หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 185
บทที่ 185
“เจาเจา มาอยู่กับท่านย่าตรงนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งใจเต้นผิดจังหวะวูบหนึ่ง นางอ้าปากเรียก
เฉียวเจาส่งสายตาปลุกปลอบท่านย่าให้สบายใจ
“ไฉนแม่นางน้อยไม่พูดไม่จา” สีหน้าเจียงถังอบอุ่นเป็นกันเอง หากในใจกลับกระด้างเย็นชา
เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเจียงถังด้วยสีหน้านิ่งสนิทได้ ลำพังแค่มีความกล้านี้ก็หาได้ไม่ง่ายแล้ว มิน่าสือซานถึงให้ความสนใจต่อคุณหนูหลีผู้นี้
สายตาของเจียงถังหยุดอยู่ที่แก้มขวาซึ่งเป็นแผลของเฉียวเจา ความคิดสังหารคนในหัวยังไม่เลือนหายไป
เขารู้จักสือซานดี บุตรชายบุญธรรมผู้นี้ไม่มัวเมานารี ต่อให้คุณหนูหลีผู้นี้เสียโฉมไปแล้ว ขอแค่มีด้านอื่นเป็นที่ชื่นชอบของสือซาน นางยังคงส่งผลร้ายต่อหร่านรานอยู่ดี
ฉะนั้นจะไว้ชีวิตแม่นางน้อยผู้นี้ไม่ได้
เสียโฉมหรือ ฮ่าๆ เด็กสาวคิดสั้นจบชีวิตตนเองเพราะรูปโฉมถูกทำลายเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาเหลือเกินมิใช่หรือ
เฉียวเจาเป็นคนที่เคยผ่านความตายมาก่อน จึงสัมผัสถึงรังสีสังหารได้เฉียบไวเป็นพิเศษ ถึงแม้เจียงถังจะเก็บงำได้ดีเพียงใด ชั่วพริบตานี้นางรู้สึกสันหลังเย็นวาบระลอกหนึ่ง
เจียงถังผู้นี้คิดจะ…กำจัดข้าใช่หรือไม่
เพราะอะไรกัน
นางใคร่ครวญแล้วว่าเจียงถังโดนสกุลหลีหักหน้าคงไม่ยอมง่ายๆ วันหน้าต้องหาโอกาสคิดบัญชีภายหลัง แต่กลับคิดไม่ออกว่าเหตุใดเขาจึงมีความคิดจะสังหารเด็กสาวผู้หนึ่งอย่างนาง
ต่อให้เจียงถังเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา นั่นก็พึงมีเหตุผลสักข้อ
ผู้อยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินนี้จะต้องไม่กระทำการใดโดยไม่กริ่งเกรงระวังแม้แต่น้อยนิดดังเช่นที่ชาวบ้านสามัญชนคิดกัน เขาเป็นมีดเล่มหนึ่งในพระหัตถ์ของฮ่องเต้ ยามปลิดชีพใครต้องปราศจากความลังเลใดๆ แต่กับคนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่มีทางเสียแรงเปล่าเช่นกัน
ดังนั้นการมีชีวิตอยู่ของนางกระทบกับผลประโยชน์บางอย่างของท่านผู้บัญชาการใหญ่ผู้นี้
เฉียวเจาเก็บข้อกังขานี้ไว้ชั่วคราว นางมิได้พรั่นพรึงที่ถูกเจียงถังหมายปองชีวิต
นางสอดมือเข้าไปในแขนเสื้อ กำแผ่นกระดาษที่เขียนตอนอยู่เรือนไว้ในมือ
เนื้อความในนั้นเป็นที่พึ่งให้นางปกป้องสกุลหลีไม่ให้ถูกคิดบัญชีภายหลัง ตอนนี้มันยังเป็นที่พึ่งให้นางรักษาชีวิตของตนเองไว้ด้วย
เฉียวเจาคาดการณ์ได้ว่าหลังเจียงถังเห็นเนื้อความในกระดาษ เกรงว่าคงจะสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วยกหนึ่ง
นางอดกำแผ่นกระดาษในมือแน่นขึ้นไม่ได้ ตั้งท่าจะยื่นมันออกไป
ในเวลานี้เอง องครักษ์จินหลินผู้หนึ่งก็เข้ามากล่าวรายงาน “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ กวนจวินโหวมาเยี่ยมคารวะขอรับ”
“กวนจวินโหว?” เจียงถังตกใจอยู่บ้าง เขาหมดความสนใจต่อเหล่าชาวสกุลหลีทันใด บอกกับเจียงหย่วนเฉาว่า “สือซาน ออกไปส่งฮูหยินผู้เฒ่ากับคนอื่นๆ ด้วย”
ว่าแล้วเขาก็พยักหน้ากับหญิงชรา จากนั้นออกไปต้อนรับเซ่าหมิงยวนด้วยตนเอง
