หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 218
บทที่ 218
ตอนดรุณีน้อยเฉียวหว่านรู้ว่าคนเลวที่สังหารพี่สาวจะรับตัวนางไป นางงุนงงไปหมดทว่ายังจดจำฐานะบุตรสาวของสกุลของตนได้แม่นยำ บัดนี้พี่ชายยังล้มป่วยไปอีก นางจะเกเรเอาแต่ใจจนทำให้คนในเรือนท่านตาดูแคลนไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ดรุณีน้อยฝืนอดทนไว้สุดกำลังตลอด จนกระทั่งขึ้นรถม้าแล้วถึงปล่อยโฮออกมาเสียงดัง
เซ่าหมิงยวนขี่ม้าอยู่ดึงสายบังเหียน
“ท่านแม่ทัพ แม่นางน้อยร้องไห้อยู่ขอรับ” องครักษ์เอ่ยเตือน
ฟ้ามืดแล้ว ร้านรวงริมทางล้วนดับตะเกียง บนถนนมีขบวนคนกลุ่มหนึ่งเช่นนี้เคลื่อนผ่านมา ประกอบกับเสียงร่ำไห้ของดรุณีน้อยลอยแว่วมาจากภายในรถม้า เป็นเหตุให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเป็นครั้งคราวตกใจจนวิ่งเผ่นหนีไป
เซ่าหมิงยวนชักหัวม้ากลับไปที่ข้างรถม้า พลิกกายลงจากหลังม้าแล้วก้มตัวก้าวขึ้นไป
ภายในรถม้าจุดโคมไว้ มีสาวใช้แต่งกายเรียบร้อยรัดกุมวัยราวสี่สิบเศษผู้หนึ่งคอยเฝ้าเฉียวโม่อยู่ นางกำลังจนปัญญากับดรุณีน้อยที่ร้องไห้งอแงอยู่ พอเห็นเซ่าหมิงยวนเข้ามาก็กล่าวอย่างกระดากใจ “ท่านโหว ข้าปลอบไม่ได้…”
“ดูแลคุณชายเฉียวให้ดี” เซ่าหมิงยวนมองไปทางเฉียวหว่านที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำ เอ่ยถามเสียงนุ่มว่า “เพราะอะไรถึงร้องไห้”
“ข้ากับพี่ใหญ่ไม่อยากไปเรือนของท่าน”
“ชอบอยู่ที่เรือนท่านตาหรือ”
พอเซ่าหมิงยวนถามคำนี้ เฉียวหว่านก็ขมวดคิ้ว
อันที่จริงนางไม่ชอบอยู่ที่เรือนท่านตาเหมือนกัน นางชอบอยู่ที่สวนซิ่งจื่อในจยาเฟิง แล้วก็ชอบอยู่ที่จวนสกุลเฉียวในเมืองหลวง มีเพียงสองที่นี้ถึงจะอิสรเสรีและเป็นเรือนของตนเอง
ถึงกระนั้นดีชั่วในเรือนท่านตายังมีพวกญาติผู้พี่ แต่เรือนของคนเลวผู้นี้ล่ะมีอะไร
“ท่านส่งพวกข้ากลับไปได้หรือไม่”
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ” อีกฝ่ายเป็นดรุณีน้อยเพิ่งอายุเจ็ดแปดขวบ เซ่าหมิงยวนจึงถามยิ้มๆ
เฉียวหว่านทำปากยื่น คนผู้นี้น่าชังเสียจริง หรืออยากได้ยินนางเรียกเขาว่าพี่เขยใช่หรือไม่
หึ ฝันไปเถอะ!
“ข้าบอกว่าท่านส่งพวกข้ากลับไปได้หรือไม่”
คนที่ถูกถามเอนพิงผนังรถม้าหลับตาทำสมาธิ ไม่ตอบสนองใดๆ ต่อคำถามของดรุณีน้อย
ใต้แสงเทียน ดวงหน้าเขาซีดขาว คิ้วสีดำดุจน้ำหมึก สีขาวกับสีดำที่ตัดกันชัดเจนทำให้เขาดูบริสุทธิ์แฝงความเย็นชาไปทั้งสรรพางค์กาย
“ท่านอย่าแกล้งหลับสิ…” เฉียวหว่านยื่นมือไปสะกิดชายหนุ่ม แต่ปลายนิ้วแตะถูกมือเย็บเฉียบของเขาก็หดกลับไปกะทันหัน ในใจพลันบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นหลายส่วน นางหลุดปากพูดขึ้น “พี่เขย?”
เซ่าหมิงยวนลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำสนิทฉายแววยิ้ม “หือ?”
