หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 288
บทที่ 288
เจียงถังชายตามองเจียงหย่วนเฉาแวบหนึ่ง
ฝ่ายเจียงหย่วนเฉาใจกระตุกวูบ รีบดึงสายตาคืน
“ข้าจะให้คนส่งคุณหนูหลีกลับเรือน”
“ไม่ต้องรบกวนท่านผู้บัญชาการใหญ่เจ้าค่ะ ข้ามีสารถีมาด้วย”
เจียงซือหร่านเห็นบิดาปล่อยเฉียวเจากลับไปเช่นนี้ นางอดร้อนใจยกใหญ่ไม่ได้ “ท่านพ่อ ท่านปล่อยนางไปเช่นนี้ได้อย่างไร นางตีข้านะเจ้าคะ ท่านลืมไปแล้วหรือ”
“เอาล่ะ หร่านราน เลิกงอแงได้แล้ว”
นางเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ “ท่านพ่อ ท่านปล่อยคนที่ตีข้าไปเช่นนี้ ยังว่าข้างอแงอีกหรือ ท่าน…ท่านโดนผีเข้าแล้วกระมัง ดี…พวกท่านไม่สั่งสอนนาง อย่างนั้นข้าลงมือเอง!”
กล่าวจบนางหันหลังวิ่งออกไป เจียงถังเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “สือซาน ห้ามหร่านรานไว้”
ชายหนุ่มลอบแปลกใจ ทว่ามือเขากลับว่องไวมาก คว้าตัวเจียงซือหร่านไว้หมับ
นางดิ้นขัดขืนสุดกำลัง “ปล่อยนะ วันนี้ข้าไม่ได้สั่งสอนนางหญิงต่ำช้านั่นให้เข็ดหลาบ ข้าคงไม่หายแค้นใจ”
“หุบปาก!” เจียงถังตวาดเสียงห้วน
“ท่านพ่อ ท่านดุข้า? ท่านถึงกับดุข้าเพราะสตรีที่ตีข้า นางต้องเป็นนางจิ้งจอกแน่ๆ ถึงสะกดจิตท่านได้ในพริบตาเดียว…”
เจียงถังทำหน้าบึ้ง “หร่านราน เจ้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ พูดจาเหลวไหลอะไรกัน”
เห็นทีว่าเขาตามใจบุตรสาวจนเหลิง นางจึงได้กล่าววาจาไร้สาระเยี่ยงนี้
เขารู้ว่าบุตรสาวมีนิสัยดื้อรั้น จึงเอ่ยอธิบายอย่างอดทนข่มกลั้น “คุณหนูหลีมาหาข้าเพราะมีเรื่องสำคัญ วันหน้าเจ้าก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับนาง”
“ท่านพ่อ คนที่มาถึงที่นี่คือนาง คนที่ตีข้าก็คือนาง ท่านกลับพูดเช่นนี้ แล้วเด็กสาวผู้หนึ่งอย่างนางจะมีเรื่องสำคัญอะไรได้ นี่ท่านลำเอียงปกป้องนางชัดๆ”
“หร่านราน พ่อไม่ได้พูดล้อเล่นกับเจ้า” เจียงถังแน่นหน้าอกกะทันหัน ใบหน้าเขาซีดเผือดทันที ยกมือกุมอกตัวโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่
เจียงซือหร่านสะดุ้งตกใจ “ท่านพ่อ! ท่านเป็นอะไรไป”
เจียงหย่วนเฉาประคองเขาไว้ “ท่านพ่อบุญธรรม?”