กวนจวินโหวมาหาท่านพ่อบุญธรรมในเวลานี้มีธุระอะไร เจียงหย่วนเฉามองไปทางเฉียวเจาโดยไม่รู้ตัว หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับคุณหนูหลี
เฉียวเจาประหลาดใจดุจเดียวกัน เซ่าหมิงยวนมาหาเจียงถังเพราะได้ยินเรื่องของนางใช่หรือไม่
ไม่ถูก ตอนเฉินกวงเอายาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆากลับมา ยังไม่รู้เรื่องที่พวกท่านย่ามาที่ที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน เช่นนั้นเซ่าหมิงยวนก็น่าจะไม่รู้เช่นกัน
ฉะนั้นนางคิดมากไปเอง กวนจวินโหวมีเรื่องมาหาเจียงถังก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าแปลก
เฉียวเจากำแผ่นกระดาษในมือพลางทอดถอนใจ ในเมื่อเกิดเหตุให้นางยังมิสามารถมอบสิ่งนี้ให้ นางก็คงได้แต่ต้องหาโอกาสใหม่
เจียงถังสาวเท้าเร็วรี่ออกมาต้อนรับ เขากล่าวกลั้วเสียงหัวเราะดังกังวาน “ลมอะไรหอบท่านโหวมาถึงกององครักษ์จินหลินได้ เชิญเข้ามาข้างในก่อน”
เซ่าหมิงยวนสวมเสื้อคลุมสีขาวแบบเรียบง่ายดุจเก่า เพราะเป็นฤดูร้อน เนื้อผ้าที่บางเบาขับเน้นเรือนกายสูงเพรียวค่อนข้างผอมของเขา ดูไปแล้วไม่เหมือนแม่ทัพผู้ผ่านมาสมรภูมิมาอย่างโชกโชน กลับคล้ายคุณชายสูงศักดิ์ที่นุ่มนวลดุจหยก
เจียงถังลอบถอนใจเบาๆ ใครเล่าจะมองออกว่าชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้คือพญายมผู้เหี้ยมหาญซึ่งชาวเป่ยฉีได้ยินชื่อเป็นต้องขวัญผวา
ยามเผชิญหน้ากับสมุหราชเลขาธิการหลันซาน เจียงถังมิได้ตกเป็นรอง กระนั้นยามอยู่เบื้องหน้าเซ่าหมิงยวน เขากลับไม่กล้าวางอำนาจ
หลันซานแก่ชราแล้ว ถึงแม้จะยืนอยู่ในตำแหน่งใต้คนผู้เดียวเหนือคนนับหมื่น แต่จะยืนไปได้อีกกี่ปี
ทว่ากวนจวินโหวต่างออกไป
ถ้าเป็นยุคแผ่นดินสงบร่มเย็น คนผู้หนึ่งเช่นนี้ต้องพบกับชะตากรรมดังคำกล่าวว่ากระต่ายม้วยย่างสุนัขอย่างหนีไม่พ้น แต่ยามนี้ทิศเหนือทิศใต้ล้วนระส่ำระสาย แดนใต้มีสิงอู่หยางต้านทานชาววอโค่ว ส่วนแดนเหนือก็ได้อาศัยกวนจวินโหวกำราบข้าศึก ขณะที่ฮ่องเต้ฝักใฝ่ในเรื่องบำเพ็ญตบะ เรื่องที่ชิงชังที่สุดก็คือสถานการณ์บ้านเมืองไม่มั่นคง เมื่อเป็นเช่นนี้ ตราบเท่าที่ไม่มีหลักฐานแน่นหนาว่าสองคนนี้กระทำผิดร้ายแรงเป็นกบฏ ฮ่องเต้จะไม่มีวันลงดาบพวกเขา
แม่ทัพที่ขับไล่ชาวเป่ยฉีจนแตกพ่ายหนีกระเจิงไปได้ผู้นี้ยังอายุน้อยเหลือเกินจริงๆ ถึงขั้นที่เมื่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่สืบบัลลังก์ อย่างมากเขาก็เพิ่งจะอยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์เต็มตัว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แข็งแกร่งมากที่สุดพอดี
เจียงถังไม่ต้องใคร่ครวญถึงอย่างอื่น เพียงคำนึงถึงบุตรสาว ก็ไม่มีทางล่วงเกินคนหนุ่มอนาคตไกลเฉกนี้โดยง่าย
ทั้งคู่เข้าไปนั่งในโถงรับแขก มีองครักษ์จินหลินยกน้ำชามาวางให้
เจียงถังโบกมือบอกให้องครักษ์ออกไปให้หมด
ชั่วขณะเดียวภายในโถงพลันเหลือแค่พวกเขาสองคน
เจียงถังแย้มยิ้ม “ในที่ว่าการของพวกข้าไม่มีชาชั้นเลิศอะไร ท่านโหวอย่าได้ถือโทษ”
“ท่านผู้บัญชาการเจียงเกรงใจไปแล้ว ข้ามาในวันนี้มีคำขอไม่สมควรอย่างหนึ่งขอรับ”
“เชิญท่านโหวกล่าว” เจียงถังโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย วางท่าทางรับฟังอย่างตั้งใจ
