หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 13
บทที่ 13
เป็นความฝันจริงๆ ใช่หรือไม่
แต่งงานกับแม่ทัพเป่ยเจิงเซ่าหมิงยวนเป็นความฝัน ท่านปู่ล่วงลับเป็นความฝัน พ่อแม่ญาติพี่น้องถูกไฟคลอกตายเป็นความฝัน ถูกธนูยิงตายบนกำแพงเมืองหนาวเหน็บอย่างเปล่าเปลี่ยวก็เป็นความฝัน
ดังนั้นพอตื่นขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเหมือนเดิมแล้วกระมัง…
รูม่านตาของหมอเทวดาหดแคบลงฉับพลัน
คำเรียกขานนี้…
เจ้าเป็นใคร เขาจับมือเฉียวเจาพร้อมกับตวาดถาม
พอมือผอมแห้งหยาบกร้านวางทาบบนข้อมือ เฉียวเจาก็ตื่นเต็มตาทันใด นางหลุบตาเพ่งมองมือข้างนั้นนิ่งๆ
นางคุ้นเคยกับเจ้าของมือข้างนี้ดี เขาเคยจับมือนางสอนให้ฝังเข็มนวดคลึง เขาแย้มยิ้มบีบปลายจมูกนางบอกว่านางเรียนรู้ไว
เขาเป็นท่านปู่หลี่ของเฉียวเจา แต่ไม่อาจเป็นของหลีเจาได้
แม่นางน้อย เจ้าเป็นใครกันแน่ หมอเทวดาหลี่หาใช่คนอารมณ์เย็นไม่ น้ำเสียงของเขาปึ่งชาขึ้นหนึ่งส่วน
เฉียวเจาช้อนตาขึ้นสบตาเขา สุ้มเสียงของนางไม่อ่อนนุ่มเฉกเช่นปกติเพราะเป็นไข้ มันแหบแห้งคล้ายสายลมโชยผ่านพื้นหญ้าเขียว ข้าเป็นบุตรสาวของอาลักษณ์หลีในเมืองหลวง ท่านเป็นใครเจ้าคะ
หมอเทวดาหลี่ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไร
เด็กสาวผู้นี้ไม่ชอบมาพากล ก่อนหน้านี้เรียกขานเขาว่าท่านปู่หลี่ชัดๆ แล้วคำคำนี้มีแค่แม่นางน้อยคนหนึ่งเท่านั้นที่เคยเรียก
เฉียวเจาเผยสีหน้างุนงง นัยน์ตาดำขลับสุกใสทั้งคู่หรี่ลงน้อยๆ ละม้ายทบทวนความทรงจำอยู่ เมื่อครู่นี้ข้าอยากพูดว่า ท่านปู่…ผู้นี้เป็นใครเจ้าค่ะ
นางคลี่ยิ้มอย่างใสซื่อ แต่ว่ายังพูดไม่จบ ท่านก็ตัดบทข้าเสียแล้ว
หมอเทวดาหลี่อึ้งงันไป
ท่าน…ท่านปู่หลี่? ท่าน…ท่านปู่ผู้นี้…
ที่แท้ฟังผิดไปเอง
เขาปล่อยข้อมือเฉียวเจา ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุใดในใจยังรู้สึกแปลกชอบกลอยู่หลายส่วน
เขารู้สึกอยู่ไม่วายว่าเด็กสาวพิลึกพิลั่นหัวไวผู้นี้กับเด็กสาวฉลาดปราดเปรื่องผู้นั้นคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง
อาการป่วยของนางก็น่าสนใจ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องตัวร้อนเป็นไข้ ขวัญหรือกายละเอียดของนางยังไม่ค่อยมั่นคง ราวกับว่าดวงจิตกับกายหยาบไม่อาจประสานรวมกันได้สนิทแล้วจะหลุดแยกกันกระนั้น
