หวนคืนอีกครา สู่ห้วงเวลาแสนงาม - บทที่ 29
การหมั้นหมายระหว่างบุตรชายคนเล็กของฉางชุนป๋อกับคุณหนูใหญ่สกุลหลีเป็นตู้ซื่อมารดาของหลีเจี่ยวที่ตอบตกลงไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ขณะนี้หลีเจี่ยวอายุสิบหกปีแล้ว ใกล้จะได้ออกเรือนรอมร่อ พอถูกถอนหมั้นก็ก่อให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลครั้งใหญ่หลวงฉับพลัน
คุณชายสามหลีฮุยซึ่งเล่าเรียนอยู่ในสำนักศึกษาหลวงได้ข่าวก็ขอลากลับจวนทันที เขาไม่มีแก่ใจไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง ตรงดิ่งไปที่เรือนเล็กฝั่งขวาของเรือนหยาเหอทันที
ในลานเรือนพวกสาวใช้เดินจรดฝีเท้าแผ่วเบา ดอกท้อที่มุมกำแพงแย้มบานอย่างเงียบงัน
หลีฮุยถลันเข้าไป พี่เจี่ยว ท่านไม่เป็นไรกระมัง
หลีเจี่ยวนั่งอย่างเรียบร้อย ขอบตาแดงเรื่อทว่าสีหน้าสงบนิ่ง นางมุ่นคิ้วเอ่ยถามน้องชาย เจ้าเรียนหนังสืออยู่มิใช่หรือ เหตุใดถึงกลับมาแล้ว
หลีฮุยแค่นเสียงกล่าว ข้านึกไว้แล้วเชียว ตัวหายนะนั่นกลับมาหาใช่เรื่องดีไม่ อุตส่าห์ให้ชิงจี๋จับตาดูอยู่ตลอด คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงถึงเพียงนี้จนได้
เขาจับมือพี่สาวไว้พลางกล่าวเสียงชิงชังอย่างสุดระงับ พี่เจี่ยว ตัวหายนะนั่นทำร้ายพี่อย่างแสนสาหัส
หลีเจี่ยวยกมือตบหลังมือน้องชายเบาๆ อย่าพูดอย่างนี้ เป็นข้าโชคไม่ดีเอง โทษคนอื่นไม่ได้
โทษคนอื่นไม่ได้อะไรกัน ถ้ามิใช่นางถูกล่อลวงไป จวนเราจะกลายเป็นที่ตลกขบขันของชาวเมืองหลวงได้เช่นไร ถ้านางไม่กลับมาแล้วพี่เจี่ยวจะถูกถอนหมั้นได้อย่างไร หลีฮุยยิ่งพูดยิ่งโกรธ เขากระทืบเท้าประกาศกร้าวคำหนึ่ง ข้าจะไปเอาเรื่องกับนาง
น้องสาม…
รอกระทั่งหลีฮุยวิ่งไปไกลแล้ว หลีเจี่ยวถึงเหยียดมุมปาก นางลุกขึ้นจับชุดกระโปรงให้เข้าที่แล้วสั่งสาวใช้ ไปเถอะ เดินไปดูสักหน่อย
ในเรือนฝั่งซ้าย เฉียวเจาคัดลอกพระธรรมในสมุดพับเสร็จเล่มหนึ่ง พลางสั่งให้อาจูหยิบกระดานหมากมาแล้วเดินหมากกับตนเองอยู่
