หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 181
บทที่ 181
“คุณชาย ท่านวิ่งช้าๆ หน่อย ระวังจะหกล้มนะขอรับ” ชิงจี๋เด็กรับใช้วิ่งไล่กวดตามหลังหลีฮุยคุณชายสามของสกุลหลี
เด็กหนุ่มเรือนกายผอมบางทว่าวิ่งได้รวดเร็ว เขาทะยานกายเข้าจวนตะวันตกตรงดิ่งไปที่เรือนหยาเหอ
เขาพรวดพราดเข้าไปแล้วยืนตะลึงงันอยู่หน้าประตู
บัดนี้สาวน้อยโฉมงามพริ้มเพราในวันวานกลับมีบาดแผลเหวอะหวะพาดอยู่บนแก้มข้างขวาที่ขาวนวลเนียนดุจหยก ดูน่าเกลียดน่ากลัวเป็นพิเศษ
“น้องเจา…” เด็กหนุ่มอ้าปากเผยอ กลางอกจุกแน่นชวนให้อึดอัดทรมาน
เขาไม่ชมชอบน้องสาวผู้นี้มาโดยตลอด เพราะนางเอาแต่ใจตนเกินไปและมักรังแกพี่สาวบ่อยๆ ถึงขั้นบังเกิดความคิดว่าถ้าน้องสาวไม่กลับมาก็คงดีในชั่วขณะที่ได้ยินข่าวว่าพี่สาวถูกถอนหมั้น
แต่ตอนนี้เห็นน้องสาวในสภาพเช่นนี้ เพราะอะไรเขาถึงรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ขึ้นมาในชั่ววูบได้เล่า
นางจะมีนิสัยใจคออย่างไรก็เป็นน้องสาวสายเลือดเดียวของตนอยู่วันยังค่ำ กลับโดนคนนอกข่มเหงถึงเพียงนี้ แต่เขาผู้เป็นพี่ชายมิเคยได้ปกป้องนางเลย
“ขอโทษ ข้ากลับมาช้าไป” พอเห็นเฉียวเจานิ่งเงียบไม่พูดไม่จา หลีฮุยคิดว่านางโกรธอยู่ เขาพูดขอขมาเสียงอุบอิบ
ชิงจี๋เด็กรับใช้กล่าวขึ้นทางด้านข้าง “คุณหนูสาม มิใช่ว่าคุณชายไม่ร้อนใจนะขอรับ ตอนข้าไปถึงสำนักศึกษาหลวง คุณชายกำลังเข้าร่วมการทดสอบของอาจารย์อยู่ จึงส่งข่าวเข้าไปไม่ได้ตลอด…”
“ชิงจี๋ ไม่ต้องพูดแล้ว” หลีฮุยตวาดห้ามมิให้ชิงจี๋พูดอธิบายอีก
อาจูจึงเอ่ยปากบอกในยามนี้ “คุณชายสาม คุณหนูทายาไว้ ยังกล่าววาจาไม่ได้ชั่วคราวเจ้าค่ะ”
หลีฮุยมองไปทางเหอซื่อ “ฮูหยิน ท่านย่ากับท่านพ่อไปที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลินใช่หรือไม่ขอรับ”
“ใช่” เมื่อเห็นหลีฮุยปรากฏตัวแล้ว เหอซื่อก็มีสีหน้าดีขึ้นบ้าง
นางส่งคนไปตามนายท่านใหญ่กับคุณชายสามตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า แต่เห็นหลีฮุยไม่กลับมาเสียทียังทึกทักเอาว่าต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว ขณะนี้กลับเหนือความคาดหมายของนาง
เหอซื่อเป็นคนเถรตรง มีคนดีต่อบุตรสาวของตน นางก็รู้สึกว่าคนผู้นั้นไม่เลวมาก หากมิใช่อยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ นางต้องสั่งกำชับฟางมามาทำหัวสิงโตราดน้ำแดงให้คุณชายสามกินแน่
“เช่นนั้นข้าไปหาท่านย่ากับท่านพ่อนะขอรับ” หลีฮุยหันหลังออกวิ่ง แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ย้อนกลับมายกสองมือวางทาบบ่าเฉียวเจา พูดด้วยสีหน้าขึงขัง “น้องเจา เจ้าวางใจได้ พวกข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าโดนข่มเหงเปล่าๆ ปลี้ๆ”
เหอซื่อเห็นหลีฮุยจะออกไปแล้วรีบตะโกนบอก “อย่าเพิ่งไป ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งกำชับไว้ ตอนนี้ท่านพ่อไปส่งข้าวส่งน้ำอยู่ ส่วนเจ้าไปส่งตอนอาหารเย็น!”
