หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 194
บทที่ 194
“ยืมคน?”
“ใช่ ขอคนที่มีวิชายุทธ์ดีๆ สองคน ข้าจะไปสังหารคน” ฉือชั่นมีสีหน้าร้อนรน บอกกล่าวเพียงสั้นๆ ง่ายๆ
สีหน้าของเซ่าหมิงยวนผู้เป็นสหายรักแต่วัยเยาว์ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “ถามได้หรือไม่ว่าจะไปสังหารใคร จะอย่างไรที่นี่เป็นเมืองหลวง ใต้เบื้องบาทโอรสสวรรค์ สังหารคนต้องรับผิดชอบนะ”
“ฆ่าพวกมากตัณหาต้องรับผิดชอบอะไรกัน ฆ่าทิ้งไปยังเสียแรงเปล่า” ฉือชั่นทำหน้าเหี้ยมเกรียม
เซ่าหมิงยวนตกใจ “มีคนลวนลามเจ้าหรือ”
“แค่กๆๆ” ฉือชั่นไอโขลกๆ ยกใหญ่ พอหายใจได้ทันแล้วเขามองสหายตาขุ่น พูดอย่างโมโหโทโส “เซ่าหมิงยวน เจ้าคิดไปถึงที่ใดกัน”
เจ้าคนผู้นี้ปกติคิดแต่เรื่องอะไร
เซ่าหมิงยวนลูบจมูกทำหน้าเหลอหลา “ก็เห็นเจ้าโกรธถึงเพียงนี้ ข้าเลยได้แต่คิดเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นเป็นเจ้าพวกมากตัณหาคนใดกันทำให้เจ้าหัวเสียถึงเพียงนี้”
สหายรักมิใช่คนที่เห็นความอยุติธรรมแล้วยื่นมือเข้าช่วยจำพวกนั้นเป็นอันขาด จุดนี้เขายังแจ่มแจ้งดี
“ขืนเจ้าพูดพล่ามต่อไป ทุกอย่างคงสายเกินการณ์แล้ว”
เซ่าหมิงยวนไม่หวั่นไหวแม้สักนิด “พวกมากตัณหาจากที่ใดรึ”
นี่จะไปสังหารคน มิใช่ไปขี่ม้าเล่น เขาต้องรับผิดชอบต่อผู้ใต้บังคับบัญชา
“บอกเจ้าตามสัตย์จริงก็ได้ ข้าผ่านไปทางจวนสกุลหลีโดยบังเอิญ เห็นคนมากตัณหาผู้หนึ่งลักพาตัวแม่นางน้อยที่เพิ่งออกมาจากจวนสกุลหลีไปพอดี ถิงเฉวียน เจ้าชิงชังเรื่องพรรค์นี้ที่สุดมิใช่หรือ รีบคัดเลือกมือดีๆ ให้ข้าสองคนเร็วเข้า เจ้าไม่รู้หรือว่าเจ้าลูกเต่าตัวนั้นเห็นปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกมือฉมัง แบกคนวิ่งหนีไปได้รวดเร็วอย่าบอกใครเลยทีเดียว”
เซ่าหมิงยวนชักรู้สึกได้รางๆ ว่าไม่เข้าที เขาไต่ถามต่อ “คนก็หนีไปแล้ว เจ้ายังจะไปตามหาที่ใด”
“ไม่ได้ไปที่ใด ก็ให้เฝ้าอยู่ที่จวนสกุลหลี เจ้าคนผู้นั้นโผล่มาอีกก็ฟันให้ตายในดาบเดียวเป็นอันหมดห่วงได้”
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนถามต่อ “แล้วแม่นางน้อยที่ถูกลักพาตัวไปเล่า”
ฉือชั่นทำหน้าตาไม่รู้สึกรู้สา “นั่นมิใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่คือเอาชีวิตพวกมากตัณหา ไม่ให้ทำร้ายใครได้อีกในวันหน้าก็พอ”
เขาเป็นพวกที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอย่างนั้นหรือ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าคนที่เจ้าคนมากตัณหานั่นลักพาตัวไปเป็นเถาเซิง ถึงเป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งจริงๆ แล้วเป็นกงการอะไรของเขา
“เข้าใจแล้ว” เซ่าหมิงยวนพยักหน้า ที่แท้เพื่อคุณหนูหลีนั่นเอง
“สือซี แม่นางน้อยที่ถูกลักพาตัวก็เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน นางออกมาจากจวนสกุลหลีแล้วหายตัวไปเช่นนี้ คุณหนูหลีย่อมต้องเดือดร้อนด้วย” เซ่าหมิงยวนเอ่ยเตือน
ฉือชั่นอึ้งไปเล็กน้อยแล้วทำเสียงฮึเบาๆ อย่างไม่ยอมแพ้
เจ้าเซ่าหมิงยวนผู้นี้ไม่เหนื่อยบ้างรึ คิดมากถึงเพียงนี้ไปเสียทุกเรื่อง!