ท่านปู่เคยบอกว่ายามเราจมลึกอยู่ในภาวะอับจน เช่นนั้นก็เดินหมากล้อมเถอะ มันช่วยทำให้จิตใจสงบลง สติแจ่มใส ไม่เลอะเลือนหลงเดินผิดทางได้
ระหว่างที่นางกำลังดวลหมากระหว่างมือซ้ายกับมือขวา ถึงตอนที่สองฝ่ายขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ประตูก็ถูกถีบเปิดออกกะทันหัน มือที่กำเม็ดหมากไว้ของเฉียวเจาหยุดชะงัก นางเหลือบตาขึ้นมองผู้มาเยือน
เป็นเด็กหนุ่มรูปโฉมหมดจดยิ่งผู้หนึ่ง ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยแรงโทสะดูคมเข้มจับตามากขึ้น
เฉียวเจายังไม่ทันลุกขึ้น เด็กหนุ่มที่ไฟโกรธลุกโชนอยู่ก็พรวดพราดเข้ามา
ผู้บุกรุกเข้ามาอย่างไม่คาดฝันนี้ทำให้อาจูตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ด้านปิงลวี่กลับถลันเข้ามายืนขวางกลางระหว่างเขากับเฉียวเจาอย่างคล่องแคล่วชำนาญ และกล่าวเสียงแหลม
จะทำอะไรกัน มีพี่ชายที่ใดบุกเข้าห้องน้องสาวเช่นนี้เจ้าคะ
บ่าวชั้นต่ำ จงถอยไปเสีย! หลีฮุยตวาดอย่างฉุนเฉียว
ไม่ถอยเสียอย่าง ข้าถอยไปแล้วปล่อยให้ท่านรังแกคุณหนูของข้าหรือไร ปิงลวี่ยืดอกขึ้น
อืม…ก่อนหน้านี้ทุกคราที่นางทำอย่างนี้ คุณชายสามก็จะหน้าแดงจรดใบหูและเดินหนีไปอีกทางแล้ว
เพียงแต่หนนี้สาวใช้น้อยคะเนผิดพลาดไปเสียแล้ว หลีฮุยกำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ยังจะกริ่งเกรงระวังเรื่องนี้ที่ใดกัน เขายื่นมือผลักนางไปด้านข้าง
ปิงลวี่นิ่งงันไป จากนั้นก็กรีดร้องโวยวาย ว้าย! แย่แล้ว คุณชายสามจะสังหารคนแล้ว…
หุบปาก! หลีฮุยตะคอกลั่น
ปิงลวี่ไม่แยแสเสียงขู่ของหลีฮุย นางยกมือกุมอกพลางชายตามองเฉียวเจา
คุณหนูเห็นแล้วใช่หรือไม่ ข้าต่างหากคือสาวใช้อาวุโสที่ช่างเอาใจใส่และซื่อสัตย์ปกป้องเจ้านาย ถูกคุณชายสามผลักอกก็ไม่ขลาดกลัวสักน้อยนิด อาจูที่ท่านพากลับมาภายหลังนั่นไม่เห็นมีดีอะไร ดูท่าทางเซ่อซ่าของนางนั่นสิ ยังสู้ซวงหงที่ถูกขายไปไม่ได้เลยนะ!