“ฮูหยิน ท่านย่าสูงวัยแล้ว ส่วนท่านพ่อ เอ่อ…ท่านพ่อก็สูงวัยแล้วเช่นกัน ข้าเป็นห่วงว่าพวกท่านจะทนไม่ไหว อยากไปดูสักหน่อยจึงจะสบายใจขอรับ”
เฉียวเจายกมุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย พี่สามต้องลำบากใจแล้วจริงๆ จะติเตียนท่านพ่อก็ไม่ถนัดปากเลยยกข้ออ้างนี้ขึ้น
เหอซื่อห้ามหลีฮุยไว้สุดกำลัง “ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไปไม่ได้ เรื่องในวันนี้จำเป็นต้องเชื่อฟังฮูหยินผู้เฒ่า”
“ฮูหยิน!” หลีฮุยนึกเสียใจภายหลังเป็นกำลัง หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาออกจากสำนักศึกษาหลวงแล้วคงตรงไปที่นั่นเลย เขาเพียงอยากเห็นก่อนว่าน้องเจาเป็นอย่างไรบ้างกันแน่
เฉียวเจายื่นมือไปกระตุกแขนเสื้อของเหอซื่อ
“เจาเจามีอะไรหรือ”
อาจูคารวะเหอซื่อ “ฮูหยิน คุณหนูอยากไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากับคนอื่นๆ ที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลินเจ้าค่ะ”
“คือว่า…” แต่ไรมานางไม่เคยปฏิเสธคำขอของบุตรสาวมาก่อน ครานี้จึงพาให้ลำบากใจขึ้นมากะทันหัน นางอดหันไปมองเฉียวเจาไม่ได้
บุตรสาวทำตาปริบๆ กระตุกแขนเสื้อของนางเบาๆ เป็นคำรบที่สอง
เหอซื่อใจอ่อนยวบไปทั้งดวงทันใด “ตกลง รอท่านแม่เตรียมตัวครู่หนึ่ง พวกเราไปด้วยกัน”
นางพูดจบแล้วยังไม่ลืมชวนหลีฮุยไปด้วย “คุณชายสามอยากไปก็ไปพร้อมกันเถอะ”
หลีฮุยอึ้งงัน “…” ไหนบอกให้เชื่อฟังท่านย่ามิใช่หรือ หลักการของท่านแม่เลี้ยงอยู่ที่ใดกัน
ด้านหน้าที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน ยิ่งมายิ่งมีคนมุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ ดังคำกล่าวว่ากฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ยามนี้พวกราษฎรที่ปกติเกรงกลัวองครักษ์จินหลินประหนึ่งเป็นเสือร้ายกลับส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเบาๆ
“ก็บอกไปแล้วว่าวันนี้ท่านผู้บัญชาการใหญ่ของพวกข้าไม่อยู่ พวกท่านยังจะดื่มน้ำชากินอาหารอยู่ด้านหน้าที่ว่าการกององครักษ์จินหลินอีก นี่จะมาสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนกระมัง”
หลีกวงเหวินทำเสียงถ่มน้ำลาย “ผืนฟ้าพสุธาสว่างเจิดจ้า แสงตะวันจันทราแจ่มกระจ่าง เบื้องหน้าเหล่าชาวเมืองเดียวกันมากมายเช่นนี้ พวกท่านองครักษ์จินหลินจะกลับดำเป็นขาวได้หรือ พวกข้าแค่อยู่ตรงนี้รอท่านผู้บัญชาการเจียงกลับมา อิฐสักก้อนหรือกระเบื้องสักแผ่นของที่นี่หักพังเสียหายไปบ้างหรือไม่ มีหรือไม่”
“ไม่มี ไม่มี!” ในหมู่ชาวบ้านที่มุงดูอยู่มีคนใจกล้าตะโกนผสมโรงขึ้นจบก็หดศีรษะซ่อนตัวอยู่กลางฝูงชน องครักษ์จินหลินจะตาไวดุจเหยี่ยวสักปานใดก็ไม่มีทางหาเจอ
องครักษ์จินหลินทั้งกลุ่มปวดเศียรเวียนเกล้าไปตามๆ กัน
นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณหนูใหญ่ก่อปัญหาขึ้นจนมีคนตามมาหาเรื่องถึงที่
หากเป็นเรื่องอื่นยังพอทำเนา อาศัยบารมีขององครักษ์จินหลินข่มขวัญอย่างไรก็ได้ อีกฝ่ายก็ต้องยอมจำนน แต่เรื่องของพวกเด็กสาว ไม่มีคำสั่งของเหล่าใต้เท้าเบื้องบน พวกเขาไม่รู้ขอบเขตที่เหมาะสมพอดีจริงๆ
“ท่านสิบสาม!” องครักษ์จินหลินทั้งหลายโค้งกายก้มหน้าลอบถอนหายใจโล่งอกพร้อมกัน ท่านผู้บัญชาการใหญ่ไม่อยู่ ท่านสิบสามออกมารับหน้าก็ได้
พวกเขาแยกกันยืนเป็นสองฝั่งเปิดทางไว้ตรงกลาง ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมา สวมชุดขุนนางสีแดงเข้มกับรองเท้าสีดำหุ้มข้อพื้นบาง พกดาบซิ่วชุนชุบทองสลักลายเงินไว้ตรงเอว รูปหน้ามิได้โดดเด่นถึงขั้นน่าทึ่ง มุมปากประดับรอยยิ้มบางๆ แต่กลับสยบผู้คนได้
ทั่วทั้งบริเวณพลันตกอยู่ในความเงียบ สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่ตัวชายหนุ่มในชุดสีแดง คนที่หูตากว้างขวางสูดหายใจดังเฮือกอย่างห้ามไม่อยู่
องครักษ์จินหลินตำแหน่งลำดับหลักขั้นสี่หรือนี่!
