่เดิมทีหยิ่งผยองและสง่างามนั้นกลับมีใบหน้าที่ขาวซีดหม่นหมอง นางได้เปลี่ยนจากชุดพระชายาที่สง่างามในวันวานเป็นเพียงชุดคลุมสีม่วงธรรมดา
แต่สิ่งที่ทำให้จูหมิงเยียนหวาดกลัวคือตั้งแต่ที่นางเข้ามาในพระตำหนักฉินเจิ้ง ฮ่องเต้แคว้นหวาเพียงแค่ชำเลืองมองนางเล็กน้อย แต่การมองเพียงเล็กน้อยนี้ทำให้จูหมิงเยียนรู้สึกว่าสายตาของฮ่องเต้แคว้นหวาที่ทอดพระเนตรมายังตนนั้น ราวกับว่าเขากำลังมองดูบางสิ่งที่สกปรกโสมม จนนางแทบอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
ตนไม่ได้ทำเรื่องใดที่ผิดต่อมู่หรงอวี้ ตนไม่ได้เสื่อมเสียเกียรติ พวกที่ลักพาตัวไปก็ไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด กระนั้น นางก็ไม่กล้าทูลกล่าว รู้ว่าฮ่องเต้แคว้นหวาไม่มีวันเชื่อ
ฮ่องเต้แคว้นหวาเหลือบมองเขาและตรัสด้วยเสียงนุ่มลึกว่า ลุกขึ้นเถิด หนิงอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง
มู่หรงอวี้กล่าวอย่างเคารพนอบน้อม ทูลเสด็จพ่อ น้องแปด…ท่านหมอบอกว่าหากไม่ฟื้นขึ้นมา เขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงเดือนกว่าพ่ะย่ะค่ะ
อย่างไรก็เป็นพระโอรสของตนแม้ว่าจะไม่ใช่พระโอรสที่ถูกคาดหวังไว้สูงก็ตาม แต่ตนก็ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยอยู่บ้าง
อารมณ์ของฮ่องเต้แคว้นหวาแสดงออกชัดเจนบนใบหน้า เขาขมวดคิ้วเอ่ยว่า หาหมอหลวงในราชสำนักเพิ่มอีกสักสองสามคน หากต้องการใช้ตัวยาใดก็ให้ส่งคนเข้าวังมารับไป
เป็นเพียงความสัมพันธ์ทั่วไประหว่างพระบิดากับพระโอรสของฮ่องเต้ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น หลังจากตรัสถาม ฮ่องเต้แคว้นหวาก็ทิ้งคำถามใหม่ไว้ในทันที มองตรงไปยังผิงหนานจวิ้นอ๋องและจูหมิงเยียนพร้อมกับขมวดคิ้วตรัสขึ้นว่า ผิงหนานจวิ้นอ๋อง เรื่องเมื่อวานนี้ท่านจะอธิบายว่าอย่างไร
เรื่องนี้จูเปี้ยนรู้สึกว่าได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างมาก บุตรีมาหายตัวไปอย่างกะทันหัน จูเปี้ยนจำได้แล้วว่าเขาเคยเป็นเหมือนกับมดที่อยู่ในหม้อไฟร้อน กว่าจะกลับมายืนหยัดได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ซ้ำยังเกิดเรื่องเช่นนี้อีก สิ่งที่แย่ที่สุดคือฮ่องเต้ยังต้องการให้เขาอธิบาย? แต่เขาจะอธิบายอะไรได้ เขาจะโง่งมปล่อยให้บุตรสาวทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อชื่อเสียงของนางอย่างนั้นหรือ แต่ในเมื่อฮ่องเต้ตรัสถามมาแล้วเขาจะไม่ปริปากพูดอะไรก็คงไม่ได้ ทำได้เพียงฝืนตอบไปว่า ฮ่องเต้ทรงมีวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลม บุตรีของกระหม่อมแต่ไหนแต่ไรมานั้นงดงามเพรียบพร้อมมีสติปัญญาที่ดีเยี่ยม เรื่องในครั้งนี้…ต้องถูกคนวางแผนให้ร้ายเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ
ฮ่องเต้แคว้นหวาส่งเสียงแสดงความไม่พอใจเล็กน้อย วางแผนให้ร้าย? เหตุใดจึงไม่วางแผนให้ร้ายพระชายาคนอื่นแต่เฉพาะเจาะจงให้ร้ายบุตรสาวของเจ้ากัน ความจริงแล้วฮ่องเต้แคว้นหวาไม่ได้สนใจว่าจูหมิงเยียนจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ แม้ว่านางจะถูกใส่ร้ายจนเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น พระสุนิสาคนนี้ก็คงใช้การอะไรไม่ได้อีกแล้ว เหตุผลที่ฮ่องเต้แคว้นหวาถามขึ้นเช่นนี้เป็นเพราะเขาต้องการให้จูเปี้ยนยอมรับก็เท่านั้นเอง เพียงแต่น่าเสียดายที่ผิงหนานจวิ้นอ๋องจูเปี้ยนไม่ได้เป็นอย่างที่ฮ่องเต้แคว้นหวานึกไว้
