หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 260
บทที่ 260
“ที่ผ่านมาเป็นเช่นนี้เจ้าค่ะ”
ท่าทางสงบนิ่งเฉยเมยของเด็กสาวทำให้เซ่าหมิงยวนไม่กล้าเอ่ยปากอยู่สักหน่อย วันนี้ยังพูดได้ว่าเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ ถ้าวันหน้าเป็นเช่นวันนี้ทุกวัน ต่อให้คุณหนูหลีไม่ใส่ใจ เขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี
ข้าทำเช่นนี้เท่ากับทำลายชื่อเสียงของคุณหนูหลีแล้วใช่หรือไม่ ท่านแม่ทัพหนุ่มครุ่นคิดอย่างไม่แน่ใจ
ถ้าหากเขาไม่เคยตบแต่งภรรยาก็สามารถรับผิดชอบเรื่องในวันนี้ได้ เป็นธรรมดาที่จะไม่ต้องยุ่งยากใจเช่นนี้
ทว่าเขายิงธนูสังหารภรรยาเองกับมือ จึงไม่มีสิทธิ์มีภรรยาใหม่แต่แรก แล้วจะพัวพันกับสตรีนางหนึ่งมากเกินไปตามใจชอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาได้อย่างไร
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ข้ารอหมอเทวดาหลี่กลับมาแล้วขอให้ท่านรักษาให้จะดีกว่า” เซ่าหมิงยวนกล่าวคำนี้ออกจากปาก ก็เห็นเด็กสาวขมวดคิ้วคราหนึ่ง แล้วไม่รู้เพราะอะไรในใจเขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง
เฉียวเจาทำหน้าตึงกล่าวว่า “กว่าจะรอท่านปู่หลี่กลับมา ท่านก็จบชีวิตไปแล้ว ไม่อย่างนั้นแม่ทัพเซ่านึกว่าข้าอยู่ว่างๆ แล้วเบื่อหน่ายหรือไร”
ชายชาตรีทำกระมิดกระเมี้ยนอะไรไม่เข้าท่า ราวกับนางเป็นหญิงเจ้าชู้อยากมองเขาซ้ำๆ กระนั้น
เซ่าหมิงยวนอ้าปากทว่ากล่าววาจาไม่ออก
เฉินกวงรีบเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพ ท่านรับฟังคุณหนูสามเถอะ ร่างกายท่านสำคัญที่สุดนะขอรับ ท่านลองตรองดู ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่าน พวกข้าพี่น้องตั้งมากถึงเพียงนี้ควรทำประการใดดีเล่า”
หึๆ ท่านแม่ทัพเปลือยกายล่อนจ้อนให้คุณหนูสามเห็นหลายๆ ครั้ง ยังจะไม่แต่งงานกับนางได้อีกหรือ
“แม่ทัพเซ่าลังเลอะไรอยู่เจ้าคะ หรือเพราะข้าเห็นร่างกายท่านเลยรู้สึกว่าข้าสมควรรับผิดชอบเจ้าคะ”
“แค่กๆๆ” เซ่าหมิงยวนไอออกมา “คุณหนูหลีกล่าวล้อเล่นแล้ว”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ตกลงกันตามนี้ พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่เจ้าค่ะ” เฉียวเจากล่าวสรุปอย่างเฉียบขาด ครั้นเห็นชายหนุ่มยังอยากพูดอีก นางเอ่ยเตือนขึ้น “คำพูดของคนป่วย ปกติข้าแค่รับฟัง แต่ไม่ทำตามเจ้าค่ะ”
เซ่าหมิงยวนอึ้งงัน “…”
เฉินกวงยกนิ้วโป้งให้เฉียวเจาลับหลัง เขามองออกแล้วว่ายังคงเป็นคุณหนูสามที่มีวิธีรับมือท่านแม่ทัพได้มากที่สุด
“เฉินกวง ไปเถอะ กลับกันได้แล้ว” เฉียวเจาค้อมศีรษะให้เซ่าหมิงยวนก่อนหมุนกายเดินไปสองก้าว จู่ๆ นางก็หยุดชะงักแล้วเหลียวหน้ามาช้าๆ
“ท่านหมอหลียังมีสิ่งใดจะกำชับอีกหรือ” เซ่าหมิงยวนไต่ถามอย่างจนใจ เขารู้สึกสับสนเหลือจะกล่าว
เฉียวเจามองสำรวจชายหนุ่มซ้ำๆ หลายรอบถึงดึงสายตากลับ กล่าวเสียงราบเรียบว่า “นอกจากพิษไอเย็น ร่างกายแม่ทัพเซ่ามิได้เป็นอะไรมาก หากรู้สึกว่ามีตรงใดไม่ปกติ บางทีอาจมีสาเหตุจากจิตใจ แม่ทัพเซ่าทำใจสบายๆ เท่านั้นเป็นพอเจ้าค่ะ”
จวบจนเฉียวเจาเปิดประตูก้าวออกไป เซ่าหมิงยวนยังนิ่งงัน ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาปเป็นหิน
‘ร่างกายมิได้เป็นอะไรมาก…’
‘หากรู้สึกว่ามีตรงใดไม่ปกติ บางทีอาจมีสาเหตุจากจิตใจ…’
สุ้มเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของสาวน้อยดังก้องวนเวียนอยู่ข้างใบหู ทั้งที่ล้วนเป็นคำพูดง่ายดายมาก แต่แม่ทัพหนุ่มกลับรู้สึกว่าสมองของตนเองหยุดแล่นโดยสิ้นเชิง
นี่คุณหนูหลีหมายความว่าอะไร
ต้องไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดไว้เป็นแน่
เซ่าหมิงยวนหลับตาแล้วลืมตาพรึบ สายตาดุจใบมีดคมกริบพุ่งไปที่เฉินกวงซึ่งตามหลังเฉียวเจาต้อยๆ
เจ้าบัดซบคนนี้ ข้าจะสังหารเจ้าเสีย!