เมื่อเรียกออกจากปากได้แล้ว สำหรับดรุณีน้อยนางหนึ่งจะเรียกซ้ำอีกครั้งก็ไม่มีอะไรยากเย็น นางกัดริมฝีปากพูดเสียงฮึดฮัด “พี่เขย เหตุใดต้องทำให้คนอื่นตกใจด้วย เมื่อครู่ข้าถามท่านว่าส่งพวกข้ากลับไปได้หรือไม่”
“ไม่ได้” คนบางคนกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมาทันที
เฉียวหว่านถลึงตาด้วยความโกรธ “ทะ…ท่านให้ข้าเรียกท่านว่าพี่เขยก็จะตอบตกลงมิใช่หรือ”
“เปล่านะ เจ้าเรียกข้าว่าพี่เขย ข้าเพียงรู้ว่าเจ้าต้องการพูดกับข้าเท่านั้น”
“ทะ…ท่าน…คนโกหก!” เฉียวหว่านเม้มปากไม่พูดไม่จาอย่างมีน้ำโห
เซ่าหมิงยวนไม่มีประสบการณ์ปลอบเด็กน้อยแต่อย่างใด พอเห็นนางไม่ร้องไห้แล้วก็ก้มตัวออกไป
“…” เฉียวหว่านได้แต่คิดในใจ คนพรรค์นี้มีที่ใดกัน เลวทรามชั่วช้าดังคาด!
จากนั้นรถม้าก็ค่อยๆ แล่นลับไปในม่านราตรี
เมื่อแสงแรกอรุณเบิกฟ้าวันใหม่อีกครา ข่าวกวนจวินโหวรับตัวพี่ชายของภรรยาที่จากไปแล้วมาอยู่ด้วยกันเพราะภรรยามาเข้าฝันก็แพร่สะพัดไปทุกตรอกในพริบตา
การที่เรื่องเรื่องหนึ่งจะเป็นข่าวลือที่ทุกคนซุบซิบนินทาต่อๆ กันอย่างสนุกปากโดยมิรู้เบื่อนั้นมีข้อน่าพินิจอยู่
ศักดิ์ฐานะของกวนจวินโหว ภรรยาที่จากไปแล้วมาเข้าฝัน และความเคราะห์ร้ายของพี่ชายภรรยา ทุกๆ องค์ประกอบล้วนกระตุ้นสัญชาตญาณสอดรู้สอดเห็นของผู้คนได้ในชั่วอึดใจ เมื่อสามสิ่งนี้รวมกัน เป็นธรรมดาที่จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาในวงน้ำชายามว่างของผู้คนได้เป็นอย่างดี
เฉียวเจาซึ่งนอนหลับเต็มอิ่มกำลังกินหมั่นโถวไหมเงินอยู่ อาจูไปเดินป้วนเปี้ยนแถวเรือนครัวใหญ่รอบหนึ่งก็กลับมาก็เล่าข่าวลือนี้ให้นางฟัง
“แค่กๆๆ…” แรกได้ยินข่าวนี้ เฉียวเจาไม่ทันระวังกัดโดนริมฝีปากล่างจนเลือดซึมออกมาทันที
นางไอไม่หยุดพลางโบกมือห้ามอาจูที่ตั้งท่าจะเข้ามาตบหลังให้ พอรู้สึกดีขึ้นแล้วจึงเอ่ยถาม “ตอนนี้คนข้างนอกพูดกันเช่นนี้จริงหรือ กวนจวินโหวฝันถึง…เอ่อ…ภรรยาที่ตายไปแล้วของเขามาเข้าฝัน?”
“จริงเจ้าค่ะ ขณะนี้กระทั่งคนขายผักริมถนนใหญ่ยังบอกว่ากวนจวินโหวมีความรักมั่นคงต่อภรรยาที่จากไปแล้วด้วยนะเจ้าคะ”
ความรักมั่นคงรึ ภรรยาที่จากไปแล้วเข้าฝันรึ บ้าบอสิ้นดี!
เจ้าคนบัดซบผู้นั้นพูดโกหกหน้าด้านๆ ข้ายังมีชีวิตอยู่นะ แล้วภรรยาที่จากไปจะเข้าฝันได้อย่างไรกัน
เฉียวเจาหลับตาสงบสติอารมณ์ นางเอ่ยสั่งปิงลวี่ “ไปเรียกเฉินกวงมาหาข้าที”
ด้วยเฉินกวงจะมาที่เรือนเล็กฝั่งซ้ายนี้ย่อมไม่สะดวก เฉียวเจาจึงพบกับเขาในศาลาตามเดิม
“วันนี้คุณหนูไม่ไปที่ใดหรือขอรับ”
“ไป”
เฉินกวงอึ้งงัน เขาถามตามปากพาไปเท่านั้น แดดแรงถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากออกจากเรือน
“ไปหอชุนเฟิงกัน”
“ได้ขอรับ ข้าจะเตรียมรถม้าประเดี๋ยวนี้เลย” สารถีบางคนกลับมามีชีวิตชีวาในพริบตา
อากาศร้อนจะมีอะไร เขาได้ยินเถาเซิงเด็กรับใช้ของคุณชายฉือเล่าให้ฟังภายหลังว่าคุณชายฉืออยากพบคุณหนูสามยังรอจนเป็นลมแดด!