เจียงถังเปล่งเสียงพูดไม่ออก ปล่อยให้เจียงหย่วนเฉาพยุงนั่งลงช้าๆ นานครู่ใหญ่ถึงรู้สึกดีขึ้น
เจียงซือหร่านซบตักบิดาน้ำตาไหลพราก “ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรกันแน่เจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร แค่เวียนศีรษะ คงเพราะเมื่อคืนหลับไม่สนิท” เจียงถังลูบผมบุตรสาว กล่าวอย่างหวังดีจากใจจริง “หร่านราน เจ้าเป็นบุตรสาวคนเดียวของพ่อ เจ้าจงจำไว้พ่อไม่มีวันให้ร้ายเจ้า”
“อื้อ ข้าทราบเจ้าค่ะ”
“ฉะนั้นหยุดขัดแย้งกับคุณหนูหลีชั่วคราวก่อน เข้าใจหรือไม่”
เจียงซือหร่านกัดริมฝีปากอย่างลังเลครู่ใหญ่ถึงพยักหน้าอย่างกล้ำกลืนฝืนทน “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะเชื่อฟังท่าน”
เจียงถังเผยรอยยิ้มอิ่มเอมใจ “หร่านราน เจ้ากลับไปก่อนนะ ข้ากับพี่สือซานของเจ้ายังมีงานต้องสะสาง”
“ได้เจ้าค่ะ” วันนี้เจียงซือหร่านรู้สึกคับแค้นใจอย่างที่สุดเลยทีเดียว ทว่าเผอิญบิดาไม่สบาย นางไม่อาจทำตามชอบใจได้อีก ได้แต่ทำหน้าม่อยคอตกกลับไป
ในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว เจียงถังมองชายหนุ่มปราดหนึ่งก่อนพูดเอื่อยๆ “สือซาน เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน”
เจียงหย่วนเฉาคุกเข่าลงข้างหนึ่งทันควัน “ข้าไม่ดีเองขอรับ”
“ลุกขึ้น ใกล้จะเป็นคนครอบครัวเดียวกันแล้ว เลิกเอะอะก็คุกเข่าเสียที”
เขาลุกขึ้นยืนเงียบๆ
“เจ้ารู้ว่าข้าหมายความว่าอะไรหรือไม่”
“ท่านพ่อบุญธรรมโปรดชี้แนะสั่งสอน”
“เพราะอะไรเจ้าถึงให้ความสนใจต่อคุณหนูหลีเป็นพิเศษ” เขาไม่คิดว่าเด็กสาวคนใดก็เข้ามาถึงในนี้ได้
น้ำเสียงของเจียงถังสงบนิ่งมาก ทว่าเจียงหย่วนเฉากลับใจคอดิ่งวูบ
แม้เขาไม่รู้ว่าเหตุใดบิดาบุญธรรมถึงละเว้นคุณหนูหลี แต่รู้ว่าทันทีที่คุณหนูหลีไม่มีจุดที่ทำให้บิดาบุญธรรมยอมผ่อนปรนให้ได้ นั่นจะถึงเวลาคิดบัญชีในภายหลังแล้ว
เจียงหย่วนเฉาคิดถึงตรงนี้แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสุขุม “เรียนท่านพ่อบุญธรรม ข้าเห็นว่าความสามารถในตัวคุณหนูหลีกับประวัติความเป็นมาของนางดูขัดๆ กันอยู่ ถึงได้สนใจใคร่รู้อยู่บ้างขอรับ”
“ไม่มีเหตุผลอื่นหรือ”
“ไม่มีแน่นอนขอรับ ท่านพ่อบุญธรรม ท่านช่วยข้าไว้และพากลับมาเลี้ยงดูอุปถัมภ์จนเติบใหญ่ ท่านยังไม่เชื่อใจข้าอีกหรือขอรับ”
ในเวลานี้เจียงถังถึงหัวเราะแล้ว “ข้าย่อมต้องเชื่อใจเจ้า แต่ข้าเป็นบุรุษเหมือนกัน เรื่องบางเรื่องข้าไม่อาจไม่เตือนเจ้าไว้ก่อน เจ้าจะได้ไม่ทำผิดพลาดในวันหน้า”
“ท่านพ่อบุญธรรมโปรดวางใจ ข้าไม่มีทางทำผิดพลาดเด็ดขาดขอรับ”
“อื้อ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ วันนี้หร่านรานได้รับความคับข้องหมองใจ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนนางมากๆ”
รอเมื่อเจียงหย่วนเฉาไปแล้ว เจียงถังถึงหยิบขวดกระเบื้องสีขาวที่เฉียวเจาให้ไว้ออกมา เขาเทยาลูกกลอนออกมาเม็ดหนึ่งจ้องมองอยู่เนิ่นนาน จากนั้นตะโกนเรียกองครักษ์จินหลินที่ยืนอยู่นอกประตูคนหนึ่งเข้ามา บอกเสียงเรียบว่า “เอานี่ไปกินสิ”
“ขอรับ” องครักษ์จินหลินที่เข้ามาผู้นั้นหยิบยาลูกกลอนใส่ปากกลืนลงไปโดยไม่รีรอแม้แต่น้อยนิด
“รู้สึกอย่างไรบ้าง” เจียงถังไต่ถามเขา
“เอ่อ…เรียนท่านผู้บัญชาการใหญ่ ดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรขอรับ”
เจียงถังไม่กล่าววาจา เพียงยกน้ำชาถ้วยหนึ่งขึ้นดื่มช้าๆ
ราวหนึ่งเค่อต่อมา องครักษ์จินหลินทำหน้าเหยเก
“เป็นอะไรไป” น้ำเสียงของเจียงถังเคร่งเครียดขึ้น
แม่นางน้อยนั่นบังอาจถึงเพียงนี้ กล้าวางยาพิษข้าอย่างเปิดเผยเลยหรือ
องครักษ์จินหลินกุมท้องอย่างทนไม่ไหว “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ ข้า… ข้าอยากไปห้องเวจขอรับ…”
“ไป!”