เฉินกวงรู้สึกเย็นสันหลังวูบหนึ่ง เขารีบเดินฉับๆ ออกไปเลย
ท่านแม่ทัพน่ากลัวเหลือเกิน คุณหนูสามช่วยข้าด้วย!
ทันทีที่เห็นเฉียวเจากับเฉินกวงออกมา พวกฉือชั่นพากันรุมล้อมเข้าไป ทิ้งจิ้งอันโหวให้ยืนอยู่ที่เดิมอย่างโดดเดี่ยว เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
มีสตรีนางหนึ่งออกมาจากในห้องของหมิงยวนหรือนี่
ไหนบอกว่าหมิงยวนกระอักเลือดหมดสติไปมิใช่หรือ เหตุไฉนมีเด็กสาวเดินออกมา
เฉียวเจาที่โดนคนห้อมล้อมไว้ทอดสายตามองไป
จิ้งอันโหว? เขามาที่นี่ได้อย่างไรกัน
จริงสิ วันนี้มีงานเลี้ยงขึ้นเรือนใหม่ของเซ่าหมิงยวน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีคนจากจวนจิ้งอันโหวมาร่วมงาน จิ้งอันโหวจะรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเซ่าหมิงยวนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แล้วเขารู้เรื่องกล่องเก็บสารที่ถูกเสิ่นซื่อยึดไว้ใบนั้นหรือไม่
เฉินกวงเล่าว่าสารพวกนั้นเป็นเซ่าหมิงยวนเขียนถึงนางจากแดนเหนือที่หนาวจัดจนน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง นางอยากอ่านมากว่าคนที่ในกาลก่อนนางคิดว่ามีนิสัยเย็นชาเฉยเมยหากเปี่ยมไปด้วยเลือดรักบ้านเมืองรักปวงประชาจะบอกอะไรกับภรรยาของตนบ้าง
เพียงน่าเสียดายที่นางในตอนนี้ไร้เหตุผลใดจะไปอ่านสารเหล่านั้น
เฉียวเจาฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้โดยพลัน
นางเคยเขียนสารถึงเซ่าหมิงยวนเช่นกัน แต่พอไม่ได้รับคำตอบแม้แต่ตัวอักษรเดียวก็ไม่เคยเขียนอีก ไม่รู้ว่าสารที่นางเขียนอยู่ในกล่องใบนั้นด้วยหรือไม่
ถ้าอยู่ในนั้น เซ่าหมิงยวนจะเห็นหรือไม่
ชั่วขณะนี้เฉียวเจาบอกไม่ถูกว่าวาดหวังให้เขาเห็น หรือวาดหวังให้ร่องรอยทุกอย่างในอดีตลบเลือนไปสิ้น
“คุณหนูหลี ถิงเฉวียนเป็นอย่างไรบ้าง” ทุกคนพากันไถ่ถาม
“วิชาแพทย์ของคุณหนูหลีล้ำเลิศ ท่านแม่ทัพของข้าฟื้นแล้วขอรับ” เฉินกวงพูดขึ้นอย่างเบิกบานใจ
“แม่นางผู้นี้เป็นหมอหรือ” จิ้งอันโหวตั้งสติได้ในที่สุด เขาเดินก้าวยาวๆ เข้ามาเอ่ยถาม
แม้นเขามีเรือนกายสูงชะลูด แต่ผ่ายผอมมาก จอนสองข้างมีเส้นผมหงอกสีขาวมากกว่าคนวัยเดียวกัน
ในเวลาสั้นๆ สองสามปี จิ้งอันโหวชราภาพไปมากจริงๆ เฉียวเจาคิดคำนึงในใจ
“คารวะท่านโหวเจ้าค่ะ” นางแสดงคำนับ
จิ้งอันโหวอึ้งงันไป “แม่นางน้อยรู้จักข้าด้วยรึ”
“หาได้รู้จักไม่ เพียงแต่ดูจากท่วงทีกิริยาและอายุของท่านแล้วน่าจะเป็นบิดาของแม่ทัพเซ่าเจ้าค่ะ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ แม่นางโปรดรอสักครู่ ข้าขอไปดูบุตรชายสักหน่อย”
