หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 284
บทที่ 284
เจียงหย่วนเฉาอุทานในใจว่า แย่แล้ว!
พริบตาเดียวเจียงซือหร่านก็เดินเข้ามาพลางกล่าวอย่างร่าเริง “พี่สือซาน วันนี้ข้า…”
เสียงพูดประโยคหลังขาดหายไปกะทันหัน เจียงซือหร่านมองเฉียวเจาตาเขม็งแล้วพูดเสียงสูง “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“คุณหนูเจียง ข้ามีธุระมาหาใต้เท้าเจียง”
“มีธุระ เจ้ามีธุระอะไรได้…ประเดี๋ยวก่อน รอยแผลบนหน้าเจ้าล่ะ”
“หายดีแล้ว”
“ไหนบอกว่าโดนข้าทำเสียโฉมไม่ใช่หรือ เหตุใดไม่เหลือแผลเป็นแม้แต่นิดเดียว” ใบหน้าเจียงซือหร่านฉายแววขุ่นมัว “ข้าเข้าใจแล้ว ตอนนั้นเจ้าไม่ได้บาดเจ็บสาหัส แต่เจตนาพูดเกินจริงจะได้ทำลายชื่อเสียงของข้าใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่ ข้าใช้ยาขนานพิเศษ…”
เจียงซือหร่านตัดบทนาง “เจ้าไม่ต้องแก้ตัว ถ้าเป็นแผลลึกถึงเพียงนั้นจริงๆ ยาอะไรก็รักษาไม่หาย เจ้าจงใจทำให้ชื่อเสียงข้าเสื่อมเสียป่นปี้ เวลาออกไปงานพบปะสังสรรค์ยังทำให้คนอื่นตีตัวออกห่างข้า มิหนำซ้ำให้ร้ายข้าครั้งหนึ่งไม่พอ ยังจะให้ร้ายข้าอีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้คนมากมายพากันพูดลับหลังว่าคนที่ตีเจ้าลูกเต่าของจวนฉางชุนป๋อผู้นั้นจนบาดเจ็บในหอปี้ชุนคือข้า!”
นางยิ่งพูดยิ่งโกรธ จึงเงื้อมือขึ้นฟาดใส่เฉียวเจา “ข้าจะตีหญิงต่ำช้าเช่นเจ้าให้ตายเสีย…”
“หร่านราน อย่าทำเหลวไหล” เจียงหย่วนเฉายึดข้อมือนางไว้
เจียงซือหร่านจ้องข้อมือของตนอย่างเหลือเชื่อ ค่อยช้อนตามองไปทางชายหนุ่ม “พี่สือซาน ท่านพูดว่าข้าทำเหลวไหล? ท่านถึงกับว่าข้าเหลวไหลเพราะนาง? ท่านชมชอบนางใช่หรือไม่ หรือว่าท่านลืมไปว่าพวกเราหมั้นหมายกันแล้ว”
เจียงหย่วนเฉาปวดเศียรเวียนเกล้า เขากล่าวอย่างอ่อนใจ “ข้าไม่ลืม หร่านราน ที่นี่คือสถานที่ปฏิบัติราชการ เจ้ารีบกลับไปเถอะ มีเรื่องอะไรพวกเราไปคุยกันที่เรือน”
“เช่นนั้นนางอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เจียงซือหร่านยกมือชี้หน้าเฉียวเจา “พี่สือซาน ท่านให้ข้ากลับไป แล้วเพราะอะไรนางล่วงล้ำเข้ามาในนี้ได้ ที่นี่เป็นถึงที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน ท่านอย่าหลอกข้าหน่อยเลย ข้าไม่เชื่อว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะมาที่นี่ได้ตามใจชอบ”
นางเลื่อนสายตาไปหยุดที่โต๊ะน้ำชาแล้วเดือดดาลแทบคลั่ง “ท่านยังเชิญนางดื่มน้ำชาอีกด้วยหรือ!”
“ข้าไม่ได้มาพบใต้เท้าเจียง…”
“เจ้าหุบปาก!” เจียงซือหร่านหันความสนใจกลับมาที่ตัวเฉียวเจาอีกครา “ข้าไม่เคยพบเคยเจอเด็กสาวที่เจ้าชู้หลายใจเยี่ยงเจ้ามาก่อนจริงๆ”
“เจ้าชู้หลายใจ?” เฉียวเจาอึ้งงันไป คำประณามเช่นนี้ นางอยู่มาสองชาติแล้วเพิ่งได้ยินเป็นคราครั้งแรก นางชักมีน้ำโหแล้ว
“หรือว่าไม่ใช่ เสียแรงที่ท่านพ่ออุตส่าห์กำชับข้าว่าวันหน้าอย่าตอแยกับเจ้า บอกว่าเจ้าเป็นคนของกวนจวินโหว เฮอะ…ไม่มีแม่สื่อชักพา เจ้าก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัวพัวพันกับกวนจวินโหว ตอนนี้ยังจะแล่นมายั่วยวนพี่สือซานของข้าอีก…”
ไม่มีแม่สื่อชักพา? ปล่อยเนื้อปล่อยตัวพัวพันกับกวนจวินโหว? ยั่วยวนเจียงหย่วนเฉา?