แต่ก็ไม่สามารถตำหนิจูเปี้ยนที่เป็นเช่นนี้ได้ จูเปี้ยนมีจูหมิงเยียนเป็นบุตรีเพียงคนเดียวอีกทั้งยังเกิดจากภรรยาเอกที่เป็นที่โปรดปรานมากที่สุด ถึงแม้ว่ายังมีบุตรชายอีกสองคนแต่ทั้งคู่ก็เกิดจากอนุภรรยาที่ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานอะไรมากนักและสติปัญญาของพวกเขาก็ล้วนธรรมดา เมื่อเป็นเช่นนี้จูเปี้ยนจึงฝากฝังความหวังไว้กับบุตรสาวอย่างจูหมิงเยียนมากกว่าบุตรชายทั้งสองคนของเขา แม้ว่าตำแหน่งของผิงหนานจวิ้นอ๋องจะถือได้ว่าเป็นยศสูงที่สุดนอกเหนือจากเหล่าราชนิกูลและท่านอ๋องทั้งหลายแล้ว แต่ปัจจุบันฮ่องเต้แคว้นหวาทรงให้ความสำคัญกับอานซีจวิ้นอ๋องที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยจะดีกับเขาเท่าใดนัก สำหรับผิงหนานจวิ้นอ๋องถึงแม้ว่าเขาจะยังมีกำลังทหารอยู่ในมือบางส่วนแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮ่องเต้แล้วเกรงว่าระดับความสำคัญก็ยังไม่เท่ามู่ฉังหมิงจากจวนซู่เฉิงโหวผู้นั้น ด้วยเหตุนี้จูเปี้ยนจึงต้องวางแต้มต่อทั้งหมดไว้ที่มู่หรงอวี้ หากจูหมิงเยียนไม่ใช่พระชายากง เช่นนั้น การลงทุนเหล่านี้ของเขาก็ล้วนเสียเปล่า
หลังจากได้รับการปฎิเสธอย่างนุ่มนวลจากจูเปี้ยน ฮ่องเต้ก็ทรงไม่พอพระทัยขึ้นมาทันที เขากวาดสายตามองจูหมิงเยียนอย่างไม่เกรงใจพร้อมเอ่ยอย่างเย็นชา เราไม่อยากสนใจเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ อาภรณ์ของนางในวันงานฉลองนั้นไม่เรียบร้อยทำให้ราชวงศ์ของฮ่องเต้อย่างเราต้องเสื่อมเสียเกียรติ สตรีเช่นนี้แน่นอนว่าไม่คู่ควรที่จะเป็นพระสุนิสาในราชวงศ์ของเรา กงอ๋อง เจ้าเข้าใจหรือไม่
มู่หรงอวี้เงยศีรษะขึ้น เหลือบมองไปยังจูหมิงเยียนที่กำลังจ้องมองเขาอย่างอ้อนวอน พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า…เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของหมิงเยียน เมื่อสองวันก่อนหมิงเยียนถูกพวกโจรลักพาตัวไป ล้วนเป็นลูกเองที่ไร้ความสามารถไม่สามารถช่วยนางออกมาได้ทันเวลา แต่ลูกกล้ารับรองได้ว่าหมิงเยียนไม่ได้ทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียพ่ะย่ะค่ะ
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรงอวี้ จูหมิงเยียนก็ตกตะลึงก่อนที่ดวงตาจะรื้นไปด้วยน้ำตา นางไม่คิดว่ามู่หรงอวี้จะฝ่าฝืนและต่อต้านคำสั่งของฮ่องเต้เพื่อนาง อย่างไรเสียจากความสัมพันธ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามู่หรงอวี้นั้นไม่ได้รักนาง
แต่บางที…บางทีเขา…
จูหมิงเยียนรู้สึกตื้นตันใจ แต่ฮ่องเต้แคว้นหวาทรงพิโรธเป็นอย่างมาก เขาคว้าที่ทับกระดาษรายงานพระราชกรณียกิจขว้างตรงไปยังมู่หรงอวี้
ท่านอ๋อง! จูหมิงเยียนอุทานอย่างตกใจ รีบเข้าไปขวางที่ด้านหน้าของมู่หรงอวี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะที่ไกลพอสมควรแต่ฮ่องเต้แคว้นหวาก็ยังเป็นผู้ฝึกวรยุทธ ที่ทับกระดาษจึงกระแทกลงบนไหล่ของจูหมิงเยียน จูหมิงเยียนอดกลั้นเสียงร้องอันเจ็บปวดเอาไว้ ตกลงไปในอ้อมแขนของมู่หรงอวี้ ใบหน้าที่ดูเจ็บปวดเริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา
เยียนเอ๋อร์… จูเปี้ยนก็รู้สึกตกใจเช่นกันแต่เนื่องจากอยู่หน้าพระพักตร์ฮ่องเต้แคว้นหวา เขาจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปดูในทันที ทำได้เพียงคุกเข่าลงพร้อมเอ่ยว่า ฝ่าบาท ขอทรงประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ
ฮ่องเต้แคว้นหวาจ้องไปยังมู่หรงอวี้อย่างเย็นชาและตรัสอย่างโกรธเคือง ไม่ได้ทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสีย? สมองเจ้าเอาไปให้สุนัขรับประทานแล้วอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าต้องเกิดสิ่งใดขึ้นจริงๆ จึงจะทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียอย่างนั้นหรือ เรื่องอื้อฉาวเมื่อวานแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว แม้แต่เรายังได้ยินนางกำนัลในวังพูดกันอย่างลับๆ เมื่อเช้านี้ เจ้ายังจะบอกว่าไม่ได้ทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียอีกหรือ!
