หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 228
บทที่ 228
เด็กหนุ่มรูปหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจดยืนขวางหน้าฉางชุนป๋อ กล่าวซ้ำคำเดิมอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าเป็นคนทำร้ายเขาเอง”
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตกตะลึงยกใหญ่ “ฮุยเอ๋อร์”
หลีกวงเหวินมีสีหน้าตื่นตะลึงดุจเดียวกัน “ฮุยเอ๋อร์ เจ้า…”
หลีฮุยโค้งกายต่ำแสดงคำนับต่อเหล่าผู้อาวุโส “ท่านย่า ท่านพ่อ ฮูหยิน เป็นฮุยเอ๋อร์ที่อกตัญญูก่อปัญหาขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับน้องเจาแม้แต่น้อยขอรับ”
“เป็นเจ้าได้อย่างไรกัน บุตรชายข้าพูดก่อนหมดสิ้นสติว่าจวนสกุลหลี ตรอกซิ่งจื่อ กับหนูสาม”
หลีฮุยตัดบทฮูหยินของฉางชุนป๋อด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกท่านอาจจะฟังผิด เขาน่าจะพูดว่าจวนสกุลหลี ตรอกซิ่งจื่อ กับชายสาม”
“คุณชายสาม?” ฉางชุนป๋อกับภรรยามองหน้ากันไปมา จากนั้นหันไปมองหมอหลวงจางพร้อมกัน
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงพลิกผันไปมาอย่างนี้ทำให้หมอหลวงจางทำหน้างุนงง
“จวนสกุลหลี…ชายสาม…” ฮูหยินของฉางชุนป๋อพึมพำทวนประโยคนี้อย่างสงสัยไม่แน่ใจ
ครั้นพูดทวนเช่นนี้ บอกได้ไม่แน่ชัดจริงๆ ว่าก่อนซูเอ๋อร์หมดสติพูดว่า ‘ชายสาม’ หรือ ‘หนูสาม’
ฝ่ายฉางชุนป๋อกลับไม่โอนเอน เขาแค่นเสียงกล่าว “ข้าได้ถามคนของหอปี้ชุนแล้ว พวกเขาบอกว่ามีสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษปะปนเข้าไปในหอ”
หลีฮุยกล่าวเสียงเรียบ “แต่เหตุใดท่านป๋อไม่คิดดูว่าจู่ๆ สตรีเรือนใดจะปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไปในหอคณิกากัน สตรีนางนี้กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำเลยรนหาที่ตายหรือขอรับ”
คำถามนี้ทำให้ฉางชุนป๋อถึงกับสะอึกไป
หลีฮุยกวาดสายตาผ่านใบหน้าของพวกฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง สุดท้ายมองเฉียวเจาแวบหนึ่งค่อยเอ่ยขึ้น “บอกว่าสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษ แล้วดูออกได้อย่างไร เว้นแต่รู้สึกว่ารูปโฉมหมดจดเท่านั้น ท่านป๋ออย่าลืมว่าผู้มีรูปโฉมหมดจดในใต้หล้าไม่แน่ว่าต้องเป็นสตรีเสมอไป”
ฉางชุนป๋อพิศดูหลีฮุยอย่างละเอียดแล้วอดลังเลใจไม่ได้
หากเด็กหนุ่มในวัยนี้มีหน้าตาเกลี้ยงเกลาก็แยกแยะชายหญิงได้ค่อนข้างยากอยู่แล้ว ดังเช่นเด็กหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้
ก่อนหน้านี้เพราะอาการบาดเจ็บของบุตรชายคนเล็กทำให้โกลาหลวุ่นวายไปหมด หลังกุมตัวคนของหอปี้ชุนไว้แล้วถามเพียงคร่าวๆ ก็พาคนมาที่นี่โดยยังไม่ซักถามให้ละเอียดแจ่มแจ้ง หรือว่าจะดูผิดจริงๆ
ฉางชุนป๋อมองฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งปราดหนึ่ง หญิงชราเรือนผมหงอกขาวมีสีหน้าทดท้อละม้ายตกอยู่ในห้วงอารมณ์สิ้นหวัง
ฉางชุนป๋อฉุกใจขึ้นได้ ไม่สำคัญว่าเป็นคุณชายสามหรือคุณหนูสาม อย่างไรชาวสกุลหลีก็หนีไม่พ้น
จวนตะวันตกของสกุลหลีมีคุณชายผู้นี้คนเดียว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะสติฟั่นเฟือนยอมรับผิดแทนคนอื่น หรืออย่างน้อยต่อให้คุณชายสามสกุลหลีจะรับผิดแทนคุณหนูสามจริงๆ การสูญเสียหลานชายเพียงหนึ่งเดียวร้ายแรงกว่าสูญเสียหลานสาวคนหนึ่งมากมายนัก พวกเขามีแต่กำไรไม่ขาดทุน
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ คุณชายสามก็ตามพวกข้าไปที่ที่ว่าการขอให้เจ้าหน้าที่ทางการชำระตัดสินความเถอะ ท่านทำร้ายบุตรชายข้าจนไม่รู้แน่ว่าจะเป็นหรือตายได้ แต่พวกข้าไม่อาจไม่เกรงอาญาบ้านเมืองตั้งศาลเตี้ยโดยพลการได้!”