หมอเทวดาหลี่คิดไปถึงสิ่งที่ฝักใฝ่ศึกษามาตลอดสองปีนี้ด้วยความหลงใหล แล้วความคิดหนึ่งก็วาบเข้ามาในหัวอย่างเลือนราง ก่อนจะตะเบ็งเสียงเรียก เข้ามาเถอะ!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมพระพายฤดูใบไม้ผลิพัดโกรกเข้ามาทางประตูพาให้สมองแจ่มใส
ฉือชั่นทอดสายตามองตรงไปที่เฉียวเจา เมื่อเห็นนางฟื้นแล้ว ริมฝีปากที่เม้มแน่นอยู่ตลอดก็คลายออกเล็กน้อยแทบสังเกตไม่เห็น ตอนนี้เขาถึงมองไปทางหมอเทวดาหลี่
หมอเทวดาเปลี่ยนท่าทีไปไม่ไร้อัธยาศัยเฉกก่อนหน้า เอ่ยถามอย่างสุภาพนุ่มนวล แม่นางน้อยเป็นอะไรกับเจ้าหรือ
ฉือชั่นถอยหลังครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกอยู่ไม่วายว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเป็นหมาป่าหางยาวตัวหนึ่ง หรือไม่ก็พวกเสือเฒ่าเขี้ยวลากดินพรรค์นั้น
พานพบกันโดยบังเอิญเท่านั้น… ฉือชั่นรีบพูดออกตัวทันที
พานพบกันโดยบังเอิญหรอกหรือ… หมอเทวดาหลี่ลากเสียงยาว
ฉือชั่นหยั่งเดาเจตนาของอีกฝ่ายไม่ออก เขาจึงพูดอธิบาย แม่นางน้อยถูกคนร้ายล่อลวงมา แล้วพวกข้าพบเห็นเข้าโดยบังเอิญ พวกข้าเห็นว่าไปทางเดียวกันเลยแวะส่งนางกลับเรือน
เป็นอย่างนี้นี่เอง หมอเทวดาระบายลมหายใจเฮือกหนึ่ง ยิ้มตาหยีพลางกล่าวขึ้น แม่นางน้อยป่วยหนักไม่เบา คงไม่หายสนิทได้ในวันสองวัน เอาเช่นนี้เถอะ ให้แม่นางน้อยคนนี้ตามข้าไปดีกว่า ข้ารักษานางหายแล้วจะส่งนางกลับเรือนเป็นอันสิ้นเรื่อง
นางจะกลับเมืองหลวงนะ ฉือชั่นก็ไม่เข้าใจว่าไฉนตนเองตอบกลับรวดเร็วเช่นนี้
เช่นนั้นยิ่งดีใหญ่ หมอเทวดาลูบหนวด ข้าจะไปเมืองหลวงเหมือนกัน เดินทางให้ช้าลงสักหน่อยจะได้รักษาแม่นางน้อยสะดวก
ฉือชั่นไม่กล่าววาจาแล้ว เขานิ่งเงียบครู่หนึ่งแล้วกล่าว นี่ต้องไต่ถามความเห็นของนางเอง
ตาเฒ่าผู้นี้มิใช่โจรลักพาตัวกระมัง เด็กสาวนั่นแค่ตัวร้อนเท่านั้น ป่วยหนักไม่เบาที่ใดกัน
หมอเทวดาหลี่หันหน้าไปถามยิ้มๆ แม่นางน้อย ข้าเป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งในแผ่นดิน อยากตามข้าไปหรือไม่
เฉียวเจาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไปเจ้าค่ะ
ความต้องการเดิมของนางคือกลับถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย ครั้นได้มาพบกับหมอเทวดากลางทาง ต่อให้ไม่เอ่ยถึงความหลังครั้งอดีต เมื่อเทียบกับคุณชายหนุ่มสามคนส่งนางกลับเรือนแล้ว มีหมอเทวดาท่านหนึ่งส่งนางกลับเรือน จะส่งผลต่อสถานการณ์ในวันข้างหน้าของนางต่างกันอย่างแน่นอน
เฉียวเจาไม่โง่เขลา ย่อมรู้ว่าต้องเลือกทางใดเป็นธรรมดา
ฉือชั่นเลิกคิ้วสูง เขาพูดเน้นเสียงหนักทีละคำด้วยสีหน้าเย็นชา เจ้าคิดดีแล้วนะ
เฉียวเจาพยักหน้าอย่างน่ารักรู้ความ คิดดีแล้วเจ้าค่ะ
ฉือชั่นขุ่นใจมาก หมุนกายสะบัดแขนเสื้อจะออกเดินไป แต่แล้วก็หันหลังขวับกลับมาเอ่ยถามนางอีก ไม่กลัวถูกลักพาตัวไปอีกหรือ
หมอเทวดาหลี่กลอกตาขึ้นพลางพูด เจ้าหนุ่มตัวเหม็นพูดอะไรของเจ้า
เฉียวเจาหัวเราะเสียงนุ่มเบา ไม่หรอกเจ้าค่ะ ท่านเป็นหมอเทวดา
คนอื่นพูดอะไร เจ้าก็เชื่อหรือ ฉือชั่นขัดเคืองที่อีกฝ่ายไม่ได้ดั่งใจ
ปฏิภาณไหวพริบของแม่นางน้อยตัวดีเวลานี้หายไปที่ใดหมด
เฉียวเจากะพริบตาปริบๆ ถ้ามิใช่หมอจริงๆ คนฉลาดมีสติปัญญาชั้นยอดและระวังรอบคอบอย่างพี่ฉือจะปล่อยให้เขาตรวจอาการป่วยของข้าได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ
มุมปากของฉือชั่นกระตุกริก
มารดามันเถอะ ช่างพูดได้…มีเหตุผลจริงๆ!
ฉือชั่นหมดคำพูด เขามองดูเด็กสาวแล้วคับอกคับใจแปลกๆ ลูบจมูกแล้วหมุนกายเดินไป
อีกสามคนที่ตามเข้ามากลับไม่ยอม หนึ่งในนั้นลุกลนเอ่ยขึ้น ท่านหมอเทวดา นี่…ไม่ใคร่สะดวกกระมังขอรับ
เจ้านายกำชับนักกำชับหนาว่าต้องเชิญหมอเทวดากลับไปเงียบๆ จะให้เกิดปัญหาอื่นแทรกขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
หมอเทวดาหลี่ถลึงตา มีอะไรไม่สะดวกรึ หากพวกเจ้ารู้สึกไม่สะดวกก็ไปเอาเอง! แม่นางน้อยผู้นี้ป่วยหนักอยู่ ผู้เป็นแพทย์ต้องมีจิตใจเมตตาการุณย์ แล้วข้าจะเห็นคนตายต่อหน้าแล้วไม่ช่วยได้หรือ
ทั้งสามคนแอบเหยียดมุมปากพร้อมกัน
พูดราวกับว่าท่านมีจิตใจเมตตาการุณย์เหลือเกินก็ไม่ปาน
พวกเขาต้องลำบากลำบนไม่น้อยกว่าจะตามหาหมอเทวดาผู้นี้พบ แต่พูดอ้อนวอนสารพัดก็ไม่ยอมตามพวกเขาเข้าเมืองหลวง สุดท้ายเข้าตาจนต้องงัดไม้ตายออกมา ใช้สมุนไพรวิเศษหายากต้นหนึ่งในครอบครองของเจ้านายถึงทำให้หมอเทวดาเปลี่ยนใจ
พอเจอกับแม่นางน้อยผู้นี้ก็มีใจเมตตาการุณย์เสียแล้ว?