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง องครักษ์จินหลินวิ่งกลับมาดูท่าทางสดชื่นกระฉับกระเฉงขึ้นหลายส่วน
เจียงถังนิ่งเงียบชั่วอึดใจก่อนเอ่ยถาม “รู้สึกอย่างไร”
องครักษ์จินหลินงงงันไป ความรู้สึกที่เข้าห้องเวจก็ต้องรายงานท่านผู้บัญชาการใหญ่ด้วยหรือ
“รู้สึกอย่างไร” เจียงถังขมวดคิ้วเอ่ยถามซ้ำอย่างหงุดหงิด
องครักษ์จินหลินไม่กล้าอิดเอื้อนต่อ เขาบอกเสียงดังว่า “โล่งสบายมากขอรับ รู้สึกตัวเบาโหวงไปหมด เหมือนกับ…”
“พอแล้ว” เจียงถังโบกมือไปมา “ออกไปได้”
ภายในห้องเหลือแค่เจียงถังที่มุ่นคิ้วอย่างตรึกตรอง ส่วนองครักษ์จินหลินวิ่งออกไปโดยไม่รอช้า
หลังจากเฉียวเจาออกมา เฉินกวงก็เดินเข้าไปหา
“กลับจวน” เฉียวเจาบอกคำเดียวสั้นๆ แล้วเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า
เฉินกวงรู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง เขารีบไล่ตามไป “คุณหนูสาม…”
เขากล่าวไม่ทันจบก็มองเห็นลำคอของเฉียวเจาพันผ้าเช็ดหน้าไว้ ทว่าพอจะเห็นคราบเลือดได้รำไร
เฉินกวงตกใจยกใหญ่ “คุณหนูสาม ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ ใครเป็นคนทำ ข้าไปเอาเรื่องกับเขา!”
“อย่าไป กลับจวนแล้วค่อยว่ากัน”
“แต่ว่าท่าน…”
“ข้าทำตนเอง กลับจวนก่อน” เสียงของนางแหบแห้งไปแล้ว บาดแผลบนลำคออาจจะไม่ลึก แต่ร่างกายนางไม่ได้ทำจากเหล็ก ย่อมต้องรู้สึกเจ็บ
“ขอรับ” เฉินกวงกัดฟันกรอด เขาถลึงตามองประตูสีดำสนิทของที่ว่าการกององครักษ์จินหลินอย่างดุดันก่อนจะกระโดดขึ้นรถม้า “คุณหนูสาม ท่านนั่งเข้าที่แล้วนะขอรับ”
เสียงตอบเบาๆ ของเฉียวเจาดังออกมาจากในตัวรถม้า
รถม้าเริ่มแล่นตะบึงไปตามถนนศิลาเขียวอันกว้างขวาง
ปากแผลไม่มีเลือดไหลออกมาแล้ว เหลือเพียงความเจ็บแสบๆ ตึงๆ เฉียวเจาล้วงยาขี้ผึ้งในถุงผ้าปักมาทาแผล มาตรว่าใบหน้านางจะซีดขาวมากขึ้น แต่กลับปรากฏรอยยิ้มจางๆ
ยังดีที่หมากก้าวนี้เดินไม่พลาด ขอแค่ช่วยพี่ใหญ่ออกมาได้ก่อน เรื่องอื่นๆ ล้วนหารือกันต่อได้
เฉียวเจาหลับตาเอนหลังพิงผนังรถม้าอดคิดไม่ได้ว่านางจะตั้งความหวังได้หรือไม่ว่าพี่ใหญ่เห็นของที่นางมอบให้แล้วจะลดความระแวงลงสักนิด
บางทีเขาอาจจะลองเชื่อนางดูก็เป็นได้
เฉียวเจายิ้มเยาะตนเอง
นางเลือกมอบของพวกนั้นเพื่อให้พี่ใหญ่ได้เห็นตอนเข้าคุกหลวงเป็นจังหวะเหมาะที่สุดแล้ว
พี่ใหญ่ควรจะกระจ่างแจ้งว่าหลังจากส่งมอบสมุดบัญชีไปแล้วโดนคุมขัง ตนก็ปราศจากสิ่งใดให้คนมุ่งหวัง ถ้าพี่ใหญ่ยังไม่ยอมเชื่ออยู่ดี เช่นนั้นนางคงจะหมดโอกาสกลับไปเป็นน้องสาวของเขา
รถม้าหยุดจอดฉับพลัน เฉินกวงส่งเสียงบอกจากด้านนอก “คุณหนูสาม ถึงแล้วขอรับ”
เฉียวเจาก้มตัวเลิกม่านประตูขึ้นแล้วนิ่งงันไปอย่างสุดระงับ