เฉียวเจากลับอ่านความคิดของสาวใช้น้อยออกได้ในพริบตาเดียว นางเม้มปากยิ้มพลางกล่าว ปิงลวี่ ไปยกน้ำชามาให้คุณชายสาม
เจ้าค่ะ ปิงลวี่ขานรับเสียงใส นางปรายตามองอาจูที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอย่างลำพองใจปราดหนึ่งก่อนหมุนกายออกไป
พอถูกขัดจังหวะเช่นนี้ หลีฮุยคลายความฮึกเหิมลง มองไปทางเฉียวเจาก็เห็นนางยังกำเม็ดหมากในมือข้างหนึ่ง อมยิ้มตรงมุมปากราวกับเป็นคนแปลกหน้าไร้ความเกี่ยวข้องใดๆ ที่ชมดูละครชวนหัวฉากนี้
หลีฮุยบันดาลโทสะ ก้าวปราดๆ เข้าไปวาดมือปัดเม็ดหมากสีดำสลับสีขาวบนกระดานจนหล่นกระเด็นไปคนละทิศละทาง
เม็ดหมากที่ร่วงกราวตกลงบนพื้นส่งเสียงเปาะแปะๆ ดังกังวานใส
อารมณ์ร้ายเสียจริง เฉียวเจารำพึงในใจ
เฉียวเจา พี่เจี่ยวถูกถอนหมั้น ทีนี้เจ้าคงพอใจแล้วสินะ
เฉียวเจาเพิ่งมาถึงใหม่ๆ ไม่อาจรู้ข่าวต่างๆ ได้อย่างว่องไว พอได้ยินข่าวนี้ นางก็อึ้งไปเช่นกัน
เจ้าไม่ต้องแสร้งตีหน้าซื่อทำไขสือ! เจ้าคิดไม่ถึงอย่างนั้นหรือว่าเจ้าตกอยู่ในสภาพนี้ แล้วยังกลับมาทำให้พวกพี่เจี่ยวพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะอะไรเจ้าต้องกลับมาอีก ไฉนไม่…
หลีฮุยมองสบสายตาเยือกเย็นของเฉียวเจาแล้วถ้อยคำหลังก็ติดอยู่กลางลำคอ
ไฉนเจ้าไม่ตายอยู่ข้างนอกไปเสีย
มีอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งที่เด็กหนุ่มคิดเช่นนี้
ทว่าข้อมือที่เขาจับไว้เรียวเล็กมากราวกับดอกอวี้หลันที่แสนบอบบาง ออกแรงเพียงนิดก็หักเป็นสองท่อนแล้ว ใบหน้าของนางไร้ร่องรอยประจบประแจงหรือก้าวร้าวพาลเกเรเฉกแต่ก่อน ดูบริสุทธิ์เกลี้ยงเกลางดงามละเมียดละไม
จู่ๆ เขาก็พูดประโยคหลังออกจากปากไม่ได้
น้องสาม รีบปล่อยมือนะ! หลีเจี่ยวไล่ตามมาดึงมือหลีฮุยออก นางส่งยิ้มให้เฉียวเจาเป็นเชิงขอโทษขอโพย น้องเจา เจ้าอย่าถือสาเขานะ เขาวิตกกังวลจนเสียกิริยาไป…
เฉียวเจากล่าวเสียงเรียบๆ ข้าไม่ถือสาแน่นอน ข้ารู้ว่าเขาเป็นห่วงพี่เจี่ยว
หลีเจี่ยวมองเฉียวเจานิ่งๆ ครู่หนึ่ง
เด็กสาวมีสีหน้าผุดผ่อง แววตาใสกระจ่างดั่งน้ำในบึง ราวกับสามารถมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง
นางชักกระวนกระวายแปลกๆ ฝืนยิ้มกล่าวขึ้นว่า น้องเจาไม่ถือสาก็ดี ไม่อย่างนั้นท่านแม่คงจะตำหนิโทษแล้ว
ขณะมองดูพี่น้องคู่นี้ เฉียวเจาเพียงรู้สึกละเหี่ยใจ นางไม่เคยประสบผ่านการชิงดีชิงเด่นภายในตระกูลมาก่อน ตอนนี้ได้เป็นผู้ชมอยู่ด้านข้างละม้ายดูละครชวนหัวฉากหนึ่ง
น้องชายที่ตั้งหน้าตั้งตาปกป้องพี่สาว กับพี่สาวผู้ใจกว้างอดทนข่มกลั้น
สุดท้ายเฉียวเจาหยุดสายตาที่ตัวหลีเจี่ยว
คนอื่นๆ จะคิดเห็นเช่นไรกับแม่นางน้อยหลีเจา นางล้วนไม่จำเป็นต้องถือสา ยกเว้นคนผู้นี้ที่ต่างออกไป