อย่าลืมว่าหัวหน้าองครักษ์จินหลินมีตำแหน่งลำดับหลักขั้นสามเท่านั้น คนผู้นี้ยังหนุ่มแน่นก็รั้งตำแหน่งลำดับหลักขั้นสี่ ดังนั้นตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินในภายภาคหน้า…
“เป็นเจ้า?” หลีกวงเหวินตะลึงงันไป จากนั้นโมโหยกใหญ่ “เป็นเจ้าอีกแล้ว!”
เจียงหย่วนเฉาอมยิ้มมุมปาก ประสานมือคำนับหลีกวงเหวิน “ใต้เท้าหลี เป็นพวกผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เสียมารยาทต่อท่านแล้ว”
หลีกวงเหวินแค่นเสียงฮึ เขาเป็นคนที่ได้ยินคำพูดหวานหูไม่กี่คำก็สติเลอะเลือนอย่างนั้นหรือ เจ้าคนผู้นี้ต่างหากที่มิใช่คนดิบดีอันใด หากที่น่าชังยิ่งกว่าคือยังคิดจะผูกมิตรกับบุตรสาวของเขา
เห็นเขาโง่งมรึ องครักษ์จินหลินจะมีมิตรสหายอะไรได้ ใครจะรู้ว่าคนผู้นี้ประสงค์สิ่งใดจากเจาเจา
เจียงหย่วนเฉาค้อมกายให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง “ฮูหยินผู้เฒ่า ใต้เท้าหลี ท่านผู้บัญชาการใหญ่ของพวกข้าไม่อยู่ในที่ว่าการจริงๆ เช่นนี้เถอะ ท่านทั้งสองเข้าไปนั่งข้างในก่อน มีเรื่องอะไรบอกกับข้าก็เหมือนกันขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอ้าปากกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “เรื่องนี้ท่านตัดสินใจไม่ได้”
รอยยิ้มของเจียงหย่วนเฉาชะงักค้าง
“ข้าคือย่าของหลานสาวน่าเวทนาที่ถูกทำลายโฉมผู้นั้น ส่วนนี่คือบิดาของนาง ไม่ทราบว่าใต้เท้าเกี่ยวข้องอะไรกับคุณหนูเจียง”
“ข้าเป็นพี่ชายบุญธรรมของนางขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งกล่าวเสียงเยาะๆ “ดังนั้นข้าถึงพูดว่าเรื่องนี้ท่านตัดสินใจไม่ได้ พวกข้าอยู่ตรงนี้รอท่านผู้บัญชาการเจียงกลับมาจะดีกว่า”
เจียงหย่วนเฉาหุบยิ้มตรงมุมปากในที่สุด
สกุลหลีกระทำเช่นนี้ คาดเดาจุดประสงค์ของพวกเขาได้ไม่ยากว่าจะสร้างสถานการณ์เพื่อให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนใครๆ รู้กันทั่ว ทั้งทำลายชื่อเสียงของน้องสาวบุญธรรม ทั้งบีบให้ท่านพ่อบุญธรรมยอมก้มศีรษะ
ท่านพ่อบุญธรรมเห็นน้องสาวบุญธรรมเป็นดั่งไข่มุกในอุ้งมือ ถ้าเรื่องนี้ลุกลามไปมากกว่านี้ เกรงว่าคงยากมากที่พวกเขาจะแก้ตัวได้
“ให้ชาวบ้านที่มุงดูอยู่แยกย้ายกันไป”
“ท่านสิบสาม คนมากเกินไป ไล่ไม่ไปขอรับ”
เจียงหย่วนเฉาเผยรอยยิ้มจางๆ “มือธนูเตรียมพร้อม!”
เมื่อมีเสาหลักแล้ว พวกองครักษ์จินหลินย่อมมีความมั่นใจ เขากล่าวเสียงขึงขังทันที “น้อมรับคำสั่ง!”
มือธนูตั้งแถวเล็งธนูไปยังชาวบ้านที่มุงดูอยู่ทันที