หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 174
บทที่ 174
รอยยิ้มตรงมุมปากของเจียงหย่วนเฉาชะงักค้างไปกะทันหัน
“พี่สือซาน?”
“เอ่อ…ข้ารู้แล้ว ข้าจะส่งคนไปสืบดู”
เจียงซือหร่านยิ้มอย่างอ่อนหวาน นางคล้องแขนกับชายหนุ่มพลางพูด “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สือซานดีกับข้าที่สุด”
ชายหนุ่มหลุบตาลงมองที่มือนาง ฝ่ามือของเด็กสาวเนียนนุ่มขาวกระจ่างงามตาอย่างยิ่งยวด
เขาเบนสายตาออก ทำทีไต่ถามคล้ายไม่ตั้งใจ “แล้วบาดแผลบนหน้าของคุณหนูท่านนั้นหนักหนาถึงเพียงใดกันแน่”
เจียงซือหร่านนิ่วหน้า “เลือดไหลเยอะมากเจ้าค่ะ ข้าก็มองเห็นไม่ชัด ไม่รู้ว่าจะเสียโฉมหรือไม่”
“อย่างนี้เองหรือ” เจียงหย่วนเฉาหัวเราะเบาๆ ดึงแขนออกจากมือของนาง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้าทางนี้ยังมีงานต้องสะสางอีกมาก หร่านราน เจ้ากลับไปก่อนเถอะนะ”
“ได้เจ้าค่ะ” เจียงซือหร่านกล่าวลาอย่างอาลัยอาวรณ์ “พี่สือซาน เช่นนั้นวันนี้ท่านกลับไปเร็วหน่อยนะ ข้าอารมณ์ไม่ดี อยากให้ท่านอยู่เป็นเพื่อน”
เจียงหย่วนเฉาผงกศีรษะเล็กน้อย “ได้”
นางเห็นเขารับคำแล้วอดยกมุมปากโค้งขึ้นไม่ได้ จากนั้นออกไปอย่างเบิกบานใจเต็มเปี่ยม
เมื่อเจียงซือหร่านกลับไป รอยยิ้มบนริมฝีปากชายหนุ่มเลือนหายไปในพริบตา เขาออกคำสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาตรงนอกประตู “ไปส่งคุณหนูเจียงกลับจวนแทนเจียงเฮ่อ แล้วให้เขาไสหัวมาพบข้า”
ไม่นานนัก เจียงเฮ่อก็วิ่งเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉง “ใต้เท้า ท่านเรียกข้าหรือขอรับ ข้ามีเรื่องรายงานท่านอยู่พอดี”
เจียงหย่วนเฉานั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ เอนหลังพิงพนักมองเขาด้วยสีหน้าปราศจากความรู้สึก
ใต้เท้าไม่ได้ยิ้มหรือนี่! เจียงเฮ่อใจหล่นดังตุบ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรนี่นา
“บอกให้เจ้าไสหัวเข้ามามิใช่หรือ” เจียงหย่วนเฉาอ้าปากพูดเสียงเย็นๆ
“เอ๊ะ?”
“ออกไป เข้ามาใหม่”
เจียงเฮ่อกะพริบตาปริบๆ “ใต้เท้า?” ยังต้องไสหัวจริงๆ หรือ
“หือ?”
ใต้เท้าไม่ยิ้มน่ากลัวเหลือเกิน เขา ‘ไสหัว’ เข้ามาดีกว่า
เจียงเฮ่อลนลานถอยกรูดออกไปทิ้งตัวลงบนพื้นกลิ้งเข้ามา
เขากลิ้งตัวไปจนถึงข้างเท้าเจียงหย่วนเฉาถึงผุดลุกขึ้นกอดขาผู้เป็นนาย กล่าวอย่างคับข้องหมองใจ “ใต้เท้า ท่านอารมณ์ไม่ดีใช่หรือไม่ ถ้าอารมณ์ไม่ดี ท่านพูดออกมาสิขอรับ ให้ข้ารู้ว่าเป็นใครทำให้ท่านอารมณ์ไม่ดีล่ะก็ ข้าจะไปซ้อมเขาเอง”
“เจ้าซ้อมเลยสิ”
“เอ๊ะ?” เจียงเฮ่อตกอกตกใจ “ใต้เท้า ข้าซ้อมท่านไม่ได้ขอรับ ข้าทำไม่ลงคอ!”