ดูผู้อื่นสิมีความมุ่งมั่นตั้งใจถึงเพียงใด ขืนเขาไม่ทุ่มเทความพยายามช่วยท่านแม่ทัพให้มากขึ้น เช่นนั้นคงหมดหวังจริงๆ
“ประเดี๋ยว ข้ายังมีเรื่องถามเจ้า” เฉียวเจาไม่เข้าใจสักนิดว่าสารถีผู้นี้คึกคักกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาราวกับดื่มยาชูกำลังเป็นเพราะอะไร นางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“คุณหนูเชิญพูดขอรับ” เฉินกวงย้อนกลับมา
“เมื่อวานแม่ทัพเซ่าไปรับตัวคุณชายเฉียวที่จวนเสนาบดีโค่วมาแล้วหรือ”
“เอ๊ะ”
“เช่นนั้นเหตุใดข้าไม่ได้ยินเจ้าพูดถึงเลย”
เฉินกวงทำหน้าละห้อย “คุณหนู ท่านแม่ทัพไม่ได้บอกกับข้านะขอรับ ท่านลองคิดดู ท่านแม่ทัพมีศักดิ์ฐานะใด แล้วข้ามีศักดิ์ฐานะใด ท่านแม่ทัพมีแผนการอะไรจะหารือกับข้าได้อย่างไรกัน ท่านว่าใช่หรือไม่”
สีหน้าของแม่นางเฉียวบูดบึ้งยิ่งขึ้น ความหมายของนางคือเซ่าหมิงยวนจะรับตัวพี่ใหญ่ไปถึงกับไม่แย้มพรายให้นางรู้สักนิด!
เมื่อวานตอนพบหน้ากันยังแสดงท่าทางยอมรับผิดอย่างจริงใจ บัดนี้นางกระจ่างแจ้งแล้ว ที่แท้ยอมรับผิดก็ส่วนยอมรับผิด ส่วนที่พึงทำตามใจตนเองก็ยังคงทำตามใจตนเองสินะ!
“อย่างนั้นเจ้าไปเตรียมรถม้าเถอะ” เฉียวเจาลุกขึ้นพาปิงลวี่เดินออกไป
หลีเจี่ยวซึ่งอยู่ข้างซุ้มดอกไม้เผยตัวขึ้น นางจับกิ่งกุหลาบพลางใช้ความคิด จากนั้นเร่งรีบกลับเรือนไปผลัดชุดเป็นอาภรณ์ของบุรุษแล้วพาสาวใช้ที่แต่งกายเป็นเด็กรับใช้ออกจากเรือนไปด้วยกัน นางยัดเยียดก้อนเงินเล็กๆ ก้อนหนึ่งให้คนพเนจรที่รับแดดอยู่ริมกำแพงพร้อมสั่งกำชับ “แอบตามหลังรถม้าม่านสีเขียวคันที่จอดอยู่ข้างกำแพงฝั่งนั้นไป ดูว่ามันไปที่ใดแล้วรีบกลับมาบอกพวกข้าโดยเร็ว เงินส่วนที่เหลือก้อนนี้ก็จะเป็นของเจ้า”
ก้อนเงินเปล่งประกายวาววับวางอยู่ตรงหน้า สำหรับคนพเนจรแล้วไม่ต่างอันใดกับลาภลอยจากฟ้า เขาตอบตกลงทันทีทันควัน รอเมื่อรถม้าม่านสีเขียวคันเล็กกะทัดรัดเริ่มออกแล่นก็ลักลอบติดตามไป
เฉินกวงครวญเพลงขณะควบขับรถม้าอย่างสำราญใจเป็นอันมาก เขาเหลียวดูโดยไม่ตั้งใจ ชำเลืองเห็นเงาร่างสายหนึ่งตามติดอยู่ด้านหลังรถม้าได้แต่ไกล
มาตรว่าคนผู้นั้นมิได้เข้ามาใกล้นัก แต่ความเฉียบไวที่บ่มเพาะจากการติดตามท่านแม่ทัพออกศึกมานานปีที่แดนเหนือทำให้เฉินกวงอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
มีคนสะกดรอยตามหรือนี่!