หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 272
บทที่ 272
เฉียวเจาบีบมือที่ถือตะเกียบไว้เข้าหากันแน่นจนข้อกระดูกซีดจางๆ
เซ่าหมิงยวนลุกขึ้นยืนถามเสียงขรึม “เรื่องเป็นอย่างไรกัน”
“ยังไม่ทราบเรื่องราวโดยละเอียดขอรับ ข้าเฝ้าอยู่นอกประตูวัง เห็นคุณชายเฉียวถูกองครักษ์จินหลินคุมตัวออกมา จากนั้นข้าเข้าไปสอบถาม แต่คนพวกนั้นไม่บอกอะไรทั้งสิ้น”
เซ่าหมิงยวนพยักหน้าเป็นเชิงว่ารู้แล้ว
เฉียวเจามองไปทางฉือชั่น “ไหนพี่ฉือบอกว่าฮ่องเต้เรียกตัวพี่เฉียวไปเข้าเฝ้าเพื่อปลอบใจและแสดงพระเมตตาไม่ใช่หรือ เหตุใด…”
ฉือชั่นวางตะเกียบลง “เป็นไปได้ว่าคุณชายเฉียวทำเรื่องอะไรที่ทำให้ฮ่องเต้กริ้ว”
“ไม่น่าจะใช่” เฉียวเจากล่าวแย้ง ครั้นเห็นเซ่าหมิงยวนกับฉือชั่นพากันมองมา นางจึงเอ่ยอธิบาย “ข้าเห็นพี่เฉียวสุขุมเก็บความรู้สึก ไม่มีทางทำให้ฮ่องเต้ทรงพระพิโรธเพราะความวู่วาม เว้นแต่ว่า…”
นางกล่าวถึงตรงนี้แล้วจิตใจก็หนักอึ้ง
เว้นแต่ว่าพี่ใหญ่รู้ทั้งรู้ว่ามีบางถ้อยคำที่พูดไม่ได้ก็ยังจะพูดกับฮ่องเต้พระองค์นี้ มิหนำซ้ำไม่แน่ว่าที่พี่ใหญ่รอคอยอยู่ก็คือวันนี้!
“สือซี ข้าจำได้ว่าวันนี้หยางเอ้อร์น่าจะเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ในวังหลวงกระมัง” เซ่าหมิงยวนยังนับว่าควบคุมอารมณ์ทางสีหน้าไว้ได้ เขาไต่ถามเสียงขรึม
หยางโฮ่วเฉิงเข้าสู่กององครักษ์จินอู๋ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก รับผิดชอบงานลาดตระเวนในพระราชวัง
“อื้อ ใช่ วันนี้เจ้าหยางเอ้อร์ไปเข้าเวร”
“ไปเชิญคุณชายหยางมา ด่วน” เซ่าหมิงยวนออกคำสั่งกับองครักษ์
“น้อมรับคำสั่งขอรับ”
องครักษ์วิ่งทะยานออกไป ระหว่างทางก็พบกับหยางโฮ่วเฉิงที่สวนมาอีกทางหนึ่ง
เขากระโจนตัวลอยขึ้นจากหลังม้าแล้วเหินกายพุ่งไปหาหยางโฮ่วเฉิงประหนึ่งอินทรียักษ์กระพือปีก
หยางโฮ่วเฉิงกำลังรีบรุดไปจวนกวนจวินโหวด้วยความร้อนใจดุจไฟลน จู่ๆ ถูกลอบจู่โจมก็เดือดดาลทันใด “เป็นเจ้าเดรัจฉานน้อยไม่ดูตาม้าตาเรือมาจากหนใด!”
ผลปรากฏว่าพอประมือกัน เขาก็ตะลึงงันไป เจ้าเดรัจฉานน้อยมีฝีมือยุทธ์ร้ายกาจเหลือเกิน
“คุณชายหยาง ท่านแม่ทัพของข้าเชิญท่านไปพบขอรับ” องครักษ์เร่งรีบบอกกล่าวอย่างชัดเจน ก่อนจะสบช่องหยางโฮ่วเฉิงเผลอสติอยู่ ออกแรงจับตัวอีกฝ่ายโยนขึ้นไปบนหลังม้า จากนั้นเตะบั้นท้ายม้าทีหนึ่งเต็มแรง
อาชาพ่วงพีกู่ร้องยาวเหยียดเสียงหนึ่งแล้วพาหยางโฮ่วเฉิงออกวิ่งตะบึงไป
ม้าที่ผ่านการฝึกมาเหล่านี้ล้วนรู้จักเส้นทาง มันควบเท้ามาถึงหน้าประตูจวนกวนจวินโหวอย่างเร็วรี่ดุจลมกรดแล้วหยุดฝีเท้ากะทันหัน ส่งผลให้หยางโฮ่วเฉิงถูกเหวี่ยงหล่นลงไปทันที
หยางโฮ่วเฉิงแทบอาเจียนออกมา เขากุมอกหยุดพักหายใจก่อนจะผรุสวาทเสียงดัง “ชั่วช้า!”