สายตาของทั้งสามคนมองสำรวจใบหน้าของเฉียวเจารอบหนึ่งแล้วลอบคิดในใจว่าที่แท้หมอเทวดาก็ดูคนที่รูปโฉมเหมือนกัน
พวกเจ้ายังมีข้อขัดข้องอะไรอีกหรือไม่ หมอเทวดาหลี่ถามด้วยน้ำเสียงไม่เร็วไม่ช้า
ทั้งสามคนทำหน้าซื่อๆ ข้าน้อยมิกล้าขอรับ
ไม่กล้าก็ดี พาแม่นางน้อยผู้นี้ไปด้วย ไปกันเถอะ
รอประเดี๋ยว ฉือชั่นไปแล้วย้อนกลับมาลากตัวหยางโฮ่วเฉิงที่ยังไม่ได้สติ เขาจ้องหน้าหมอเทวดาหลี่พลางกล่าวโดยไม่แม้แต่จะมองเฉียวเจาสักแวบ ท่านหมอโปรดให้ความเมตตาการุณย์ ช่วยให้สหายข้าผู้นี้ฟื้นขึ้นด้วย
หมอเทวดาหลี่เบะปากยิ้มเยาะ ผู้เป็นแพทย์มีใจเมตตาการุณย์กับใจดีพร่ำเพรื่อมิใช่เรื่องเดียวกันนะ
อีกสามคนผงกศีรษะพร้อมเพรียงกัน
เห็นหรือไม่ นี่ต่างหากโฉมหน้าที่แท้จริงของหมอเทวดาท่านนี้
เฉียวเจานิ่งเฉยมองดูอยู่ห่างๆ หากในใจนึกฉงนเป็นอันมาก
ในความทรงจำแม้ว่าหมอเทวดาหลี่จะเป็นมิตรกับนาง นั่นเป็นเพราะว่าเขากับท่านปู่เป็นสหายสนิทกัน อีกทั้งนางนั้นก็พอถูๆ ไถๆ นับได้ว่าเป็นลูกศิษย์เขาครึ่งตัว แต่กับคนอื่นเขาจะไม่ชอบสุงสิงด้วยเสมอ
เพราะเหตุใดพอได้พบกันครั้งแรกหลังนางกลายเป็นหลีเจา หมอเทวดาหลี่ถึงอยากให้นางติดตามอยู่ข้างกาย
หรือว่าเสียงเรียก ‘ท่านปู่หลี่’ ทำให้ท่านผู้เฒ่าบังเกิดความสงสัยในที่สุดใช่หรือไม่
นอกจากท่านปู่ที่สิ้นบุญไปแล้ว ไม่มีคนใดแจ่มแจ้งยิ่งกว่าเฉียวเจาว่าหมอเทวดาท่านนี้เป็นผู้มีความสามารถล้ำเลิศน่าทึ่งปานใด วิชาแพทย์ของเขาลึกล้ำเกินหยั่ง ช่วงที่ผ่านมายิ่งใกล้เทียบขั้นเซียนแล้ว คนอย่างนี้จะสัมผัสถึงเรื่องลี้ลับพิสดารบางอย่างได้เฉียบไวกว่าคนธรรมดาสามัญ หาใช่เรื่องแปลกไม่
ท่ามกลางบรรยากาศหนักอึ้ง เฉียวเจาอ้าปากพูด ท่านหมอเทวดาเจ้าคะ พวกพี่ฉือสามคนเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าอยากรอหลังจากพี่จูกลับมาและพี่หยางฟื้นสติแล้ว กล่าวอำลากับพวกเขาก่อนค่อยติดตามท่านไปเจ้าค่ะ
ถึงแม้นางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นระหว่างที่นางหมดสติ แต่คาดเดาได้ว่าพี่หยางเป็นเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะนาง ด้านหมอเทวดาหลี่ก็สนใจนางอย่างเห็นได้ชัด ดูทีว่าคงไม่ปฏิเสธเรื่องเล็กน้อยนี้ตามคำขอของนางเป็นแน่
ไม่เหนือความคาดหมายของเฉียวเจาจริงๆ หมอเทวดาหลี่ฟังนางกล่าวจบก็ก้าวขาเดินไปข้างกายหยางโฮ่วเฉิง เอายาลูกกลอนสีใสแวววาวเม็ดหนึ่งวางบนมือและตบเข้าปากเขาทันที