หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 154
คนหนุ่มที่นำของมามอบให้คือเฉินกวงนั่นเอง
หีบใส่ของใบแล้วใบเล่าถูกแบกเข้ามาวางกองเต็มห้องโถงในเรือนชิงซง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตกตะลึง หลิวซื่อนายหญิงรองก็ตกตะลึง กระทั่งหลีเจี่ยวยังลืมเลือนความโกรธแค้น นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้างมองดู
มีแค่เหอซื่อที่มีสีหน้าสบายอารมณ์ยิ่ง
“ของเหล่านี้คือ…”
เฉินกวงประสานมือคำนับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งของที่ผู้อื่นกำนัลให้ท่านหมอเทวดาหลังจากมาถึงเมืองหลวง ท่านบอกว่านำของพวกนี้ติดตัวไประหว่างเดินทางนั้นยุ่งยากเกินไป ก็เลยมอบให้คุณหนูสามทั้งหมดขอรับ”
ผู้อื่นกำนัลให้?
หมอเทวดาเข้าเมืองหลวงมาก็ไปพำนักที่วังรุ่ยอ๋อง ‘ผู้อื่น’ ที่ว่านี้มิใช่หมายถึงรุ่ยอ๋อง? แล้วสิ่งที่ท่านอ๋องกำนัลให้จะเป็นของชั้นเลวได้หรือ แต่เขากลับมอบของเหล่านี้ให้คุณหนูสามทั้งหมด?
หลิวซื่อนายหญิงรองยิ่งคิดยิ่งตกตะลึง นางจ้องมองหีบแต่ละใบด้วยแววตาวาววับ
โอ๊ยตายๆ ข้างในนี้เป็นของล้ำค่าอะไรบ้าง ไฉนบุตรสาวของข้าไม่มีท่านปู่บุญธรรมเป็นหมอเทวดาสักคนบ้างนะ
“ฮูหยินผู้เฒ่า พวกเราน่าจะเปิดดูผ่านตาสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งของที่มอบให้คุณหนูในจวน” หลิวซื่อกล่าวหยั่งเชิง
มาตรว่าจะเป็นความต้องการส่วนตน แต่นางกล่าวคำนี้ไม่นับว่าผิด
สตรีที่ยังไม่ออกเรือนได้รับของกำนัลจำเป็นต้องระวังมากกว่าคนอื่นสักหน่อย หาไม่แล้วถ้าเกิดมีผู้ประสงค์ร้ายแอบเอาของแปลกปลอมปะปนยัดใส่เข้ามาด้วย วันหน้าจะพูดแก้ต่างไม่ได้
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคิดถึงจุดนี้เหมือนกัน นางกวาดตามองรอบห้องแล้วบอกให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป จากนั้นเอ่ยกับหรงมามาคนสนิท “เปิดหีบพวกนี้ออกตรวจดูเถอะ”
หีบใบที่หนึ่งถูกเปิดออก เป็นภูษาแพรพรรณเต็มหีบ ดูสีสันลวดลายแล้วเหมาะสมกับบุรุษ หีบใบที่สองเป็นสมุนไพรราคาแพงเช่น ถั่งเช่า เห็ดหลิงจือ
หรงมามาลอบสูดลมหายใจเฮือก นางเปิดหีบใบที่สามออก คนทั้งโถงก็เปล่งเสียงอุทาน เพราะเป็นหินปะการังแดงเนื้อใสบริสุทธิ์ชิ้นหนึ่ง