นี่เป็นเรื่องที่คนทำกันหรือ องครักษ์ผู้นั้นรวมถึงม้าตัวนี้ล้วนไร้ความเมตตาเกินไปแล้ว!
หลังจากนั้นคุณชายหยางเอ้อร์นิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาก็กระจ่างแจ้งแก่ใจในที่สุดว่าเหตุใดถึงเขาจะกอดขาเซ่าหมิงยวนพร่ำพูดวิงวอนขอร้อง อีกฝ่ายก็ไม่พาเขาไปสนุกด้วยกัน
ที่แท้เขายังเอาชนะองครักษ์ของเซ่าหมิงยวนไม่ได้ด้วยซ้ำไป
ข้อประจักษ์นี้ทำให้หยางโฮ่วเฉิงหดหู่ท้อแท้มาก หากมิใช่มีเรื่องด่วนต้องรีบพบเซ่าหมิงยวน เขาคงจะร้องไห้เป็นลมเป็นแล้งอยู่หน้าประตูจวนกวนจวินโหวให้รู้แล้วรู้รอดไป
พอเขาเข้าไป ฉือชั่นก็เลิกคิ้วสูง “เร็วถึงเพียงนี้?”
เขาจำได้ว่าองครักษ์ผู้นั้นเพิ่งออกไปไม่นานกระมัง
หยางโฮ่วเฉิงพ่นลมหายใจระบายความอัดอั้นตันใจ “อย่าเอ่ยถึงเลย ข้ากำลังรุดมาที่นี่แล้วพบเข้ากับองครักษ์ของถิงเฉวียน เจ้าลูกสุนัขตัวนั้นจับข้า…”
คุณชายหยางเอ้อร์พูดถึงตรงนี้แล้วสะดุ้งในใจ เขารู้สึกว่าน่าขายหน้าเหลือเกินเลยไอทีหนึ่งก่อนกล่าว “เขาเอาม้าของตนเองให้ข้าขี่”
“ฉงซาน วันนี้เป็นเวรปฏิบัติหน้าที่ของเจ้ากระมัง” เซ่าหมิงยวนไต่ถาม
“ใช่ ข้ามาที่นี่ก็จะบอกเจ้าว่าวันนี้พี่ชายภรรยาเจ้าก่อเรื่องในวังหลวง”
“ตกลงเป็นเพราะอะไรกันแน่”
“ข้าลาดตระเวนอยู่ข้างนอกเลยไม่ค่อยรู้เรื่องราวโดยละเอียด เพียงได้ยินแว่วๆ คล้ายว่าคุณชายเฉียวหยิบสมุดบัญชีอะไรสักอย่างถวายให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตร พระองค์ทอดพระเนตรจบแล้วกริ้วจัด ตรัสว่าเขาปรักปรำขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก สั่งให้คนจับคุณชายเฉียวเข้าคุกหลวงทันที”
สมุดบัญชี?!
เฉียวเจาใจดิ่งวูบฉับพลัน
ฉะนั้นหมายความว่าตอนนั้นพี่ใหญ่มิได้บอกกล่าวท่านปู่หลี่อย่างหมดเปลือกเกี่ยวกับเหตุไฟไหม้
นี่บ่งบอกว่าเหตุไฟไหม้นั่นมิใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นฝีมือคนใช่หรือไม่
หากเป็นฝีมือคน เช่นนั้นพี่ใหญ่ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน แค่ว่าเพราะเหตุผลบางประการถึงเก็บความลับนี้ไว้อย่างมิดชิด จนกระทั่งวันนี้ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้…
เฉียวเจาสุดปัญญาจะต่อว่าต่อขานพี่ชายที่ไม่เชื่อใจนางรวมถึงท่านปู่หลี่ พี่ใหญ่ไม่เอ่ยกับท่านปู่หลี่สักคำ เท่านี้ก็พอจะแสดงได้ว่าความลับที่เขาเก็บซ่อนไว้ต้องน่าตกใจเป็นแน่แท้
เฉียวเจามองไปทางเซ่าหมิงยวน
ถ้าเป็นเช่นนี้ พี่ใหญ่ก็ไม่ได้แย้มพรายกับเซ่าหมิงยวนแม้แต่น้อย?
