หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 266
บทที่ 266
เฉินกวงจนปัญญา เขาไปที่จวนกวนจวินโหวด้วยตนเอง
“คุณหนูหลีมีธุระหรือ” เมื่อพบว่าเชิญคนมาไม่ได้ เซ่าหมิงยวนกับเฉียวโม่จับจ้องผ้าไหมสีขาวพร้อมกัน ไม่มีแม้แต่ความอยากอาหารแล้ว
“มีธุระอะไรหรือ” เซ่าหมิงยวนถามต่อ
เฉินกวงถูกถามเช่นนี้ก็อึ้งงันไป สตรีจะมีธุระอะไรกันบ้าง เขาจะรู้ได้เช่นไร! เขาเป็นแค่สารถี มิใช่สาวใช้
“คุณหนูหลีออกจากเรือนหรือไม่” เซ่าหมิงยวนซักต่อ
“ไม่ได้ออกจากเรือนขอรับ”
แม่ทัพหนุ่มย่นหัวคิ้วเข้าหากัน “ไม่ออกจากเรือนแล้วจะมีธุระอะไรได้”
ปักผ้า? เย็บเสื้อ? เขารู้สึกไม่วายว่าคุณหนูหลีมิใช่คนเช่นนี้
“น่าจะ…อาจจะ…เป็นเพราะคุณหนูสามรู้สึกว่าวันนี้มาสองครั้งแล้วเลยไม่อยากมาอีกกระมัง” เฉินกวงกล่าวคาดเดา
ใครให้ท่านทำท่าไม่เต็มใจทุกครั้งที่ถอดเสื้อเองเล่า คุณหนูสามต้องโกรธแล้วแน่ๆ
“ไปเชิญใหม่อีกที”
“ท่านแม่ทัพ?” เฉินกวงงงงัน
คุณหนูสามเป็นคนมีความคิดเป็นของตนเอง นางไม่มาแล้วจะให้เขาเชิญอย่างไรกัน
เซ่าหมิงยวนยกหมัดจ่อริมฝีปาก ไอออกมาเบาๆ สองที “ก็บอกว่าข้ากระอักเลือดอีกแล้ว”
“คือว่า…” เฉินกวงลำบากใจอยู่บ้าง ท่านแม่ทัพ…พูดโกหกหน้าตาเฉยไม่ใคร่จะดีกระมัง
“รีบไปสิ” เซ่าหมิงยวนชายตามองเขาด้วยแววตาเย็นเยียบ
เฉินกวงยืนตัวตรงทันที “น้อมรับคำสั่งขอรับ”
ด้านเฉียวเจากำลังนั่งกินผลหยางเหมย* อยู่ใต้ต้นไม้
ผลเหมยสดใหม่มีรสเปรี้ยวอมหวานชุ่มคอ ปลายนิ้วและกลีบปากนางล้วนเปื้อนสีม่วงจางๆ
พอได้ยินว่าเซ่าหมิงยวนกระอักเลือดอีก นางไม่มีแก่ใจสำรวจเนื้อตัวให้เรียบร้อยก็เร่งรีบไปหาเขา
กระอักเลือดสามหนในวันเดียว นั่นเป็นเรื่องร้ายแรงแล้ว
ทั้งที่ไม่ควรเป็นเช่นนี้แท้ๆ หรือว่ายาที่นางกำชับให้ดื่ม เขาไม่ดื่ม?
“แม่ทัพเซ่าเป็นอย่างไรบ้าง” เฉียวเจาสาวเท้าเร็วรี่เข้าไปในห้อง มองปราดเดียวก็เห็นเฉียวโม่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง
เฉียวโม่หมุนกายมาประสานสายตากับนาง เขามองนางอยู่นาน แววตาของเขาลึกล้ำเกินหยั่งดั่งบึงน้ำลึก
“พี่เฉียว?” เฉียวเจางุนงงกับสายตาของเขา นางผินหน้ามองเซ่าหมิงยวนที่ยืนอยู่ด้านข้าง
หญิงสาวประหลาดใจมากขึ้น นางพิศดูเซ่าหมิงยวนอย่างละเอียดแล้วกล่าว “แม่ทัพเซ่า สีหน้าท่านปกติดี ไฉนกระอักเลือดอีกครั้งได้”
“เอ่อ…” เซ่าหมิงยวนอ้ำๆ อึ้งๆ พูดความจริงหรือว่าโกหกต่อดี นี่เป็นปัญหาใหญ่ข้อหนึ่ง
“แม่ทัพเซ่าโปรดยื่นข้อมือออกมาเจ้าค่ะ”
“อันที่จริงหนนี้เชิญคุณหนูหลีมาเพราะมีเรื่องอื่น” คนบางคนได้ยินว่าต้องยื่นข้อมือออกไปก็ตัดสินใจพูดความจริงทันที
สายตาของเฉียวเจาจ้องหน้าเซ่าหมิงยวนนิ่งๆ นานครู่ใหญ่ นางถึงพูดเสียงราบเรียบว่า “กล่าวเช่นนี้แปลว่าแม่ทัพเซ่ามิได้กระอักเลือดหรือเจ้าคะ”
เขาพูดโกหกหรือนี่ เสียทีที่ข้ารีบมาด้วยความร้อนใจดุจไฟลน!