ทุกๆ ถ้อยคำเหล่านี้ล้วนทิ่มแทงใจ ส่งผลให้เฉียวเจาโกรธถึงขีดสุด สะบัดฝ่ามือตบหน้าเจียงซือหร่านฉาดหนึ่ง
เสียงเพียะดังกังวานไปทั้งโถง ไม่เพียงเจียงหย่วนเฉาที่ตกตะลึงจนลืมแสดงท่าทีใดๆ กระทั่งองครักษ์จินหลินที่ยืนอยู่ข้างนอกยังนิ่งงันไปตามๆ กัน
สวรรค์! แม่นางผู้นี้ใจกล้าบ้าบิ่นดีแท้ ถึงกับกล้าตีคุณหนูเจียง? ที่สำคัญที่สุดคือยังอยู่ในอาณาเขตขององครักษ์จินหลินอีกด้วย!
เจียงซือหร่านตะลึงลานเช่นเดียวกัน
นางเป็นไข่มุกในอุ้งมือของเจียงถังผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน เคยโดนตีสักครั้งเมื่อใดกัน
“เจ้าตีข้า?! เจ้ากล้าตีข้าหรือ” เจียงซือหร่านเอามือกุมแก้ม ลืมเลือนกระทั่งโต้ตอบ
เฉียวเจามีสีหน้าเยือกเย็น “หากคุณหนูเจียงไม่อยากเชื่อ อย่างนั้นข้าสามารถตีอีกทีได้”
สตรีประเภทใดกันถึงกล่าวถ้อยคำร้ายกาจอย่าง ‘เจ้าชู้หลายใจ’ และ ‘ปล่อยเนื้อปล่อยตัว’ ออกจากปากพล่อยๆ ได้ มันสุดจะทนเลยทีเดียว!
ทว่าเจียงซือหร่านมิได้คิดบัญชีกับนางต่ออย่างเหนือความคาดหมาย กลับมองไปทางเจียงหย่วนเฉาที่ไม่มีอาการตอบสนองใด “พี่สือซาน ท่านนิ่งเฉยดูนางตีข้า? ในใจท่านมีนางอยู่ใช่หรือไม่ ฮือๆๆ ข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ!”
เจียงซือหร่านปิดหน้าวิ่งทะยานออกไป ในโถงเหลือแต่เจียงหย่วนเฉากับเฉียวเจาสองคน
หลังจากนิ่งเงียบไป เจียงหย่วนเฉาเอ่ยปากขึ้น “คุณหนูหลี ท่านต้องเจอปัญหาแล้ว”
“ใต้เท้าเจียงจะสั่งสอนข้าหรือ”
เจียงหย่วนเฉายิ้มอย่างจนใจ “คุณหนูหลีน่าจะรู้ว่าปัญหาของท่านไม่ได้อยู่ที่ข้า”
บิดาบุญธรรมรักน้องสาวบุญธรรมสุดหัวใจ ถึงจะเห็นแก่หน้าของกวนจวินโหวเช่นไร เรื่องนี้ไม่มีทางแล้วกันไปเท่านี้แน่
“คุณหนูหลี ท่านไม่ควรวู่วาม” เจียงหย่วนเฉากล่าวเตือนจากใจจริง กับเด็กสาวตรงหน้า เขามักเกิดความสนใจใคร่รู้อย่างไร้สาเหตุ แล้วความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นความประทับใจโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่ว่าอย่างไรเขาไม่อยากให้นางเป็นอะไรไป
เฉียวเจาผลิยิ้ม “ข้าไม่ได้วู่วาม”
แค่ว่าเรื่องบางเรื่องอาจอดกลั้นได้ชั่วคราว แต่คำด่าหยามเหยียดพรรค์นี้ นางทนไม่ได้
การอบรมเลี้ยงดูของท่านปู่ท่านย่ามานานสิบกว่าปีก็ไม่อนุญาตให้นางขี้ขลาดเป็นเต่าหดหัว
“คุณหนูหลี ท่านรีบไปเสีย” เจียงหย่วนเฉาพลันกล่าวขึ้น
“หือ?”