ขณะรอหรงมามาไปเปิดหีบใบที่สี่ หลิวซื่อแทบอยากให้สายตาของตนมองทะลุเข้าไปเห็นข้างในใจจะขาด หลังจากนั้นนางก็ตาพร่าลายไปหมด เพียงรู้สึกว่าทั่วห้องโถงเปล่งประกายระยิบระยับ
ในหีบใบที่สี่วางก้อนเงินหยวนเป่า* ไว้เต็มแน่น
“สวรรค์!” หลิวซื่อร้องอุทานอย่างสุดระงับ นางรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากไว้
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคลายความตื่นตะลึงลงแล้วอดมุ่นคิ้วไม่ได้
แม้ว่านางจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ไม่มาก แต่เคยได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าเจียงของจวนตะวันออกบอกว่าเพราะอาจารย์ของรุ่ยอ๋องคือรองสมุหราชเลขาธิการสวี่หมิงต๋า เขาจึงมักตกเป็นเป้าโจมตีของสมุหราชเลขาธิการหลันซานบ่อยๆ อีกทั้งบางกรมบางกองในราชสำนัก คำพูดของสมุหราชเลขาธิการผู้ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือได้ยังมีน้ำหนักกว่าของท่านอ๋องอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ฐานะของวังรุ่ยอ๋องจึงมิได้มีเกียรติยศบารมีล้นเหลือเฉกที่คนทั่วไปคิดกัน
เงินก้อนโตถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่รุ่ยอ๋องกำนัลให้ทั้งหมดกระมัง
หีบใบที่ห้ามีขนาดเล็กมาก ความยาวราวหนึ่งฉื่อ* เศษ ตอนหรงมามายื่นมือไปเปิด นิ้วมือเริ่มสั่นระริกแล้ว นางมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอย่างช่วยไม่ได้
“เปิดออก” ถึงฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจะตะลึงพรึงเพริดอย่างยิ่ง แต่นางเคยประสบผ่านมรสุมมาก่อน ยังควบคุมความรู้สึกทางสีหน้าไว้ได้
หรงมามากลั้นใจเปิดหีบออก
ในหีบเล็กเต็มไปด้วยไข่มุกนานาสีสันแผ่ประกายวาววามชวนให้ละลานตาละลานใจ
ลูกนัยน์ตาของหลิวซื่อแทบถลนออกมานอกเบ้า ริมฝีปากที่ทาชาดสีแดงไว้เผยออ้าค้างจนลืมหุบ
นางหันหน้าไปมองเจ้าของคนใหม่ของพวกมันอย่างห้ามใจไม่อยู่ เห็นเด็กสาวนั่งเงียบๆ อยู่ข้างกายมารดา ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นบังพร้อมอ้าปากหาวทีหนึ่งอย่างเบื่อหน่ายเหลือแสน
หลิวซื่ออึ้งงันไปทันที “…”
นางไม่ยอม นางขอคัดค้าน คนที่สมควรตื่นเต้นคลุ้มคลั่งแท้ๆ กลับทำหน้าตาไม่ยี่หระพรรค์นี้ ช่างน่าชังเหลือเกินจริงๆ
หีบใบที่หกมีขนาดเล็กลงอีก หรงมามาดูคล้ายจะชาชิน นางยื่นมือเปิดออกแล้วรีบยกมือป้องตา
เป็นแผ่นทองคำพับ** ทั้งหีบ?!
มือของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสั่นกระตุก นางแทบนั่งไม่ติดแล้ว
นางนึกเสียใจภายหลังอยู่บ้างที่สั่งให้เปิดดูต่อหน้าคนอื่น ใต้หล้านี้ไม่มีกำแพงที่ไร้ช่องลม หวั่นใจว่าหลังจากนี้จวนตะวันตกต้องกลายเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของเหล่าวิญญูชนบนหลังคา*** ไปเนิ่นนานระยะหนึ่งเลยทีเดียว
หีบใบสุดท้ายขนาดไม่เล็ก หรงมามาตั้งสติก่อนเปิดออก
ประสาทที่เขม็งเกลียวของทุกคนผ่อนคลายลงทันควัน
หลิวซื่อแอบลูบอกเบาๆ พลางนึกในใจ ค่อยยังชั่วๆ แค่หนังสือตำราหีบหนึ่ง ขืนเป็นสมบัติล้ำค่าอีก นางคงโผเข้าใส่อย่างต้านทานไม่อยู่แล้วจริงๆ
ฝ่ายเฉียวเจาที่มีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ตลอดกลับกะพริบตาปริบๆ มุมปากยกโค้งขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
ท่านปู่หลี่มอบตำราแพทย์ให้นางมากมายเพียงนี้เลยหรือนี่ พวกตำราหลักการแพทย์เบื้องต้นเหล่านั้นใช้อำพรางหูตาผู้คนเท่านั้น ข้างในต้องมีผลงานจากหยาดเหงื่อแรงกายในช่วงหลายปีมานี้ของท่านปู่หลี่อยู่แน่ๆ
เมื่อคิดไปเช่นนี้ เฉียวเจาชักนั่งไม่ติด อยากจะหอบหนังสือหีบนี้พุ่งทะยานกลับไปเรือนหยาเหออ่านให้หนำใจจนแทบทนไม่ไหว
ในที่สุดก็ตรวจดูจนครบ หรงมามาปาดเหงื่อออกแล้วถอยไปด้านข้าง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสงบอกสงบใจลง เอ่ยกับเฉินกวงด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลว่า “รบกวนพ่อหนุ่มนำของมากมายอย่างนี้มาส่งให้ ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”
“ฮูหยินผู้เฒ่าเกรงใจไปแล้วขอรับ ข้าน้อยมิบังอาจ”
“ท่านหมอเทวดาออกเดินทางไปแล้วหรือ”
“ขอรับ ท่านหมอเทวดาออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ ฝากข้ามาบอกต่อคุณหนูสามว่าไม่ต้องเป็นห่วงท่าน พอท่านสะสางธุระเสร็จก็จะกลับมาขอรับ”
“ท่านหมอเทวดารักใคร่เอ็นดูคุณหนูสามของพวกเราจริงๆ สิ่งของตั้งมากตั้งมายเหล่านี้ เด็กสาวคนหนึ่งเช่นนางจะรับไว้ได้อย่างไรเล่า” หญิงชรากล่าวอย่างเกรงใจ
ในบรรดาคนทั้งหมด เหอซื่อซึ่งแสดงสีหน้าท่าทางเยือกเย็นที่สุดนอกจากเฉียวเจาได้ฟังแล้วไม่พึงใจ
แค่ของเหล่านี้บุตรสาวนางก็รับไว้ไม่ได้แล้วรึ วันหน้าสินส่วนตัวของนางล้วนเก็บไว้ให้เจาเจา ครั้งนั้นนางแต่งเข้ามาพร้อมขบวนสินเจ้าสาวยาวนับสิบลี้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาอยากใช้ก็ไม่มีที่ให้ใช้ด้วยถูกฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งขัดขวางอยู่ร่ำไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหอซื่อก็เริ่มคับอกคับใจ
ทั้งๆ ที่ก่อนออกเรือนเหล่าญาติโกโหติกาทั้งหลายพากันกำชับกำชานางให้ระวังตัวมากๆ เพราะพวกมารดาสามีกับสามีในตระกูลตกอับมากมายมักรวมหัวกันล้างผลาญสินเจ้าสาวของลูกสะใภ้โดยเฉพาะ มารดาสามีเอาไปใช้จุนเจือยามชักหน้าไม่ถึงหลังกับบำรุงบำเรอตนเองด้วยอาหารชั้นเลิศ ส่วนสามีก็เอาไปเลี้ยงดูพวกอนุนางบำเรอและบุตรชายบุตรสาวที่เกิดกับพวกนาง
แต่พอเป็นนาง อยากจะเปลี่ยนรถม้าคันใหม่ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งก็ไม่เต็มใจ อยากจะมอบหยกพกราคาแพงให้ท่านพี่สักชิ้น ยังต้องโดนเขามองตาขวาง
“ท่านหมอเทวดากล่าวว่าสำหรับท่านแล้วสิ่งของพวกนี้เป็นเพียงภาระเท่านั้น ขอให้คุณหนูสามใช้สอยได้โดยมิต้องเกรงใจขอรับ”
ภาระ?!