เจียงหย่วนเฉาถึงกับพูดอะไรไม่ออก “…”
เขาโกรธจนไม่พูดไม่จานานสองนาน ผ่านไปครู่หนึ่งถึงยกนิ้วโป้งให้ผู้ใต้บังคับบัญชา
เจียงเฮ่อเกาท้ายทอยอย่างเก้อเขิน “ไม่ถึงเพียงนั้นกระมังขอรับ ข้ามิได้ทำอะไรเลย ใต้เท้าชมกันถึงเพียงนี้ ข้ารับไม่ไหว”
เจียงหย่วนเฉากล่าวเสียงเย็นๆ “เจียงเฮ่อ เจ้าเป็นคนแรกที่อารักขาคุณหนูเจียงแล้วโดนนางจับได้”
เขาต้องเสียสติไปแล้วเป็นแน่ ถึงปล่อยถังส้วมทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ให้เจ้าโง่ผู้นี้ไปขัด กลับส่งตัวไปอารักขาเจียงซือหร่านเสียได้!
เจียงเฮ่อเพิ่งรู้ในตอนนี้ว่าทำงานผิดพลาดอีกแล้ว เขายกมือตบหน้าตนเองสองฉาด ถึงมองเจียงหย่วนเฉาตาละห้อย
เจียงหย่วนเฉานวดหว่างคิ้ว กล่าวอย่างอ่อนใจ “พูดมา เรื่องในวันนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่”
เจียงเฮ่อรีบเล่าสิ่งที่ได้ยินได้เห็นในจวนกู้ชางป๋อตั้งแต่ต้นจนจบรอบหนึ่งแล้วไม่ลืมกล่าวสรุปว่า “ใต้เท้า วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่เลยทีเดียว คุณหนูพวกนั้นรู้จักสรรหาเรื่องเล่นสนุกกันเหลือเกินจริงๆ ขอรับ”
จุๆ วันหน้าข้าตบแต่งหญิงสาวชาวบ้านดีๆ สักคนเป็นภรรยาจะดีกว่า บุตรสาวตระกูลใหญ่ๆ ล้วนน่ากลัวยิ่งนัก!
เจียงหย่วนเฉานิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนถามขึ้น “คุณหนูหลี…อาการเป็นอย่างไรกันแน่”
เจียงเฮ่อเกาท้ายทอย “ตอนนั้นพวกคุณหนูพากันล้อมวงเข้าไป ต่อมาคุณหนูหลีใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดใบหน้าไว้ตลอด ข้าเห็นไม่ถนัดตา แต่นางเลือดไหลเยอะมาก ข้าคะเนว่าเก้าในสิบส่วนคงต้องเสียโฉมแล้ว”
เขากล่าวถึงตรงนี้แล้วทอดถอนใจอย่างเห็นอกเห็นใจอยู่บ้าง “สาวน้อยหน้าตาสะสวยอย่างคุณหนูหลีเสียโฉมไปน่าเสียดายปานใด วันหน้าจะออกเรือนได้อย่างไรเล่า เฮ้อ…ใต้เท้า ท่านไม่รู้หรอกว่าตอนคุณหนูเจียงบอกให้คุณหนูหลีเป็นเป้าธนู นางตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยนิด แต่ข้าดูออกว่าคุณหนูหลีคงกลัวมากเอาการ นางยืนอยู่ตรงนั้นมือสั่นเทาไปหมด เห็นแล้วน่าสงสารพิกล”
เจียงหย่วนเฉามองเขาแวบหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา “พล่ามมากไปแล้ว”
เจียงเฮ่อรีบก้มหน้าไม่กล้าพูดอีก วันนี้ใต้เท้าอารมณ์ไม่ดีจริงๆ เขายืนยันได้
“เจ้าไปที่จวนสกุลหลีแอบสืบดูว่าอาการบาดเจ็บของคุณหนูหลีเป็นเช่นไร”
“ขอรับ”
พอเห็นเจียงเฮ่อจะก้าวออกจากห้อง เจียงหย่วนเฉาพูดต่อท้ายอีกคำอย่างไม่วางใจ “ขืนทำงานไม่ได้เรื่องอีก ข้าจะให้เจ้าขัดถังส้วมไปทั้งปีทั้งชาติ”
เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปแล้ว เจียงหย่วนเฉาถึงยกมือกุมขมับโคลงศีรษะเบาๆ
แม่นางน้อยผู้นั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกล เหตุใดปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างนั้นได้ เขารู้สึกไม่วายว่านางมิใช่คนที่ยอมเสียเปรียบใคร
หรือว่าจะเสียโฉมจริงๆ