ต่อให้นิสัยใจคอของหลีเจาจะไม่ดีสักเพียงใด ก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่รอดต่อไป ไม่พึงต้องชดใช้ด้วยชีวิตในวัยที่เปรียบดั่งดอกไม้แย้มบาน
เฉียวเจาใช้ร่างกายนี้อยู่ จึงไม่อาจจับมือพูดคุยยิ้มหัวกับคนที่เป็นสาเหตุทำให้นางจบชีวิตโดยตรง
ท่านแม่อะไรกัน ป้ายวิญญาณของท่านแม่พวกเราตั้งอยู่ในศาลบรรพชนนะ! พี่เจี่ยว ท่านเป็นคนดีเกินไปถึงยอมให้พวกนางแม่ลูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ ผลสุดท้ายตอนนี้ท่านถูกถอนหมั้นแล้ว คนที่พอใจมากที่สุดก็คือพวกนางสองแม่ลูก ใครยังจะสงสารเห็นใจว่าวันข้างหน้าท่านจะทำอย่างไรอีก หลีฮุยได้ยินคำกล่าวของหลีเจี่ยวแล้วไฟโทสะโหมแรงขึ้น
แปะ
เฉียวเจาโยนเม็ดหมากที่กำไว้ในมือเม็ดนั้นลงโถกระเบื้องจนบังเกิดเสียงดังกังวาน
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ หลีเจี่ยวกับน้องชายพากันหันไปมองนาง
เฉียวเจาหยักยิ้มกล่าวอย่างไม่สะดุ้งสะเทือน พี่สามกล่าวไม่ถูกนะเจ้าคะ ผลออกมาในรูปนี้คนที่พอใจมากที่สุดมิใช่ข้ากับท่านแม่ แต่เป็นพี่เจี่ยวต่างหาก
หลีฮุยเดือดดาลถึงขีดสุด หลีเจา เจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่ ถึงกับกล่าวถ้อยคำเหยียบย่ำซ้ำเติมพรรค์นี้ออกมาได้
นัยน์ตาคู่งามของเฉียวเจาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
พี่ชายของนางอ่อนโยนนุ่มนวลดุจหยก น้องสาวต่างมารดาก็ร่าเริงน่ารัก นางไม่เคยเจอะเคยเจอคนประเภทนี้มาก่อนจริงๆ ทั้งที่นางพูดอย่างจริงจัง ยังทึกทักเอาดื้อๆ ว่าเป็นการเหยียบย่ำซ้ำเติม
คุณหนูใหญ่ คุณชายสาม เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ ปิงลวี่ประคองถาดเข้ามาแล้วยกน้ำชาให้
หลีฮุยแค่นฮึเสียงหนึ่งอย่างไม่ไยดี ขณะที่หลีเจี่ยวรับถ้วยน้ำชาไว้แล้วพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ
ข้าจำได้ว่าบุตรชายคนเล็กของฉางชุนป๋อเป็นลูกหลานเศรษฐีที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเสเพลไม่เอาการเอางานของเมืองหลวง วันๆ ออกไปข้างนอกเกี้ยวพาราสีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ตั้งแต่อายุสิบสามแล้วกระมัง จริงสิ ข้านึกออกแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่เจี่ยวยังแอบร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่ด้านข้างสวนหินเลยนะ
หลีเจี่ยวกำถ้วยแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เฉียวเจากล่าวต่อ ตอนต้นปีบุตรชายคนเล็กของฉางชุนป๋อไปเที่ยวหอคณิกา พลั้งมือทุบตีนักอักษรหญิงคณิกาที่ไม่เชื่อฟังจนตาย แม้ว่าทางจวนฉางชุนป๋อหมายปิดเรื่องนี้ให้เงียบหายไป สุดท้ายยังคงถูกข้าหลวงตรวจการถวายฎีกาฟ้องร้องว่าปกครองเรือนไม่เข้มงวด
นางแย้มยิ้มมองดูหลีเจี่ยว พี่เจี่ยวถูกคนอย่างนี้ถอนหมั้น ท่านไม่พอใจหรือ