เฉียวเจายืนอยู่กลางลานเรือน เห็นทุกคนยกขบวนกันเข้าไปในห้องของเซ่าหมิงยวนแล้วเอ่ยกับเฉินกวง “ไปเถอะ”
“คุณหนูสาม ท่านโหวบอกให้รอก่อนไม่ใช่หรือ…”
นางคลี่ยิ้ม “ข้ามิใช่หมอสักหน่อย หรือจะอยู่รอให้จิ้งอันโหวซักถาม”
เฉินกวงฟังแล้วพยักหน้าหงึกหงัก คุณหนูสามพูดได้มีเหตุผลจริงๆ ขืนไม่ไปอีก หรือจะอยู่รอให้ท่านแม่ทัพคิดบัญชีกับเขาภายหลัง
สารถีน้อยพาแม่นางเฉียวรีบเผ่นกลับไป
“ท่านพ่อ” เซ่าหมิงยวนมองปราดเดียวก็เห็นจิ้งอันโหว
“หมิงยวน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” จิ้งอันโหวเบียดเข้าไปอยู่ข้างๆ บุตรชาย มองสำรวจเขาขึ้นๆ ลงๆ
ฉือชั่นเอ่ยถามอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านโหวอยากทราบว่าถิงเฉวียนเป็นอย่างไร ไยไม่กลับไปถามไถ่ฮูหยินของท่านดูเล่า”
จูเยี่ยนดึงตัวฉือชั่นเบาๆ
พวกเขาเป็นสหายรักของถิงเฉวียน อยู่ต่อหน้าจิ้งอันโหวก็คือผู้เยาว์ ถึงโกรธเคืองสักปานใด สามารถซ้อมเซ่าจิ่งยวนจนน่วมได้ แต่ฉีกหน้าจิ้งอันโหวจะถือว่าเสียมารยาท
“สือซี ทำให้พวกเจ้าต้องเป็นห่วงแล้ว ตอนนี้ข้าไม่เป็นไร ข้ามีบางอย่างอยากพูดกับท่านพ่อพอดี”
จูเยี่ยนดึงตัวฉือชั่นไว้พลางยิ้มกับเซ่าหมิงยวน “ถ้าอย่างนั้นพวกข้ากลับก่อน”
หลังจากนั้นภายในห้องก็เหลือแค่สองพ่อลูก
จิ้งอันโหวพิศดูใบหน้าซีดขาวราวหิมะของชายหนุ่ม เขาถอนใจเฮือกด้วยจิตใจหนักอึ้ง “หมิงยวน ข้าได้ยินว่าเจ้ากระอักเลือด ตกลงเรื่องมันเป็นเช่นไรกันแน่”
“ข้าไม่เป็นอะไรมากขอรับ มันเกิดจากพิษไอเย็นในตัว พอกระอักออกมาก็กลับเป็นปกติแล้ว”
รูม่านตาของจิ้งอันโหวหดแคบลง พิษไอเย็นของบุตรชายคนรองมีอาการรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เขาได้รับพิษไอเย็นเพราะพลัดตกลงไปในโพรงน้ำแข็งเมื่อครั้งดักซุ่มข้าศึก ตลอดหลายปีมานี้เรียกได้ว่าทนทรมานแสนสาหัส แต่ต่อให้เป็นถึงเพียงนี้ก็ไม่เคยถึงขั้นกระอักเลือด
จิ้งอันโหวรู้สึกร้อนวาบๆ ตรงกลางอกกะทันหัน ตรงนั้นเก็บยาขับไอเย็นที่หมิงยวนมอบให้เขา ทั้งที่พิษในตัวบุตรชายมีอาการหนักเพียงนี้ กลับยกยาขับไอเย็นให้เขา…
ขอบตาของจิ้งอันโหวพลันเปียกชื้นอยู่บ้าง เขาพูดพึมพำ “หมิงยวน พ่อผิดต่อเจ้าแล้ว”
เซ่าหมิงยวนนิ่งเงียบครู่หนึ่งถึงเหลือบตาขึ้นมองจิ้งอันโหว “ท่านพ่อ ข้ามีคำถามข้อหนึ่งอยากถามท่านขอรับ”
“เจ้าว่ามาได้เลย”
“ข้าเป็นบุตรชายในไส้ของท่านแม่จริงๆ หรือขอรับ” เซ่าหมิงยวนถามคำถามนี้อย่างชัดถ้อยชัดคำยิ่ง