“ข้าได้ยินว่าวันนี้บุตรสาวของท่านทำให้คุณหนูผู้หนึ่งบาดเจ็บ”
เจียงถังนิ่งงันไป เขาไม่แน่ใจว่าเซ่าหมิงยวนหมายถึงอะไร จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่ เป็นข้าที่ดูแลสั่งสอนไม่ได้ความเอง บุตรสาวถึงดื้อรั้นไปบ้าง วันนี้นางเล่นสนุกจนทำให้บุตรสาวของอาลักษณ์หลีในสำนักราชบัณฑิตบาดเจ็บ เมื่อครู่ครอบครัวของพวกนางยังมาหาถึงที่นี่”
“เอ๊ะ?” เซ่าหมิงยวนคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
ชาวสกุลหลีมาเอาเรื่องถึงที่ว่าการกององครักษ์จินหลินรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ภาพของเฉียวเจาวาบผ่านเข้ามาในหัวชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว
เสี้ยวหน้าด้านข้างงดงามเย็นตาของเด็กสาวตราตรึงใจประหนึ่งภาพวาด
นางโดนทำร้ายถึงเพียงใดกันแน่นะ
แต่ไม่ว่าอย่างไร มีครอบครัวที่เต็มใจออกโรงปกป้องนางเช่นนี้ นี่คือเรื่องโชคดีในความโชคร้ายแล้ว
“เวลานี้ครอบครัวของคุณหนูหลียังอยู่ที่นี่หรือไม่ขอรับ”
“เมื่อครู่ข้าสั่งให้คนออกไปส่งพวกเขาแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าตั้งใจจะให้บุตรสาวไม่รักดีคนนั้นของข้าไปขอขมาถึงที่จวนพวกเขา” เจียงถังพินิจดูสีหน้าของชายหนุ่มแล้วฉงนใจมากขึ้น
หรือว่ากวนจวินโหวผู้นี้มีไมตรีอะไรกับสกุลหลีมาก่อน
“ท่านโหวมาด้วยเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ” เจียงถังเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาเสียเลย
“ใช่ขอรับ” เซ่าหมิงยวนกล่าวตอบโดยไม่ลังเลสักนิด
เจียงถังหยักยิ้ม “กล่าวตามสัตย์จริง ข้าไม่ใคร่เข้าใจความหมายของท่านโหวนัก”
ผู้ก้าวมาถึงตำแหน่งเช่นพวกเขาสองคน บางเรื่องอาจเอ่ยถึงไม่ได้เป็นอันขาด บางเรื่องพูดให้กระจ่างกลับเป็นการดีกว่า
เซ่าหมิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “คุณหนูหลีเป็นคนที่ข้าต้องดูแลขอรับ
เขาหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อยพลางมองหน้าเจียงถัง “ดังนั้นท่านผู้บัญชาการใหญ่โปรดอย่าแตะต้องคุณหนูหลีกับครอบครัวของนางด้วย”
เรื่องกระทบกระทั่งระหว่างสตรีเขายื่นมือแทรกไม่ถนัด แต่ให้ผู้อาวุโสในเรือนดูแลสั่งสอนบุตรสาวเจ้าปัญหาให้ดีๆ ต่างหากจึงจะเป็นหนทางที่ถูก นี่เป็นหลักการเดียวกับคติที่ว่าจับโจรให้จับหัวหน้าโจรก่อนในสนามรบ เขาเชื่อว่าเจียงถังเข้าใจความหมายของเขาได้
เจียงถังตั้งสติไม่ได้นานครู่หนึ่ง
วันนี้เป็นวันพิลึกพิลั่นอะไรกัน ตอนแรกเป็นอาลักษณ์เล็กๆ ของสำนักราชบัณฑิตเอาหัวพุ่งมาชนเขา กระแทกโดนท้องน้อยจนเจ็บไปหมด ตอนนี้แม่ทัพเป่ยเจิงผู้ทรงเกียรติมาถึงถิ่นเขาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็เพื่อให้เขาอบรมสั่งสอนบุตรสาวให้ดี
ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าวันหน้าถ้าบุตรสาวเขาโดนคุณหนูหลีอะไรนั่นรังแก เขาผู้เป็นบิดายังออกโรงปกป้องไม่ได้ใช่หรือไม่
ทั้งที่เมื่อครู่นี้เขายังคิดจะเอาชีวิตเด็กสาวผู้นั้น เรื่องนี้จะพลิกผันมากไปสักหน่อย!
“ข้าสร้างความลำบากใจให้ท่านผู้บัญชาการใหญ่ใช่หรือไม่ขอรับ”
เจียงถังดึงความคิดคืนมา “อ้อ ไม่…ไม่ลำบากใจ”