เซ่าหมิงยวนตวัดสายตาผ่านมุมปากของเด็กสาวอย่างฉับไวดุจแมลงปอแตะผิวน้ำ เขายอมรับผิดแต่โดยดี “ขออภัย ข้ามีเรื่องด่วนอยากพบคุณหนูหลีจริงๆ”
คุณหนูหลีกำลังกินอะไรอยู่ตอนรุดมาที่นี่กระมัง
ดูเหมือนจะกินผลเหมย…
สีหน้าของเฉียวเจาบูดบึ้ง
มีเรื่องด่วนก็ใช้ความห่วงใยที่หมอมีต่อคนป่วยเป็นเครื่องมือได้หรือ
ช่างเถอะ ไม่ถือสาหาความเขาตอนนี้แล้วกัน
“แม่ทัพเซ่ามีเรื่องด่วนอันใดกันแน่”
เซ่าหมิงยวนเห็นเฉียวเจาไม่ไล่เลียงต่อก็ลอบโล่งอกไปที เขาอดมองไปทางเฉียวโม่ไม่ได้
เฉียวโม่เดินมาจับผ้าไหมสีขาวเลื่อนไปตรงหน้านาง “นี่เป็นของของคุณหนูหลีใช่หรือไม่”
เฉียวเจาไม่ปฏิเสธ “ใช่เจ้าค่ะ”
เฉียวโม่คลี่ผ้าออกเผยให้เห็นตัวอักษรเลือดบนนั้น เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเครียดขรึม “แล้วตัวหนังสือนี้ล่ะ”
“เป็นข้าเขียนเช่นกันเจ้าค่ะ” เฉียวเจารู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ นางยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
สายตาของเฉียวโม่ขึงตึง เขาสืบเท้าขึ้นหน้าหนึ่งก้าว “คุณหนูหลีเขียนตัวอักษรให้ข้าดูสักสามตัวได้หรือไม่”
“ไม่ต้องแล้ว” เซ่าหมิงยวนอ้าปากพูด
เฉียวโม่มองไปทางเขา
เซ่าหมิงยวนยื่นใบสั่งยาแผ่นหนึ่งให้ “นี่เป็นใบสั่งยาที่คุณหนูหลีเพิ่งเขียนเอาไว้ พี่เฉียวโม่สามารถดูได้”
เขาเพ่งมองใบสั่งยาตาไม่กะพริบ คราบหมึกบนนั้นคล้ายว่ายังไม่แห้งสนิท ยังได้กลิ่นหมึกหอมอ่อนๆ
เป็นนานพักใหญ่ เฉียวโม่เอาใบสั่งยากับผ้าไหมสีขาววางเรียงกัน ก่อนที่สายตาเขาจะหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเฉียวเจา “คุณหนูหลี จะอธิบายสักหน่อยได้หรือไม่ว่าเหตุใดลายมือของท่านกับน้องสาวคนโตของข้าถึงเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมา”
เฉียวเจาเม้มปาก มาตรว่านางกับพี่ใหญ่จะสนิทสนมกัน แต่จริงๆ แล้วมีเวลาอยู่ร่วมกันไม่มากนัก
ยามอยู่กับพี่ใหญ่ นางไม่เคยคิดจะปิดบังอะไร ด้วยใช่ว่านางจะไม่วาดหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่าเขาจะบังเกิดความสงสัยในตัวนางจากสิ่งละอันพันละน้อยต่างๆ เฉกเดียวกับท่านปู่หลี่ และกลับมาเป็นพี่น้องเมื่อจังหวะโอกาสที่เหมาะสมมาถึง
แต่ว่าตอนนี้ถึงเวลานั้นแล้วใช่หรือไม่
เฉียวเจาอดชำเลืองมองเซ่าหมิงยวนไม่ได้ ในใจนางชักประหม่าอย่างไร้สาเหตุ
แม้ว่าท่านปู่หลี่เชื่อเรื่องการยืมศพคืนวิญญาณ ทว่านางไม่มั่นใจว่าพี่ใหญ่จะเชื่อ และยิ่งไม่มั่นใจว่าเซ่าหมิงยวนจะเชื่อ
แน่นอนว่านางไม่สนใจว่าเซ่าหมิงยวนจะเชื่อหรือไม่ แต่นางไม่กล้าเดิมพันกับพี่ใหญ่
ฐานะของนางกับท่านปู่หลี่ไม่มีเรื่องผลประโยชน์อันใดมาเกี่ยวข้องกัน อีกทั้งท่านปู่หลี่เป็นคนที่ไม่แยแสเรื่องพรรค์นี้ แต่พี่ใหญ่ต่างออกไป จู่ๆ เรือนก็โดนไฟไหม้วอดวายอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงเป็นไปไม่ได้ที่พี่ใหญ่จะไม่คิดมาก