หลิวซื่อกลอกตาขึ้นทันที ภาระเช่นนี้เอามาให้นางสักกุรุสได้เลย นางยิ่งคิดยิ่งปวดใจ
มิต้องเอ่ยถึงหนึ่งกุรุส แค่ยกก้อนเงินหยวนเป่าหีบนั้นให้ นางก็มีเงินก้นหีบพอให้บุตรสาวสองคนในอนาคตแล้ว
นี่ก็คือแข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้จริงๆ มีแต่จะโมโหตายเอง
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าววาจาตามมารยาทอีกสองสามคำถึงยกถ้วยน้ำชาขึ้น
ตามธรรมเนียมต้อนรับแขกนั้น เมื่อเจ้าของเรือนยกถ้วยน้ำชาขึ้น มีความหมายว่าส่งแขก
ครั้นเห็นเฉินกวงไม่มีท่าทีใดๆ ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจึงโคลงศีรษะกับตนเอง เจ้าหนุ่มผู้นี้ท่าทางคล่องแคล่วทะมัดทะแมง หน้าตาก็หล่อเหลาเอาการ แต่ดูเหมือนไม่ใคร่มีไหวพริบปฏิภาณเอาเสียเลย
นางเป็นผู้เฒ่าคนหนึ่ง จะอยู่เป็นเพื่อนคุยสัพเพเหระกับเขาไปเรื่อยๆ มิได้กระมัง
หลังจากรอแล้วรอเล่า ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งจึงเอ่ยขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหวในที่สุด “หากพ่อหนุ่มหมดธุระแล้วก็เชิญตามสบายเถอะ”
เฉินกวงตวัดสายตามองเฉียวเจาปราดหนึ่งก่อนยิ้มอย่างขัดเขิน “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าก็อยู่ในรายการสิ่งของที่ท่านหมอเทวดามอบให้คุณหนูสามด้วยขอรับ”
“อะไรนะ!” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งซึ่งเห็นแก้วแหวนเงินทองเต็มห้องโถงก็ยังมิเสียกิริยา ขณะนี้กลับตกอกตกใจเสียแล้ว
ไม่กระมัง หมอเทวดาจะกระทำอะไรผิดแผกจากผู้อื่นกว่านี้ ก็ไม่ถึงกับส่งชายหนุ่มอกสามศอกผู้หนึ่งมาให้หลานสาวกระมัง
อืม สูงยาวเข่าดี รูปโฉมเข้าที จะว่าไปแล้วมอบเป็นของกำนัลได้ไม่อายใคร
แค่กๆ คิดเลยเถิดแล้ว!
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งส่งเสียงไอโขลกๆ
* เงินหยวนเป่า เป็นเงินตราของจีนโบราณ ทำจากเงินและทอง มีลักษณะเป็นก้อนรียาวคล้ายเรือ ปลายสองข้างโค้งขึ้น ตรงกลางนูนป่อง มีหน่วยเป็นตำลึง
* ฉื่อ (เชียะ) เป็นหน่วยวัดความยาวของจีนสมัยโบราณ เทียบระยะประมาณ 10 นิ้ว หรือหนึ่งส่วนสามเมตร ปัจจุบันยังใช้คำนี้ในความหมายว่า ‘ฟุต’
** แผ่นทองคำพับ เป็นเงินตราของจีนโบราณ ใช้ทองคำบริสุทธิ์มาตีจนเป็นแผ่นบางเฉียบพับทบไปมาคล้ายสมุดพับ
*** วิญญูชนบนหลังคา เป็นสำนวน หมายถึงโจรขโมย