แต่ดูเหมือนจะมีเหตุผลอยู่สักหน่อย
“ไม่เป็นไร เจ้ารีบให้ข้ายืมคนถึงเป็นเรื่องสำคัญ” แม้นจะมีเหตุผล แต่คนที่ถูกลักพาตัวไปคือเถาเซิง ไม่มีปัญหานี้ตามมาภายหลัง
เซ่าหมิงยวนมองฉือชั่นด้วยสายตาที่ปนเปไปด้วยอารมณ์หลายหลากแล้วหมุนกายไป “ตามข้ามา”
พอเห็นสหายรักเปลี่ยนใจ ฉือชั่นยิ้มด้วยความพึงใจ เดินตามเขาไปอย่างร่าเริง
ถึงด้านหน้าห้องหนึ่งของเรือนหลัง เซ่าหมิงยวนยื่นมือผลักประตูเปิดออก
“มาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน ยืมคนยังต้องวุ่นวายเช่นนี้!” ฉือชั่นมองเข้าไปข้างในแวบเดียวก็ปิดประตูหันหลังเดินกลับทันที
เซ่าหมิงยวนยกมือวางทาบไหล่เขา พูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย “สือซี?”
ฉือชั่นส่งเสียงไอเบาๆ ทีหนึ่ง มองเขาพลางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ถิงเฉวียน จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นดีกว่า จะได้ไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัว แค่กๆ เจ้าคนมากตัณหาผู้นั้นก็ปล่อยเขาไปตามยถากรรมเถอะ อย่างไรต้องมีผู้ทรงคุณธรรมที่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำจัดการเขาเอง”
เฉินกวงที่อยู่ในห้อง “…” คนมากตัณหาที่ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมหมายถึงข้าใช่หรือไม่
เถาเซิงนิ่ง “…” ข้าชักสังหรณ์ใจรางๆ ว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้น
สุ้มเสียงของเซ่าหมิงยวนกังวานใสดุจเก่า “สือซี คนที่อยู่ข้างในนั้นเจ้ารู้จักหรือไม่”
“ไม่รู้จัก” ฉือชั่นสะดุ้งในใจ เขาชายตามองสหายรัก “นี่ถิงเฉวียน เจ้าหมายความว่าอะไร ข้ามาขอยืมคน เจ้าเอาแต่พล่ามเป็นวรรคเป็นเวรไม่ว่า ยังจะพูดอะไรแปลกๆ อย่างนี้อีก”
เซ่าหมิงยวนยิ้มอย่างใจเย็น “ไม่รู้จักก็ดี”
จากนั้นเขาก็หันหน้าไปตะเบ็งเสียงบอกด้วยสีหน้าเฉยเมย “เฉินกวง จับเจ้าคนบัดซบที่ปลอมตัวเป็นหญิงแฝงตัวเข้าไปในห้องส่วนตัวของสตรีสับเป็นชิ้นๆ โยนให้สุนัขกิน”
ฉือชั่นอึ้งงัน “…”
ทำกันเยี่ยงนี้มิได้นะ ปกติเซ่าหมิงยวนเป็นคนใจเย็นมีเมตตามิใช่หรือ
นี่…จะข่มขู่ข้าเป็นแน่!
“โอ๊ย…” เสียงร้องโหยหวนดังมาจากข้างใน
ฉือชั่นหน้าเปลี่ยนสี เงื้อเท้าถีบประตูเปิดแล้วเดินพรวดๆ เข้าไปผลักเฉินกวงออก “ไสหัวไป!”