ใบหน้าของจูหมิงเยียนซีดเซียวลงอย่างอ่อนแรงในอ้อมแขนของมู่หรงอวี้ ใบหน้าค่อยๆ ไร้สีเลือด
เสด็จพ่อ ลูก…ลูกเชื่อในหมิงเยียนพ่ะย่ะค่ะ มู่หรงอวี้หลับตาลงกัดฟันเอ่ยขึ้น
เราว่าเจ้าสติเลอะเลือนไปแล้ว! ฮ่องเต้แคว้นหวาตรัสขึ้นอย่างเดือดดาล
ฝ่าบาท! จูเปี้ยนกัดฟันพูดขึ้นเสียงดัง ฝ่าบาท กระหม่อมซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อฝ่าบาท ขอฝ่าบาททรงโปรดเห็นแก่คุณงามความดีและความทุ่มเทของกระหม่อมด้วย ประทานอภัยแก่เยียนเอ๋อร์สักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีเยียนเอ๋อร์เป็นบุตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น ขอฝ่าบาททรงโปรด…
เมื่อเห็นท่าทางอ้อนวอนและน้ำตาของท่านพ่อ จูหมิงเยียนก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา นางอดทนต่อความเจ็บปวดบนไหล่ของตนและลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างมู่หรงอวี้ หมิงเยียนทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสีย ขอเสด็จพ่อโปรดลงโทษ แต่เสด็จพ่อ หม่อมฉันถูกวางแผนใส่ร้ายจริงๆ เพคะ หม่อมฉันไม่เคยทำผิดต่อท่านอ๋อง หม่อมฉันก็ไม่ได้ทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสีย ขอเสด็จพ่อทรงไตร่ตรองด้วยเพคะ
เมื่อเห็นสองพ่อลูกร้องไห้ยุ่งเหยิง อีกทั้งพระโอรสของตนยังคุกเข่าด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง ฮ่องเต้เพียงแต่รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดมู่หรงอวี้ต้องเก็บจูหมิงเยียนเอาไว้ เพียงแต่ว่าไม่อยากให้ความสนใจแล้ว ในสายพระเนตรของฮ่องเต้นั้น ไม่ว่าพระโอรสเหล่านี้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่สามารถออกจากการควบคุมของเขาได้ เขาพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า เอาล่ะ เจ้ายินดีที่จะแบกรับชื่อเสียงเช่นนี้ เราก็จะไม่ขัดขวางเจ้า แต่ว่า…ตั้งแต่วันนี้ไป จูหมิงเยียนจะถูกลดขั้นเป็นพระชายารองและไม่ได้รับการเลื่อนขั้นตลอดไป!
เมื่อเห็นว่ามู่หรงอวี้ท่าทางเหมือนกับต้องการจะพูดบางอย่าง ฮ่องเต้แคว้นหวาก็ยิ้มอย่างเย็นชาและตรัสว่า หากเจ้ายังไม่พอใจตำแหน่งกงอ๋องนี้ เจ้าก็ไม่ต้องเป็นแล้ว เพราะหากกลายเป็นคนทั่วไปก็จะไม่มีผู้ใดสนใจว่าภรรยาของเจ้าจะมีชื่อเสียงเสื่อมเสียหรือไม่! หลังจากที่ฮ่องเต้ตรัสจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าทั้งสามคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ท่านอ๋อง… จูหมิงเยียนมองไปที่มู่หรงอวี้อย่างหม่นหมองด้วยใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาและโผเข้าไปในอ้อมแขนของมู่หรงอวี้พลางสะอื้นเบาๆ มู่หรงอวี้ใบหน้าเรียบเฉย ช่วยพยุงจูหมิงเยียนให้ลุกขึ้นยืนและพูดอย่างอบอุ่น หมิงเยียนเจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าจะเป็นพระชายากงของข้าเสมอ