ภาพเด็กสาวยิ้มน้อยๆ อย่างเยือกเย็นผุดขึ้นในห้วงความคิด ในใจเจียงหย่วนเฉาก็หงุดหงิดอึดอัดชอบกล เขาลุกเดินกลับไปที่ข้างหน้าต่าง
ต้นไผ่เขียวขจีเป็นดงทางนอกหน้าต่าง มองดูแล้วชวนให้จิตใจปลอดโปร่งผ่อนคลาย
เจียงหย่วนเฉาพลันไม่มีแก่ใจกลับไปยังจวนท่านผู้บัญชาการเจียง
เด็กสาวเจ้าเล่ห์แสนกลปานใด เจอกับน้องสาวบุญธรรมเกรงว่าล้วนอับจนปัญญากระมัง
อันว่าอำนาจบารมีสยบยอดฝีมือได้ทุกสาย ยามเผชิญกับผู้มีศักดิ์ฐานะต่างกันลิบลับ จะมีช่องให้ความฉลาดปราดเปรื่องได้สำแดงอานุภาพสักเพียงใดเล่า
…ข้าก็แค่นึกเสียดายแทนแม่นางน้อยผู้นั้นอยู่บ้าง เจียงหย่วนเฉาคิดคำนึง
รถม้าม่านสีเขียวคันเล็กกะทัดรัดหยุดจอดที่จวนตะวันตกของสกุลหลี เฉินกวงกระโดดลงมาแล้วตะเบ็งเสียงบอก “คุณหนู ถึงแล้วขอรับ”
ม่านประตูรถม้าแหวกออก อาจูพยุงเฉียวเจาเดินออกมา
“กลับไปเรือนหยาเหอเลย” เฉียวเจาเอ่ยสั่งอาจู หากปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเห็นนางในสภาพนี้ คงไม่แคล้วต้องตกใจจนเป็นลม
“เจ้าค่ะ”
สองนายบ่าวตรงดิ่งกลับไปที่เรือนหยาเหอ แก้มขวาของเฉียวเจาเริ่มบวมทำให้กล่าววาจาได้ลำบากขึ้น นางยกมือชี้ทางเรือนเล็กฝั่งซ้าย
อาจูเข้าใจความหมาย นางอยู่ฝั่งด้านนอกใช้ตัวบังเอาไว้ ประคองเฉียวเจาเดินผ่านซุ้มประตูวงเดือน*เข้าสู่เรือนฝั่งซ้าย
ต้นทับทิมในเรือนฝั่งซ้ายติดผลดกถ่วงให้ปลายกิ่งโน้มลง
ปิงลวี่กำลังเดินวนเวียนอยู่รอบต้นทับทิม ตั้งใจจะหาผลใหญ่ๆ เด็ดมากินสักลูก แต่ช่วยไม่ได้ที่เพลานี้ผลทับทิมยังดิบมาก นางมองหาอยู่นานครู่ใหญ่ก็ไม่พบ ได้แต่หมุนกายกลับอย่างผิดหวัง
สาวใช้น้อยมองปราดเดียวเห็นเฉียวเจาเลือดไหลเต็มใบหน้า
หลังนิ่งงันไปชั่วพริบตา นางก็ร้องเสียงแหลมดังก้องฟ้า “ตายแล้ว! คุณหนูบาดเจ็บได้อย่างไร…”
เฉียวเจาอยากเบะปากอย่างมาก จนใจที่เจ็บหน้าเกินไปเลยทำไม่ไหว
ครู่หนึ่งต่อมา เหอซื่อวิ่งทะยานเข้ามาทางซุ้มประตูวงเดือน “เจาเจาบาดเจ็บตรงที่ใดหรือ!”
นางเพิ่งพูดจบแล้วเห็นสภาพของเฉียวเจาเต็มตา ก็มีเสียงร้องดังก้องฟ้าเป็นคำรบที่สองอย่างรวดเร็ว “ตายแล้ว! เจาเจาของข้า นี่เจ้าเป็นอะไรไป”
แม่นางเฉียวที่วิงเวียนตาลายอยู่ลอบรำพึงในใจ ดีมาก ครานี้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคงรู้เรื่องแล้ว
เหอซื่อเข้าไปกอดบุตรสาวพลางร่ำไห้ยกใหญ่จนปิงลวี่ถูกเบียดออกไปด้านข้าง นางร้อนใจจนเต้นเหยงๆ พอมองเห็นอาจูก็ด่าทอ “อาจู นางตัวดี เจ้าติดตามคุณหนูประสาใดกัน ตอนออกจากจวนคุณหนูยังปกติดี ไฉนบาดเจ็บกลับมาเช่นนี้ เจ้ายังมีหน้าตามกลับมาอีกหรือ”
ใบหน้าของอาจูซีดเผือด แต่สีหน้าสุขุมดุจเก่า นางไม่แยแสเสียงถามไล่เลียงของปิงลวี่ เอ่ยเตือนขึ้นว่า “นายหญิง พยุงคุณหนูเข้าเรือนก่อนเถอะ ค่อยถามคุณหนูว่าสมควรทำอย่างไรต่อนะเจ้าคะ”
คุณหนูยืนกรานกลับมาจะต้องมีวิธีของนางแน่
เหอซื่อถึงได้สติ ตะโกนบอกปิงลวี่ “มัวยืนทื่ออยู่ด้วยเหตุใด รีบไปเชิญหมอมาสิ!”
* ประตูวงเดือน คือประตูที่เจาะเป็นรูปวงกลม