ผลักไม่ไป สารถีน้อยที่ไม่ขยับตัวสักนิดเพียงมองไปทางท่านแม่ทัพของตน
เซ่าหมิงยวนผงกศีรษะเล็กน้อย เฉินกวงถึงถอยไปด้านข้าง
ฉือชั่นตบๆ ตัวเถาเซิง
เด็กรับใช้มีน้ำมูกน้ำตาไหลเปรอะ “คุณชาย ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้วขอรับ”
ของเหลวปริศนาหยดลงบนหลังมือฉือชั่น ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มบูดบึ้งทันใด เขาเอ่ยเสียงห้วน “สับเป็นชิ้นๆ โยนให้สุนัขกินดีแล้ว”
หลังจากล้างมือซ้ำๆ เป็นสิบรอบ คุณชายฉือถึงสงบอารมณ์ลงได้ เขาเอ่ยถามเซ่าหมิงยวน “เรื่องมันเป็นอย่างไรกัน”
เซ่าหมิงยวนทำสีหน้าขรึมลง “สือซี เรื่องนี้น่าจะเป็นข้าถามเจ้าจึงจะถูก เจ้าให้เด็กรับใช้ปลอมตัวเป็นสาวใช้ไปทำอะไรที่เรือนของคุณหนูหลี”
ฉือชั่นกระดากใจอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ “ข้าให้เด็กรับใช้นำยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาไปมอบให้นางสองตลับ ไม่อย่างนั้นวันหน้านางออกนอกเรือนทำให้คนตกใจกลัวจะทำเช่นไร”
“เพียงเพื่อมอบยาขี้ผึ้งน้ำค้างแข็งเมฆาสองตลับ?” เซ่าหมิงยวนตกตะลึงไปแล้ว แค่จะมอบยาขี้ผึ้งนั้นมีวิธีนับร้อย เพราะอะไรถึงเลือกวิธีที่ไม่ละอายแก่ใจมากที่สุดพรรค์นี้ได้
สายตาคล้ายมองคนสติไม่เต็มเต็งของสหายรักยั่วโทสะของคุณชายฉือเสียแล้ว เขากล่าวโดยไม่สนใจอันใดทั้งสิ้นดังคำกล่าวว่าขว้างไหร้าวให้แตก “ไม่เช่นนั้นเล่า ถ้าทำอย่างอื่น ข้าจะให้เด็กรับใช้ไปหรือ”
เขาไปเองเป็นอันสิ้นเรื่อง
ไม่ถูก เขาพูดเหลวไหลอะไรกันนี่
“แล้วเจ้าล่ะ ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าคนนั้นมันเรื่องอะไรกัน ไม่มีคำสั่งของเจ้า เขาจะเดินป้วนเปี้ยนอยู่นอกเรือนสกุลหลีหรือ”
น้ำเสียงของเซ่าหมิงยวนราบเรียบ “อ้อ ตอนนี้เขามิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า แต่เป็นสารถีของคุณหนูหลี”
ฉือชั่นงุนงง สารถี? ตั้งแต่เมื่อไรกัน ไฉนเขาไม่รู้เรื่องสักนิด
เซ่าหมิงยวนมองเขาแล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “สือซี การกระทำของเจ้าในวันนี้โง่เง่าอยู่บ้าง จะสร้างปัญหาให้คุณหนูหลีได้”
“สร้างปัญหาอะไรกัน ถ้าวันนี้มิใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นสารถีของเจ้าคนนั้น ใครจะจับพิรุธใดได้”
“ไม่มีอะไรแน่นอน ข้ามีผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นสารถีเช่นนี้ ผู้อื่นก็มีได้เฉกเดียวกัน”
ฉือชั่นยิ้มเยาะ “แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของคนอื่นไม่ได้เป็นสารถีให้คุณหนูหลี ถิงเฉวียน เจ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองกังวลใจมากเกินไปแล้วหรือ”
เพราะอะไรใครๆ ล้วนเห็นผักกาดขาวที่เขาเก็บมาได้สดใหม่หวานกรอบกันนัก
“อื้อ ข้าก็ชอบกังวลใจเช่นนี้เอง” สหายรักพาลพาโลจนเขาโต้กลับคำหนึ่งอย่างเหลืออด
ฉือชั่นกลอกตาขึ้น ก่อนจะจูงมือเด็กรับใช้ของตนกลับวังไปทันที
“ข้าเก็บเจ้าไว้มีประโยชน์อันใด” พอเข้าเรือน ฉือชั่นง้างเท้าเตะเถาเซิงทีหนึ่ง “รีบไสหัวไปให้ไกลๆ เลย”
เถาเซิงหยิบสารออกมาราวกับอวดสมบัติ กล่าวเป็นเชิงทำคุณไถ่โทษ “คุณชาย ท่านดูนี่ สารขอบคุณของคุณหนูหลีซานส่งถึงคุณหนูใหญ่ ข้าเก็บรักษาไว้ด้วยชีวิตเชียวนะขอรับ”
“ส่งถึงคุณหนูใหญ่อะไรกัน เอามา!” ฉือชั่นฉวยสารมาแล้วยกมุมปากโค้งขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เขาอยากดูนักว่าแม่นางน้อยนั่นจะเขียนว่าอะไร
ฉือชั่นค่อยๆ บรรจงดึงกระดาษสารออกมา สังเกตเห็นเถาเซิงเหล่ตามองไม่หยุดก็ปั้นหน้าบึ้งกล่าว “ไปไกลๆ”
เถาเซิงทำหน้าม่อยเขยิบออกไปอยู่ห่างๆ
ฉือชั่นหลุบตาลง เห็นในนั้นเขียนตัวอักษรลายเส้นพลิ้วไหวเป็นอิสระที่กดน้ำหนักแทบทะลุหลังกระดาษว่า
‘ฉือชั่น คนโง่เง่า!’