“ข้าจะอธิบายกับทางท่านผู้บัญชาการใหญ่เอง ท่านกลับไปก่อน”
เฉียวเจาหลากใจอยู่สักหน่อย ในความคิดของนาง เจียงหย่วนเฉาเป็นคนจำพวกที่ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียในทุกๆ คำพูดและการกระทำ นางจึงไม่นึกไม่ฝันว่าในเวลานี้เขาจะเต็มใจยื่นมือยุ่งกับเรื่องนี้
“รีบไปเถอะ” เจียงหย่วนเฉาทอดน้ำเสียงอ่อนลง
เพราะอะไรเขาถึงหมดปัญญากับเด็กสาวผู้นี้นะ นางเคยสัพยอกเขา ถากถางเขา ออกห่างเขา กระนั้นทั้งที่เขารู้ว่านางกับคนผู้นั้นไม่เกี่ยวข้องแม้แต่น้อย แต่ยังคงอดอยากปกป้องนางไม่ได้
“ขอบคุณใต้เท้าเจียงมาก วันนี้ข้าตั้งใจมาพบท่านผู้บัญชาการใหญ่แต่แรก รอพบเขาแล้วค่อยกลับเจ้าค่ะ”
“คุณหนูหลี ท่านผู้บัญชาการใหญ่ให้ความสำคัญกับบุตรสาวมากกว่าที่ท่านนึกภาพไว้ ไม่ว่าท่านมาหาท่านผู้บัญชาการใหญ่ด้วยเรื่องใด วันนี้ล้วนมิใช่โอกาสเหมาะ”
“ข้าคิดว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่ต้องไม่ถือสาหาความเจ้าค่ะ”
“เพราะอะไร” เจียงหย่วนเฉายิ่งมายิ่งไม่เข้าใจเด็กสาวเบื้องหน้า
“ข้าก็อยากรู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน” เสียงของบุรุษดังขึ้น เจียงถังย่างเท้าเข้ามา
เจียงซือหร่านตามติดข้างกายเขา ดวงตาของนางแดงก่ำ เห็นชัดว่าผ่านการร้องไห้มา
เจียงถังค่อนข้างอวบอ้วน ยามปกติให้ความรู้สึกเป็นคนเมตตาใจดี ทว่าขณะนี้สีหน้าเขาขุ่นมัว ดวงตาที่จ้องมองเฉียวเจาทอประกายดุดันมาก เผยให้เห็นบารมีน่าเกรงขามของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน
เจียงถังมีวิชายุทธ์เป็นเลิศ ถึงแม้อายุมากขึ้นแล้วมีชีวิตที่สุขสบาย กระนั้นคนในราชสำนักที่มีฝีมือดีกว่าเขาแทบจะนับนิ้วได้ เวลาเขาบันดาลโทสะ คนที่รักษาสีหน้าไว้ดังเดิมได้มีอยู่น้อยมาก พวกองครักษ์จินหลินซึ่งยืนอยู่ข้างนอกตอนนี้ต่างก้มหน้าจ้องปลายเท้าของตนเอง หวาดหวั่นสุดใจว่าตนเองจะโดนลูกหลงจากไฟโทสะของท่านผู้บัญชาการใหญ่ไปด้วย
เฉียวเจากลับแสดงคำนับต่อเขาโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี “คารวะท่านผู้บัญชาการใหญ่เจ้าค่ะ”
นัยน์ตาทั้งคู่ของเจียงถังมองสำรวจเฉียวเจาขึ้นๆ ลงๆ น้ำเสียงของเขาราบเรียบนิ่งสนิท “ข้ารู้จักเจ้า เจ้าคือบุตรสาวคนรองของหลีกวงเหวินอาลักษณ์ของสำนักราชบัณฑิต”
เฉียวเจายิ้มอย่างเปิดเผย “เป็นที่จดจำของท่านผู้บัญชาการใหญ่ได้ ถือเป็นเกียรติของข้าเจ้าค่ะ”
เจียงถังวางหน้าขรึม “เช่นนั้นคุณหนูหลีบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าอาศัยอะไรถึงคิดว่าข้าจะไม่ถือสาที่เจ้าตบตีบุตรสาวข้า หรืออาศัยที่กวนจวินโหวดูแลอยู่ใช่หรือไม่”
ระหว่างเขากับกวนจวินโหวเป็นความสัมพันธ์ที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันได้ หากถึงที่สุดแล้วเขาทำไปก็เพื่อปูทางให้บุตรสาวในวันข้างหน้า แต่ถ้ายามนี้เป็นเพราะกวนจวินโหวกลับทำให้บุตรสาวคนโปรดโดนลบหลู่ดูหมิ่น เส้นสายสัมพันธ์เฉกนี้มีไปก็เท่านั้น
เขาเจียงถังหาใช่คนที่ล่วงเกินใครแล้วหมดหนทางอยู่รอดต่อไปได้
อย่างน้อยขณะนี้เป็นเช่นนี้
“ท่านพ่อ ท่านจะเปลืองน้ำลายกับนางด้วยเหตุใด ข้าไม่อยากเห็นหน้านางอีกแล้วเจ้าค่ะ!”