ฉือชั่นถามข้อกังขาของเฉียวเจาออกมา “ถิงเฉวียน ทางพี่ชายภรรยาเจ้ามีสมุดบัญชีอะไรหรือ”
คิ้วดกหนาของเซ่าหมิงยวนขมวดมุ่น “ข้าก็ไม่รู้เรื่อง”
หลังเขารับตัวพี่ชายภรรยาออกจากจวนเสนาบดีโค่ว ส่วนใหญ่ทั้งคู่มักคุยกันถึงอดีต เขามักถามถึงเรื่องในสมัยก่อนของภรรยา เฉียวโม่ก็จะเล่าเรื่องสนุกๆ มากมายตอนนางยังไม่ออกเรือน
เขาถึงรู้ว่าที่แท้ในปีนั้นตอนอายุสิบสี่ เขาแอบตามเฉียวโม่ไปที่วัดต้าฝูเพื่อจะได้เจอกับคู่หมั้นโดยบังเอิญจนได้เห็นเหตุการณ์ที่เฉียวโม่โดนพวกสาวน้อยวิ่งไล่ตาม เวลานั้นเองในมุมหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ เฉียวเจาในวัยสิบสี่เท่ากันก็แอบดูทั้งหมดนี้อยู่เช่นกัน
ในวันนั้นของปีนั้น จริงๆ แล้วเขากับนางมองเห็นเหตุการณ์เดียวกัน ถึงขั้นเคยสบตากันโดยไม่ตั้งใจ เพียงทว่าเขาไม่รู้จักนาง นางก็ไม่รู้จักเขา ท้ายที่สุดไม่ถือว่าทั้งคู่ได้พานพบกัน แต่คลาดกันไปอย่างเงียบๆ ไร้สุ้มเสียงใด
เฉียวโม่ยิ่งเล่ามาก ในหัวสมองของเขายิ่งมีภาพของภรรยาเด่นชัดขึ้น แต่เฉียวโม่กลับไม่เอ่ยถึงเหตุไฟไหม้เรือนสกุลเฉียวสักคำ พอเขาถามขึ้นมาก็จะหันเหหัวข้อสนทนาอย่างแนบเนียน
เขาก็ไม่ถามซอกแซกอย่างรู้กาลเทศะ ตอนนี้ถึงรู้ว่าที่เฉียวโม่ไม่อยากเล่ามากนัก ไม่ใช่เพราะเจ็บปวดจนไม่อยากรำลึกความหลัง แต่มีความจำเป็นบังคับแอบแฝงอยู่
“พี่ชายภรรยาเจ้าคนนั้นช่างมีความคิดเป็นของตนเองดีแท้ กับเจ้าก็ยังปิดปากสนิท” ฉือชั่นยิ้มเยาะ “ทีนี้ดีล่ะ ตกลงว่าเป็นเพราะเรื่องอะไรกันแน่ถึงโดนจับกุมเข้าคุกหลวงก็ไม่ล่วงรู้ทั้งสิ้น ทำเอาทุกๆ คนตั้งตัวไม่ติด”
สีหน้าของเฉียวเจาเคร่งขรึมน้อยๆ “บางทีอาจจะมีเหตุผลที่เปิดเผยไม่ได้เด็ดขาดเจ้าค่ะ”
พี่ชายของนางเป็นคนจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ เขาไม่พูดก็บ่งบอกว่าความลับนั่นจำเป็นต้องรักษาไว้อย่างมิดชิด ไม่ว่าจะเป็นเซ่าหมิงยวนหรือครอบครัวท่านตาล้วนแพร่งพรายไม่ได้แม้แต่คำเดียว
เฉียวเจาไม่คิดว่าเฉียวโม่ทำผิดไปแล้ว
ขนาดไม่พูดอะไรทั้งนั้นจนทำให้ใครๆ พากันรู้สึกว่าคุณชายใหญ่สกุลเฉียวกลายเป็นคนไร้ค่าไม่อาจคุกคามผู้ใดได้ เขาอยู่ในเรือนท่านตาตนเองยังหวุดหวิดจะจบชีวิต ถ้าเปิดเผยว่าเขามีสมุดบัญชีอะไรอยู่ในมือ เกรงว่าคงมาไม่ถึงแม้แต่เมืองหลวงแล้ว
บางทีเรื่องที่พี่ใหญ่คาดเดาผิดก็มีแค่ท่าทีของฮ่องเต้
สมดังคาด ในยามนี้เองก็ได้ยินฉือชั่นกล่าวขึ้น “พวกเจ้าไม่แจ่มแจ้งหรอกว่าฮ่องเต้เกลียดชังที่สุดก็คือราชสำนักไม่มั่นคง ถ่วงรั้งวิถีสู่ความเป็นอมตะของพระองค์ สมุดบัญชีที่เฉียวโม่นำขึ้นทูลถวายต้องเป็นหลักฐานกล่าวหาขุนนางคนสำคัญบางคนเป็นแน่ ดีไม่ดีในราชสำนักจะสั่นสะเทือนครั้งใหญ่เพราะสมุดบัญชีเล่มนี้” กล่าวถึงตรงนี้ เขาลูบๆ จมูกแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงแปลกพิกล “เสด็จลุงของข้าคนนั้นรู้สึกว่าตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว เขาเกลียดความวุ่นวาย”
“…” ฮ่องเต้เช่นนี้ ขุนนางโฉดหรือโจรกบฏคนใดก็ได้รีบมาเอาชีวิตไปโดยไวเถอะ
“ช่างเถิด ข้าไปสอบถามดูสักหน่อย” ฉือชั่นมุ่นคิ้วกล่าว
เป็นสหายกับเจ้าเซ่าหมิงยวนผู้นี้ขาดทุนจริงๆ ยังต้องตามล้างตามเช็ดให้พี่ชายภรรยาเขาด้วย วันหน้าต้องทวงทั้งต้นทั้งดอกคืนกลับมาให้ได้
ฉือชั่นมองเฉียวเจาปราดหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
อื้อ ขอเงินจากเซ่าหมิงยวนมากหน่อย ข้าจะได้ตบแต่งภรรยาเสียที