“คุณหนูหลีลอกเลียนลายมือของน้องสาวข้า ไม่ทราบว่ามีเป้าหมายอะไร” เรียวปากบางของเฉียวโม่เผยอขึ้น พร้อมเสียงถามคำนี้ดังลอดออกมา
การตายของน้องสาวคนโตเป็นบาดแผลรอยหนึ่งกลางใจเขา ไม่ว่าเมื่อแรกคุณหนูหลีจะสร้างความประทับใจให้เขามากเพียงใด เขาก็สุดปัญญาจะยอมรับได้ว่ามีคนแอบอ้างชื่อของน้องสาวมุ่งหวังอะไรบางอย่าง
ดังเช่น…เฉียวโม่กวาดตามองกวนจวินโหวแวบหนึ่ง
ดังเช่นตำแหน่งฮูหยินกวนจวินโหว หรือบางสิ่งที่โดนอำพรางด้วยเหตุไฟไหม้ใหญ่นั่น
เฉียวโม่มองสาวน้อยตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย นี่เป็นเด็กสาวที่ฉลาดเหลือเกินผู้หนึ่ง นางอาศัยจุดที่คล้ายคลึงกับน้องสาวเขาเข้ามาใกล้ชิดเขาและเปิดใจเขาได้อย่างง่ายดาย
ทว่าจุดที่คล้ายคลึงเหล่านี้เป็นเพียงความบังเอิญ หรือว่าจงใจทำเล่า
เหตุเพลิงไหม้คราเดียว เขาก็บ้านแตกสาแหรกขาดในชั่วพริบตา ยามนี้กระทั่งครอบครัวท่านตาก็พึ่งพาไม่ได้แล้วยังมีสิ่งใดเชื่อถือได้อีก เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นตัวของตัวนางเองหรือว่ากลุ่มอำนาจบางกลุ่มฝึกฝนบ่มเพาะขึ้นกันแน่
“เป้าหมาย?” ถึงแม้จะคาดการณ์ได้ว่าพี่ชายไม่มีทางเชื่อเรื่องยืมศพคืนวิญญาณโดยง่าย แต่ขณะที่ได้ยินเฉียวโม่ถามเช่นนี้ ราวกับว่านางได้สัมผัสกับความเจ็บปวดจากธนูคมกริบเสียบทะลุหัวใจตอนยืนอยู่บนกำแพงเมืองเยี่ยนวันนั้นอีกครา
นางเจ็บจนลมหายใจติดขัด พาน้ำตาไหลพรากลงมาในชั่วอึดใจ
ร้องไห้?
เฉียวโม่นิ่งงันไป ไฉนร้องไห้แล้วล่ะ เขาเตรียมคำถามไว้มากมาย แต่เพิ่งถามไปคำเดียว
หากเป็นกลุ่มอำนาจสายใดส่งเด็กสาวเฉกนี้ผู้หนึ่งมาก็จะเจ้าเล่ห์ต่ำช้าเกินไปจริงๆ
ร้องไห้เช่นนี้จะให้คนอื่นถามต่ออย่างไร
ร้องไห้กับพี่ชายไม่เป็นไร แต่เซ่าหมิงยวนยังยืนอยู่ด้านข้าง แม่นางเฉียวจึงรู้สึกขายหน้าอยู่สักหน่อย
นางยกมือเช็ดน้ำตาตรงหางตาแล้วมองเซ่าหมิงยวนตาขุ่น
แม่ทัพหนุ่มทำหน้าตาเหลอหลา เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่ร้องไห้อยู่ ชายหนุ่มเต็มตัวสองคนพากันอึ้งงันไปในชั่วขณะ
“เอ่อ…คุณหนูหลีท่านอย่าร้องไห้นะ ข้าแค่ถามตามปากพาไปเท่านั้น…” ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด ทั้งที่ในใจสงสัยว่าเด็กสาวตรงหน้ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่เห็นน้ำตาของนางแล้ว เฉียวโม่พลันรู้สึกอึดอัดที่กลางอก
เฉียวเจาฟังแล้วเสียใจมากขึ้น
ถามตามปากพาไป? พี่ใหญ่สงสัยข้าชัดๆ จะถามตามปากพาไปได้อย่างไร
วันนี้ตอนมาที่นี่รอบแรก พี่ใหญ่มีท่าทีเย็นชากับนางมาก นางรับรู้ได้แต่แรกแล้ว
แม่นางเฉียวแสนจะน้อยเนื้อต่ำใจ นางยกมือเช็ดน้ำตา
เฉียวโม่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเซ่าหมิงยวน
* หยางเหมย (Chinese Bayberry) ชาวจีนแต้จิ๋วเรียกว่าเอี๊ยบ๊วย