“ได้” มือของหลีฮุยสั่นน้อยๆ แต่ใบหน้าเขาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดมากนัก
เมื่อเห็นหลานชายก้าวขาเดินออกไป ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตะโกนเสียงดัง “ประเดี๋ยวก่อน!”
หลีฮุยชะงักฝีเท้าทว่าไม่หมุนกายไป
“เรื่องนี้ต้องเข้าใจอะไรกันผิดเป็นแน่ หลานชายข้าไม่มีทางไปสถานที่อย่างหอปี้ชุนพรรค์นั้นได้”
หลีฮุยหมุนกายมายกชายเสื้อคลุมคุกเข่าให้ท่านย่า เขาโขกศีรษะแล้วกล่าว “หลานอกตัญญู อยากจะระบายความแค้นให้พี่เจี่ยวถึงไปที่หอปี้ชุนเพื่อสั่งสอนจย่าซูสักตั้งขอรับ”
“อะไรนะ” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งตัวเซไปข้างหลังหลายก้าว หลีกวงเหวินช่วยพยุงไว้
เขาไต่ถามหลีฮุยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้อยคำนี้เป็นจริงหรือ”
“ลูกไม่จำเป็นต้องโป้ปดมดเท็จขอรับ เมื่อวานข้าดื่มน้ำชากับสหายร่วมสำนักศึกษาในร้านน้ำชา สังเกตเห็นจย่าซูอยู่ในห้องติดกันโดยบังเอิญ ข้าได้ยินเขาหัวเราะเยาะพี่เจี่ยวแล้วกล้ำกลืนความโกรธไว้ไม่ได้จริงๆ ฉะนั้นวันนี้ถึงเล็ดลอดเข้าไปในหอปี้ชุนเพื่อสั่งสอนเขาขอรับ”
เหตุผลมีน้ำหนักเพียงนี้ทำให้สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งสลดลง นางล้มลงนั่งบนเก้าอี้ในชั่วอึดใจ
ขณะที่หลีกวงเหวินหน้าบึ้งสะบัดฝ่ามือตบหน้าหลีฮุยทีหนึ่ง “โง่เง่า!”
เขามีบุตรชายโง่งมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน จะเล่นงานคนแล้วแอบเข้าไปในหอคณิกาด้วยเหตุใด ดักอยู่ด้านนอกรอเจ้าลูกเต่าแซ่จย่าออกจากหอคณิกา ค่อยเอาถุงผ้าป่านคลุมศีรษะแล้วตีกบาลไม่ได้หรือ ขอแค่ไม่เห็นหน้า ถึงกระหน่ำตีจนตายก็ไม่มีปัญหา!
“ลูกโง่เง่าเองขอรับ” หลีฮุยลุกขึ้นยืนมองไปทางเฉียวเจาที่นิ่งเงียบอยู่ตลอด เขาแย้มมุมปากเปล่งเสียงหัวเราะแผ่วเบา “น้องเจา ขอโทษด้วย วันหน้าข้าดูแลเจ้าไม่ได้แล้ว เจ้าช่วยข้าดูแลพวกท่านย่าให้ดีๆ นะ”
เขาพูดจบแล้วหมุนกายสาวเท้าปราดๆ ออกไป
หลีกวงเหวินนิ่งงันไปครู่เดียวก็ก้าวขาไล่ตามไป “รอประเดี๋ยว…”
“ใต้เท้าหลียังมีอะไรจะพูดอีกหรือ” ฉางชุนป๋อถามอย่างเยาะหยัน
“บุตรขาดการอบรม เป็นความผิดของบิดา บุตรชายข้าก่อความผิดขึ้น นั่นเป็นความรับผิดชอบของข้า ข้าตามพวกท่านไปด้วย”
มองดูสองพ่อลูกล้วนเดินตามคนอื่นไป ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งคล้ายชราลงไปหลายปีในพริบตา ริมฝีปากของนางสั่นระริกกล่าววาจาไม่ออก
เฉียวเจาเห็นดังนั้นรีบล้วงยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งในถุงผ้าปักออกมาป้อนใส่ปากหญิงชราแล้วบอกเสียงดัง “น้ำ!”
ชิงอวิ๋นสาวใช้อาวุโสรินน้ำมาปรนนิบัติให้ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งดื่มทันที
เมื่อเห็นสีหน้าของท่านย่าดีขึ้น เฉียวเจาคลายใจลงได้เล็กน้อย นางเอ่ยกับเหอซื่อที่นิ่งงันไป “ท่านแม่ ท่านดูแลท่านย่านะเจ้าคะ ข้าจะออกไปยับยั้งท่านพ่อกับพี่สามไว้”
หลิวซื่อนายหญิงรองมาถึงตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ ผลักเหอซื่อทีหนึ่งแล้วกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านออกไปกับคุณหนูสามเร็วเข้า ข้าคอยดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเอง”
ถึงแม้นางจะเชื่อว่าเมื่อคุณหนูสามเจอเรื่องเดือดร้อนต้องมีคนเคราะห์ร้ายเสมอ แล้วเป็นไปได้ถึงแปดหรือเก้าในสิบส่วนที่ผู้เคราะห์ร้ายคราวนี้คือคนของจวนฉางชุนป๋อ แต่พลังการต่อสู้ของพี่สะใภ้จะมองข้ามมิได้ มีกำลังหนุนเพิ่มขึ้นคนหนึ่งก็ดีเช่นกัน
เหอซื่อได้สติเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน “เจาเจา เจ้าห้ามออกไปเช่นกัน ข้าไปก็พอ” ว่าแล้วก็ชูกรรไกรผลุนผลันออกไป
เฉียวเจาอึ้งงันก่อนจะไล่ตามไปอย่างเร่งรีบ
หลีกวงเหวินกับบุตรชายตามพวกฉางชุนป๋อก้าวออกจากประตูใหญ่ของจวนสกุลหลีแล้ว
“หยุดนะ!” เหอซื่อวิ่งทะยานออกมา กรรไกรเปล่งประกายวาววับทำให้คนที่ติดตามฉางชุนป๋อมาพากันถอยหลบเปิดทางให้สายหนึ่งอย่างว่องไว
“อะไรกัน นายหญิงเหอคิดจะลงมือประทุษร้ายคนต่อหน้าธารกำนัลใช่หรือไม่” ฉางชุนป๋อถามเสียงเย็นๆ
คนที่รอชมความครึกครื้นอยู่นอกจวนตะวันตกชะเง้อชะแง้มองจนคอยืดคอยาวทันใด
“เกิดเหตุอะไรขึ้น ไฉนถึงกับใช้กรรไกรแล้วหรือ”
“ลงมือประทุษร้ายคนอะไรกัน วันนี้พวกท่านกล้าพาสามีกับบุตรชายข้าไป เว้นแต่ว่าข้ามศพข้าไปก่อน”
หลีกวงเหวินใจเต้นผิดจังหวะวูบหนึ่ง เขามองเหอซื่ออย่างพินิจ
ส่วนหลีฮุยเม้มปากพลางหลุบตาลง
“นายหญิงเหอ นี่ท่านมิใช่พาลพาโลโดยไร้เหตุผลอยู่รึ คุณชายสามของพวกท่านตีศีรษะบุตรชายข้าจนสลบไสลไม่ได้สติที่หอปี้ชุน แล้วยังไม่ยอมให้พวกข้าทวงความเป็นธรรม”
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ได้ยินแล้วส่งเสียงฮือฮาทันควัน
“หอปี้ชุน?”
“ตีคน?”
“ดูไม่ออกเลยว่าคุณชายสามสกุลหลีก็เป็นพวกที่หึงหวงแย่งชิงสตรีในหอคณิกากับผู้อื่นด้วย”
“พี่สามของข้ามิได้ไปที่หอปี้ชุน แล้วคนที่ทำร้ายบุตรชายของฮูหยินซึ่งเห็นหอคณิกาเป็นดั่งเหย้าเรือนก็มิใช่พี่สามของข้า” เฉียวเจาเดินไปถึงข้างกายมารดาแล้วกล่าวเสียงใสกังวาน
จนป่านนี้แล้วยังจะเหน็บแนมบุตรชายนางอีกหรือ ฮูหยินของฉางชุนป๋อได้ยินแล้วโมโหแทบอกแตกตาย นางตะเบ็งเสียงพูด “คุณหนูสาม! ถ้าไม่ใช่พี่สามของท่าน อย่างนั้นก็ต้องเป็นท่านแล้ว! เดิมทีคนของหอปี้ชุนบอกว่ามีสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไป ข้ายังนึกสงสัยอยู่ไม่วายว่าพี่สามของท่านรับผิดแทนท่านนะ”
“อะไรกัน คุณหนูสามของสกุลหลีปลอมตัวเป็นบุรุษลอบเข้าไปในหอคณิกา”
เหล่าผู้มุงดูทั้งหลายคึกคักตื่นเต้นกันน่าดูเลยทีเดียว
เรื่องชาวบ้านเช่นนี้เป็นข่าวใหญ่หาได้ยากในรอบร้อยปีโดยแท้
ในเวลานี้เองมีเสียงพูดเย็นชาดังขึ้น “ใครบอก เมื่อเช้าคุณหนูหลีซานอยู่กับข้าตลอดเวลา”